บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB จากการที่หนี้ค้างชำระ 1-3 เดือนที่เพิ่มขึ้นกลุ่มสินเชื่อบ้าน และบุคคลในระบบธนาคารในไตรมาส 3/67 กดดันการเพิ่มขึ้นของ NPL ในไตรมาส 4/67 ซึ่ง SCB มีแรงกดดันมาก จากการมีสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงที่สุดกลุ่มที่ 32% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ สินเชื่อบุคคลปลอดหลักประกันสูงถึงเกือบ 10% สถานการณ์นี้ซึ่งจะกดดันให้ธนาคารยังต้องสำรองฯสูงต่ออีก 3-6 เดือนข้างหน้า เพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ธนาคารเผยว่าค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) จะอยู่ที่ระดับสูงสุดแล้ว แต่เราคิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ธนาคารจะยังต้องคง credit cost ไว้ที่ระดับสูงไปอีกอย่างน้อย 3-6 เดือน ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการ credit cost เป็น 1.8% (จากเดิมที่ 1.6%)

เนื่องจากมีการชำระคืนหนี้เป็นกรณีพิเศษใน 3Q67 ทำให้ NIM เพิ่มมากกว่าปกติ 5bps ในไตรมาส 3/67 ภายใต้สมมุติฐานว่าไม่มีการชำระเงินกู้ก้อนใหญ่จากลูกค้า บวกกับการลดดอกเบี้ยเงินกู้ เราจึงคาดว่า NIM จะลดลงในอัตราเร่งใน 4Q67 ทั้งนี้เรามองว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในปีหน้าซึ่งจะกระทบกับ NIM ลดลงประมาณ 10bps

ธนาคารจะพยายามอย่างหนักที่จะบีบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลงใน 4Q67F เพราะฐานที่สูงจากรายได้พิเศษที่มีการบันทึกใน 3Q67ขณะเดียวกัน สถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับหนี้มีปัญหาที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ สินเชื่อผู้บริโภคปลอดหลักประกันจะกดดันให้ธนาคารยังต้องคง credit costไว้ที่ระดับสูงใน 4Q67 และ ต่อไปจนถึงปี 2568 เมื่อใช้ PBVที่ 0.75x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2568F ใหม่ที่ 118 บาท(ลดลงจากเดิมที่ 127 บาท) ธีมการลงทุนหลักของเราคือSCB เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูง โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 7%

อิงจากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 65% ในปี 2567/2568 (ลดลงจาก 80% ในปี 2566) เรายังคงคำแนะนำถือ SCB

ปัจจัยเสี่ยงNPLs และ credit cost เพิ่มขึ้น

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)