ตั้งแต่ล็อกดาวน์โควิดเมื่อมีนาคมปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ เชื่อว่ามีบางคนที่ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยมีเงินกินใช้สบายๆ กลายเป็นปวดหัวเรื่องเงินตลอดเวลา
“เป็นหนี้” ไม่เท่ากับ “รายได้หาย” หลายคนบอกกับผมอย่างนั้น
เพราะถ้ายังมีรายได้ ต่อให้เป็นหนี้ เราก็ยังพอจ่ายหนี้ได้ แต่ถ้าไม่มีรายได้ ก็เหมือนสมการการเงินขาดสารตั้งต้น อย่าว่าแต่จ่ายหนี้เลย แค่จ่ายให้ชีวิตอยู่ต่อได้ในแต่ละวันก็ยังเหนื่อย
แม้โควิดจะทำให้หลายคนเหนื่อยหนักเรื่องการเงิน แต่ผมก็ยังเห็นข้อเท็จจริงหนึ่ง ที่เห็นมาตลอดในวิกฤตสองครั้งก่อนหน้านี้ทั้งต้มยำกุ้งและซับไพร์ม มาถึงโควิดครั้งนี้ก็ยังคงเป็นความจริงที่เหมือนเดิมนั่นคือ
เมื่อมีวิกฤตการเงินเข้ามาในชีวิต คนเราจะตอบสนอง 2 แบบนั่นคือ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย กับดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้รอด
สำหรับคนที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหมดไฟหรือหมดกำลังใจหรือเปล่า แต่สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อรับมือกับวิกฤตก็คือ “รอ”
“รอ” ให้สิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงก่อน แล้วก็หวังว่าถ้าสิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนไปในทางที่ดี ชีวิตก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย คนกลุ่มนี้มักมีความคิดว่า “เมื่อมันเป็นวิกฤต ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ และทำให้เพียงรอให้วิกฤตผ่านพ้น”
ไม่นานมานี้ผมไปอบรมให้กับบริษัทหนึ่ง วันนั้นเป็นบ่ายวันพุธต้นเดือน แต่สิ่งที่แปลกคือ โรงงานที่เชิญผมไปเงียบมาก ไม่มีคนเดินไป-มาเลย จนได้เข้ามาถึงห้องอบรมถึงได้รู้ว่า พนักงานทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด
ขณะจัดการอุปกรณ์เตรียมสอน เจ้าหน้าที่บริษัทก็มากระซิบบอกว่า “ปลายเดือนนี้เราจะปลดพนักงานครึ่งนึงค่ะโค้ช อยากให้โค้ชสอนเรื่องการหารายได้เสริมให้พวกเค้าหน่อย เผื่อใครตกงานจะได้มีทางไป”
สิ้นคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ ผมถามกลับทันทีว่า “แล้วพนักงานเค้ารู้ตัวหรือยัง ว่าบางส่วนจะถูกให้ออกสิ้นเดือนนี้”
“รู้ค่ะ” เจ้าหน้าที่ตอบสั้นๆ สีหน้าไม่มีรอยยิ้มเลย
วันนั้นพลิกตำราการสอนแทบไม่ทัน เพราะมันไม่ใช่การบริหารเงินในสภาวะธรรมดา จากที่จะสอนวิธีการบริหารเงิน กลายเป็นวิธีสร้างรายได้ และสร้างแรงบันดาลใจไปเสียอย่างนั้น
หลังจบบรรยาย ขณะเดินออกจากห้องมีน้องพนักงานคนหนึ่งวิ่งตามผมมา เธอทักทายผมและถามว่า “ตอนนี้เป็นหนี้อยู่ต้องจัดการยังไง ถ้าไม่มีรายได้หนูแย่แน่เลย”
“รีบหาสมัครงานที่อื่นดูสิครับ อย่าอยู่เฉย อย่ารอ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เธอก็ตอบกลับมาว่า
“ก็คิดไว้ค่ะ แต่เดี๋ยวรอดูสิ้นเดือนก่อน ว่าจะถูกให้ออกมั้ย” พูดเสร็จเธอก็เดินกลับไปห้องอบรมด้วยท่าทางผิดหวัง เหมือนคิดว่าจะได้คำแนะนำที่พิเศษกว่านี้
เห็นอยู่แล้วว่าข้างหน้ามีความเสี่ยง แต่ทำไม? เธอเลือกที่จะรอเหมือนจะแอบหวังว่า อย่างน้อยคนโชคร้ายอาจจะไม่ใช่เราหรือเปล่า แล้วยังไง? ถ้าไม่ถูกให้ออก แล้วจะยังวางใจในสถานการณ์ของตัวเองได้ต่อไปอีกหรือ
ส่วนอีกกลุ่มนั้นตรงกันข้ามเลยครับ กลุ่มนี้ “กล้า” เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง ดิ้นรนทุกช่องทาง เพื่อให้ตัวเองและครอบครัว “รอด”
บางคนเลือกหารายได้เสริม ชนิดที่กระโดดข้ามความเคยชินเดิมไปสู่ความยากลำบากใหม่ แบบไม่กลัว ไม่ย่อท้อ
เป็นพนักงานโรงแรมไม่มีงาน ก็รับจ้างซักเสื้อผ้าตามบ้าน เป็นแอร์โฮสเตสก็พลิกบทบาทเป็นแม่ค้า วิศวกรตกงานรับสอนพิเศษคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ เป็นนักบัญชีกลายมาเป็นนายหน้าอสังหาฯ และตัวแทนประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ฯลฯ (ข้อมูลจากแฟนเพจโค้ชหนุ่ม)
หรือบางคนก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและไลฟ์สไตล์ไปเลย เช่น เคยเป็นไกด์นำเที่ยวอิสระ ก็ปรับตัวเป็นพนักงานประจำในตำแหน่งล่ามประจำโรงงาน หรือบางคนถูกลดเงินเดือนจากงานประจำ ก็เอารถกระบะวิ่งขนส่งของ ฯลฯ
บางคนเหมือนลดขนาดงานลง จากเคยทำโปรดักชั่นให้งานทีวีหรือภาพยนตร์ ก็รับหมดจิปาถะ งานเล็กงานใหญ่ให้ได้งานทำไว้ก่อน ก็มี
ยังมีตัวอย่างอื่นๆ อีกมากมาย ของคนในสายดิ้นรนและสู้ทุกวินาทีเหล่านี้ เพื่อให้ชีวิตผ่านพ้นปัญหาในช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้
คำคำหนึ่งที่คนเราอยากได้กันทุกคน ก็คือ คำว่า “ความมั่นคงทางการเงิน”
คงจะดีถ้าโลกนี้ไม่มีวิกฤต ไม่มีเรื่องราวน่าตกใจที่ส่งผลกระทบต่อ “รายได้” ของเราเลย และทำให้เรามีกินใช้เพียงพอไปตลอดชีวิต
หลายคนเชื่อว่า ความมั่นคงทางการเงิน ขึ้นอยู่กับบริษัทที่เราทำงานด้วย ขึ้นกับเจ้านาย ขึ้นกับรัฐบาล และขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจ แต่เอาเข้าจริง ในทุกสภาวะปัญหา จะมีคนกลุ่มหนึ่งรอด ในขณะที่คนอีกกลุ่มใหญ่ร่วง พังไม่เป็นท่า แถมลุกขึ้นมาสู้ใหม่ก็ยังทำไม่ได้
แท้ที่จริงแล้ว “ความมั่นคงทางการเงิน” ขึ้นกับตัวเราเองต่างหาก
วันที่อยู่ดีมีสุข ก็เตรียมพร้อม เผื่อเหลือเผื่อขาดในวันที่จะมีวิกฤตแบบนี้ แต่ถ้าพลาด สะดุดหกล้ม ก็ดึงพลังใจตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ได้ใหม่ โดยไม่ต้อง “รอ” ใครมาช่วย
ไม่รู้ว่าวิกฤตนี้จะอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าท่านที่กำลังอ่านบทความนี้กำลังเหนื่อยอยู่หรือเปล่า
ถ้ากำลัง “สู้” ยิบตา ผมขอส่งกำลังใจให้สู้ต่อ จัดให้หนัก จัดให้เต็ม
แต่ถ้าคุณกำลังนั่ง “รอ” นอนรอ คืนวันดีๆ ให้กลับมาอีกครั้ง โดยไม่ลงมือทำอะไรเลย
ผมขอให้คิดใหม่ สร้างกำลังใจให้ตัวเองใหม่ และเริ่ม “เปลี่ยนแปลง”หาทางสู้ใหม่ทีละน้อย
“เปลี่ยนแปลง” เพื่อ “อยู่รอด”
ขอพลังแห่งนักสู้สถิตอยู่กับคุณครับ
#โค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี