เหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญและสร้างความเศร้าสลดให้แก่คนทั้งโลก ที่ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาตั้งแต่ก่อนเข้ารับราชการตำรวจ ไม่ได้รับการบำบัดให้เลิกเสพได้ จนมีพฤติกรรมก้าวร้าว มีปัญหากับผู้บังคับบัญชาและชาวบ้านเรื่อยมา จนถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ และมาก่อเหตุรุนแรง ใช้มีดประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์และใช้อาวุธปืน บุกเข้ากราดยิงครูและเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์อย่างเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ทางการตำรวจเข้าล้อมจับกุม แต่ไม่ทันกาล จนผู้ก่อเหตุย้อนกลับมาสังหารภรรยา ลูกเลี้ยงของตนเอง จนมีผู้เสียชีวิตถึง37 ราย และฆ่าตัวตายเพื่อหนีคดีในที่สุด
หากพิจารณาเหตุการณ์ดังกล่าวอาจพบช่องโหว่บางอย่างที่มองข้ามไปและควรหาแนวทางแก้ไข ดังนี้
1. ควรเคร่งครัดในการคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ
จากเหตุการณ์จะเห็นได้ว่าผู้ก่อเหตุมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกให้เข้ามาบรรจุรับราชการตำรวจ แม้ผู้ก่อเหตุจะมีประวัติการศึกษาที่ดีแต่หากเข้าข่ายเป็น “ผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี” (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อบ.126/2565) ถือว่าเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติไม่สมควรที่จะผ่านเข้าสู่กระบวนการบรรจุแต่งตั้งเข้ามารับราชการตั้งแต่ต้นแล้ว
ในกรณีของผู้ก่อเหตุในขณะนั้น หากตรวจพบว่ายังมีสารเสพติดในร่างกายของผู้ผ่านการสอบ แม้ไม่ผ่านการคัดเลือกบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังอาจพิจารณาให้ความอนุเคราะห์ เพื่อเข้ารับการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดทางการแพทย์ ให้หายจากอาการติดยาเสพติด กลายมาเป็นพลเมืองที่ดีช่วยเป็นสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอีกแรงหนึ่งด้วย
2. ควรเคร่งครัดลงโทษทางวินัยในปัญหายาเสพติดและติดตามผล
ผู้ก่อเหตุขาดการดูแลสอดส่องเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชา ให้เข้ารับการบำบัดรักษาทางการแพทย์อย่างถูกวิธี และหันกลับเข้าไปเสพยาและยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ผู้บังคับบัญชาทราบจึงดำเนินการทางวินัย และมีคำสั่งลงโทษให้ย้ายและออกจากราชการในที่สุด ในการพิจารณาทางวินัยอาจมิได้คำนึงถึกระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดมาร่วมด้วย จึงมีมติออกคำสั่งไล่ออกจากราชการเป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุเกิดความเครียดและกดดันอย่างหนัก เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจสะสมกลายเป็นความคลั่งแค้นในใจ และใช้ยาเสพติดเป็นทางออกในการแก้ปัญหา จนถึงขั้นกระทำการลงมือก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้
3. ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมการครอบครองอาวุธปืน
เหตุการณ์ครั้งนี้ อาวุธปืนที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้ทำร้ายผู้เสียหายและสังหารหมู่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทุกราย เป็นอาวุธปืนที่ผู้ก่อเหตุมีสิทธิครอบครองในช่วงที่รับราชการตำรวจใช้เพื่อการปฏิบัติหน้าที่
กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงควรมีมาตรการ หรือแนวปฏิบัติในการรับซื้อคืนโดยเฉพาะปืนที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ จากเจ้าหน้าที่ผู้เกษียณอายุราชการ หรือพ้นจากตำแหน่งราชการ
ในอดีตที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจอาจไม่ได้รับอาวุธปืนเพื่อใช้งาน เพราะงบประมาณในการจัดหาปืนมีจำกัดจำนวนปืน จึงไม่เพียงพอแก่จำนวนข้าราชการที่จำเป็นต้องใช้ปฏิบัติหน้าที่ จึงมีโครงการสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิซื้อปืนเป็นสมบัติส่วนตัวเพื่อใช้ปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ กรณีของ ปืนแบลงค์กัน (Blank Guns) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ปืนจำลองหรือปืนโมเดลหรือปืนของเล่นหรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นวัตถุที่มีรูปร่างคล้ายปืน ซึ่งมิได้เป็นปืนที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้เป็นอาวุธ แต่ได้นำมาดัดแปลงกลไกทางเทคนิคให้ใช้งานได้อย่างอาวุธปืน กลายเป็นปืนเถื่อน มีการจำหน่ายโดยผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ คนทั่วไปหามีไว้ในครอบครองได้ง่าย จึงต้องปราบปรามและควบคุมอย่างเคร่งครัด
4. ควรปฏิบัติการเชิงรุกในการสอดส่องเฝ้าติดตามบุคคลผู้มีประวัติและพฤติกรรมรุนแรงเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อสังคม
จากเหตุการณ์นี้ หลังจากมีคำสั่งลงโทษทางวินัยกับผู้ก่อเหตุให้ออกจากราชการอันเนื่องมา จากมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งอาจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานป้องกันและปราบยาเสพติด หรือหน่วยงานทางการแพทย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสอดส่อง เฝ้าจับตาพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุรายนี้เป็นกรณีพิเศษอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการระงับการก่อเหตุได้
แนวทางดังกล่าวเป็นปฏิบัติการในเชิงรุก เป็นการป้องกันก่อนมีเหตุอาชญากรรม ไม่ต้องรอให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยหาแนวป้องกันเหมือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การบำบัดและฟื้นฟูยาเสพติดที่เป็นแนวปฏิบัติควบคู่กันนั้น ควรนำแนวคิดทางศาสนามาช่วยกล่อมเกลาจิตใจผู้รับการบำบัด ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเลือกปฏิบัติที่สร้างความเหลื่อมล้ำที่จะตามมา จนลุกลามเป็นปัญหาสังคมด้วย
การดำเนินการใดๆ ของภาครัฐ ควรเป็นการทำงานในเชิงรุก โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดแล้วจึงแก้ไข จะได้ไม่เกิดความสูญเสีย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี