nn สัปดาห์ก่อนแวดวงการเงินเขียนถึงปัญหาบุหรี่เถื่อนที่โตวันโตคืน ปราบเท่าไรก็ไม่หายจากประเทศนี้ไปเสียที เพราะบุหรี่ถูกกฎหมายมันราคาสูง ทำให้สิงห์นักสูบต้องหาทางออกด้วยการหันไปสูบของเถื่อน...ราคาสบายกระเป๋าแทน และการที่คนหันไปนิยมของเถื่อนหนีภาษี ทำให้การเก็บภาษีแพงๆ ไม่ได้ช่วยให้รายได้สรรพสามิตเพิ่มขึ้น...แต่กลับทำให้ยอดการเก็บภาษีสรรพสามิตยาสูบปี 2565 ลดลงเหลือเพียง 6 หมื่นล้านบาท จากที่เคยเก็บได้ในปีก่อน 6.4 หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่ายิ่งขึ้นภาษี รายได้ภาษียิ่งหายไป สวนทางกับที่กรมสรรพสามิตประกาศไว้ตอนขึ้นภาษีเมื่อ 1 ตุลาคม 2564 ว่าจะทำให้รายได้เพิ่ม 3.5-4.5 พันล้านบาท...และภาษีที่สูงขึ้นกลับทำให้การยาสูบแห่งประเทศไทยทรุดหนัก จากที่เคยกำไร 9,000 กว่าล้านบาท เหลือ 100 กว่าล้านบาท.... มันเป็นไปได้ยังไงนะหรือ??...แวดวงการเงิน...จะเฉลยให้ฟังว่ามันมีที่มาจากการที่รัฐแบ่งอัตราภาษีบุหรี่ออกเป็น 2 ชั้น คือบุหรี่ ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกินซองละ 72 บาท ให้เก็บภาษีที่อัตรา 25% ส่วนบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกแนะนำเกินซองละ 72 บาท ให้ใช้อัตราภาษี 42% กลายเป็นว่าทั้งผู้ผลิตในประเทศอย่างการยาสูบแห่งประเทศไทย และผู้นำเข้าอีกหลายรายต่างก็ตั้งราคาสินค้าแข่งกันที่ไม่เกิน 72 บาท เพื่อให้เสียภาษีในระดับต่ำกลายเป็นการส่งเสริมให้ตลาดของบุหรี่ราคาต่ำ ซึ่งมีมากกว่า 95% ของส่วนแบ่งการตลาด แข่งขันกันด้านราคากันอย่างรุนแรง ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของการยาสูบฯ ประมาณ 70% ก่อนที่จะมีการเริ่มใช้อัตราภาษีแบบ 2 อัตราเมื่อปี 2560 ลดลงเหลือเพียง 50% ในปี 2565 ประกอบกับผู้บริโภคส่วนหนึ่งหันไปซื้อบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งถูกแบนในประเทศไทย จนทำให้ขายบุหรี่ทั้งตลาดหดตัวลง และกระทบยอดขายของการยาสูบฯ ตามมา…นอกจากนี้ ยังมีการเก็บภาษีซ้ำซ้อนเข้ากองทุนต่างๆและภาษีเพื่อมหาดไทยเพิ่มขึ้นอีก 10% ทำให้ภาระภาษีบุหรี่ของการยาสูบฯขยับขึ้นยกแผง จากที่เคยขายได้กำไรซองละ 7 บาท เหลือไม่ถึงซองละ 1 บาท ทำให้กำไรของการยาสูบฯ ลดลงเป็นจำนวนมาก และแน่นอนเงินนำส่งรัฐก็ลดลงไปด้วย..เมื่อยอดขายลดลง ปริมาณความต้องการใบยาที่รับซื้อจากชาวไร่ก็ลดลงด้วย การยาสูบฯ จึงต้องไปปรับลดโควตารับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรลง 50% เป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกันมาแล้วและด้วยกำไรที่น้อยนิด ยังต้องวิ่งหาเงินจากงบกลางเพื่อมาดูแลและชดเชยโควตาให้กับชาวไร่ยาสูบ แต่ก็เพิ่งได้มาเพียง 2 ปี แถมยังมีเงินไม่พอไปชดเชยปัจจัยการผลิตอีกกว่า 100 ล้านบาท..มติ ครม. เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถึงเร่งให้กระทรวงการคลังไปทบทวนภาษียาสูบใหม่ให้ไปสู่อัตราเดียวที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า ทั้งๆ ที่มันสมองของกระทรวงการคลังอย่าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็ไปศึกษามาแล้วว่าภาษีอัตราเดียวที่ไม่สูงจนเกินไปคือนโยบายที่เหมาะสมที่สุด....หรือจะปล่อยให้ การยาสูบฯ และชาวไร่ยาสูบรอวันเข้าแผนฟื้นฟูกิจการหรืออย่างไร ยิ่งถ้าไปรอหลังเลือกตั้งมีหวังการยาสูบฯ จะหืดขึ้นคอ ไม่มีเงินพอนำส่งรัฐ และไม่สามารถช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบนับหมื่นครอบครัวได้ หวังว่าวันนี้มติ ครม. ยังมีความหมายและไม่มีใครปล่อยเกียร์ว่างก่อนที่จะเห็นม็อบชาวไร่ยาสูบออกมาประท้วงที่หน้ากระทรวงการคลังกันอีก…แวดวงการเงิน...ยังเชื่อมั่นในฝีมือ...ของคุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศอธิบดีกรมสรรพสามิต..และมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาเรื่องภาษีนี้ได้...และหวังใจว่าคุณสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง...จะไม่ปล่อยให้ชาวไร่ยาสูบ(ฐานเสียงหลัก) ตายไปต่อหน้าต่อตา...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี