nn เมื่อเร็วๆ นี้ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานพัฒนาโทรคมนาคมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) องค์การชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ จัดเวทีระดับโลก“Girls in ICT Access and Safety” ผ่านรูปแบบออนไลน์ โดยได้รับเกียรติจากนายศุภชัย เจียรวนนท์ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เป็นผู้กล่าวเปิดงานและบรรยายหัวข้อ“ยกระดับการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลและการเข้าถึงเทคโนโลยีสำหรับเยาวชนไทย” พร้อมด้วยการเปิดมุมมองจากผู้บริหารหญิงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญที่ผลักดันนโยบายการเข้าถึง ICT ในกลุ่มผู้หญิง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากเยาวชนหญิงคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในแวดวง ICT ในหลากหลายอาชีพทั้งในภาคธุรกิจ สตาร์ทอัพ และการศึกษา โดยเวทีดังกล่าวเป็นการแสดงพลังสนับสนุนวาระของโลกพร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กผู้หญิงและเยาวชนหญิงมีทัศนคติ ความเชื่อ และศักยภาพในการพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมทางเพศให้เกิดขึ้นในสังคม
ในการนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าขณะนี้ความท้าทายที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกมีอยู่ 3 เรื่องสำคัญคือ 1.การจัดการความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันในทุกด้าน 2.การปรับตัวสู่ดิจิทัลและเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และ3.การสร้างความตระหนักรู้ด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ปัจจุบันเรากำลังก้าวไปสู่ยุค 5.0 จำเป็นต้องผสมผสานระหว่าง “เทคโนโลยี” เข้ากับ “กรอบความคิด” (Mindset) ในการวางรากฐานทางสังคมเพื่อลดช่องว่างลดอคติ รวมไปถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กหญิงและสตรีให้เพิ่มมากขึ้น เพราะจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ระบุว่า มีผู้หญิงเพียง 37% ที่จบการศึกษาด้านไอซีทีและวิศวกรรม ซึ่งเหตุผลที่ผู้หญิงสนใจในด้านดังกล่าวน้อยอาจเนื่องมาจากช่องว่างระหว่างเพศ และบรรทัดฐานสังคม ทั้งนี้จึงต้องมีการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผลักดันให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีมากขึ้น จึงต้องมีการวางแนวทางใน 5 ด้านสำคัญ คือ 1.ต้องเริ่มจากตั้งเป้าหมาย 2.สร้างตัวชี้วัดและประกาศเป็นนโยบายที่มีความโปร่งใส 3.ขับเคลื่อนตามกลไกการตลาดสร้างวัฒนธรรมให้เกิดความเท่าเทียม 4.เปิดโอกาสให้ผู้หญิงแสดงความสามารถและเปิดโอกาสเป็นผู้นำ และ 5.พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ผู้หญิงเข้าถึงได้มากขึ้น
“สภาดิจิทัลฯ มีแนวทางส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ทั้งในด้านการศึกษาและ ICT ของไทยมาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดช่องว่างลดความแตกต่างทางเพศซึ่งเราไม่สามารถทำเพียงคนเดียวได้ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเร่งด่วนจากผู้นำสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ ในการพัฒนาหญิงรุ่นใหม่ให้มีทักษะด้านICT รวมถึงการเพิ่มทักษะให้กับพนักงานหญิงให้สามารถแข่งขันเตรียมพร้อมสู่ยุค 5.0 ที่สำคัญต้องสร้างต้นแบบหรือผู้นำทางความคิดในการพัฒนาความสามารถด้าน ICT และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับเด็กหญิงและสตรีในทุกระดับเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเพศให้เกิดขึ้นในสังคม” นายศุภชัย กล่าว
ขณะที่ ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านวิทยุและโทรทัศน์ กล่าวว่า ประเด็น Girls in ICT ถือเป็น
วาระของโลกที่มุ่งให้ความสำคัญในเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศด้านดิจิทัล (Gender Digital Divide) จากงานวิจัยพบว่าปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความไม่เท่าเทียมดังกล่าวมาจาก 3 เรื่องหลัก คือ 1.ความรู้ด้านดิจิทัล 2.การเข้าถึง และ3.ความปลอดภัยทางออนไลน์ ทั้งนี้พบว่าผู้หญิงมีความรู้และโอกาสในการเข้าถึง ICT น้อยกว่าผู้ชายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา และยังพบว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงด้านการคุกคามทางเพศและถูกกลั่นแกล้งมากกว่าผู้ชาย ทั้งนี้ กสทช. ได้มีการส่งเสริมความรู้เท่าทันสื่อ และเร่งสื่อสารแนวปฏิบัติการนำเสนอของสื่อมวลชนเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศให้เกิดความเหมาะสม
นางสาวลูลี่ เดมซีย์ (Rury Demsey)ผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศสำนักงานภูมิภาคสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ITU) ได้เปิดเผยผลสำรวจช่องว่างการเข้าถึงระบบดิจิทัลและอินเตอร์เนตทั่วโลก โดยพบว่าผู้หญิงทั่วโลกมีอัตราการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลน้อยกว่าผู้ชาย ดังนั้น ITU จึงได้เดินหน้าให้ความรู้และสร้างวัฒนธรรมการเข้าถึงทักษะดิจิทัลโดยเปิดเวทีและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงและเยาวชนหญิงทั่วโลกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสายงาน STEM (Science Technology Engineering and Mathematics Education) โดยวางเป้าหมายในปี 2022-2024 จะมุ่งเน้นเรื่องการเข้าถึงและความปลอดภัย ทักษะการใช้งานดิจิทัลและความเป็นผู้นำ เพื่อเป็นพลังสำคัญให้ผู้หญิงและเยาวชนหญิงในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล
นางสาวกมลนันท์ เจียรวนนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการยุทธศาสตร์ มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี กล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมของการเข้าถึงเทคโนโลยีของผู้หญิงควรหยิบยกเป็นประเด็นสำคัญ ผู้หญิงก็ควรต้องต่อสู้กับบรรทัดฐานทางสายอาชีพบางอาชีพที่สังคมกำหนดให้แค่ผู้ชายเข้าไปทำงาน โดยพบว่ามีผู้หญิงเพียง 19% เท่านั้นที่จบการศึกษาด้าน STEM และมีผู้หญิงเพียง 24% ได้ทำตำแหน่งผู้จัดการที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สิ่งดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่วงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นบรรทัดฐานสังคมยุคนี้จึงควรเปลี่ยนแปลงและเปิดรับให้โอกาสผู้หญิงได้เรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรืออย่างน้อยต้องเข้าใจความสำคัญของยุคดิจิทัล เพื่อขยายโอกาสทางความรู้และอาชีพให้แก่ผู้หญิง ผลักดันให้การเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นเรื่องง่ายในทุกพื้นที่ ในขณะเดียวกันผู้ปกครองต้องสร้างกรอบความคิดให้เด็กผู้หญิงมีความสามารถในการเชื่อมโยงโลกความจริงกับโลกออนไลน์ได้อย่างสมดุลและปลอดภัย ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าหากสังคมเปิดโอกาสในการเข้าถึง ICT จะทำให้ผู้หญิงสามารถขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างโอกาสให้สังคมอย่างยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ได้เช่นกัน
ภายในเวที “Girls in ICT Access and Safety” ยังมีผู้บริหารหญิงและเยาวชนหญิงในแวดวงต่างๆ ในการมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแนวคิดที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นพร้อมที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้หญิงในการเข้าถึง ICT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ พญ.พิรญาณ์ ธำรงธีระกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชั่นหมอดี และนางสาวทชา ปัญญาเนรมิตดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Alpha Finance ผู้นำด้านบริการทางการเงินแบบไร้ตัวกลางบนบล็อกเชน นางสาวณิรชาอ่อนมา และนาสาวณัฐณิชา เดชสกุลฤทธิ์ สองตัวแทนเยาวชนหญิงของประเทศไทยผู้ชนะการแข่งขัน Drone Odyssey Challenge ปี 2020-2021 รวมไปถึงนางสาวญดา ชัยวิรัตน์ เกมสตรีมเมอร์ชื่อดังจากเพจ Haruza ร่วมแบ่งปันประสบการณ์เส้นทางแห่งความสำเร็จในวงการ ICTทั้งนี้ผู้เข้าร่วมเวทีดังกล่าวต่างให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่าทุกคนมีความเท่าเทียม ผู้หญิงต้องได้รับโอกาส สามารถความรู้ด้าน ICT ไปต่อยอดในด้านการศึกษาและประกอบอาชีพด้านเทคโนโลยีได้ในอนาคต รวมทั้งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองในยุค 5.0 ได้
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี