เมื่อเดือนตุลาคม 2519 เกิดวาทกรรมสะท้านประเทศสะเทือนพุทธศาสนาครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง นั่นคือ วาทกรรมทางการเมืองของ “พระเทพกิตติปัญญาคุณ”หรือ “กิตติวุฑโฒ” เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์จิตตภาวันวิทยาลัย ที่กล่าวไว้ในช่วง "เหตุการณ์วิปโยค 6 ตุลา 19" ว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"
“พระกิตติวุฑโฒ” อธิบายเหตุผลวาทกรรมนี้ว่า อาตมาเห็นว่าคนไทยแม้จะนับถือศาสนาพุทธก็ควรจะทำ แต่ก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นการฆ่าคนเพราะว่าใครก็ตามที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันไม่ใช่คนสมบูรณ์ คือต้องตั้งใจ เราไม่ได้ฆ่าคน แต่ฆ่ามาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนฆ่าคอมมิวนิสต์ที่อยู่ในใจคนให้ตาย
ขณะที่วงการพุทธศาสนาวงการวสงฆ์ต้องบอกว่า ก่อนที่จะเกิดปฏิบัติการปราบเปรตเงินทอนวัดก็บังเกิดเสียงเรียกร้องที่ต้องการให้สังคมไทยปฏิบัติการ “สังคายนาศาสนา - ปฏิรูปสงฆ์ไทย” เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กำลังหลงเดินเข้าซอยตันกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ “ดีเอสไอ” สอบสวนพบการกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันรับของโจรจากบริษัทสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จนต้องประกาศใช้มาตรา 44 เข้ามาดำเนินการกับวัดพระธรรมกายเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าค้นหาตัวผู้ต้องหาตามหมายจับภายในวัดได้
ด้วยเหตุว่า “ธัมชโย(ไพบูลย์ สุทธิผล)”ดื้อแพ่งดื้อตาใส
ไม่ยอมใก้เจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการตามกฎหมาย
เล่นละครตบตาสังคมไทยด้วยบท “ผู้ป่วย”
ทั้งยังพยายามปลุกระดมศิษยานุศิษย์โดยเฉพาะ “สตรีเพศ-อุบาสิกา”นุ่งขาวห่มขาวมานั่งสวดมนตร์ภาวนา ปรับรูปกระบวนสร้างให้เป็นกำแพงมนุษย์เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สามารถฝ่ากำแพงอุบาสิกาเหล่านี้เข้าตรวจค้นและนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จนถึงการอันตรธานที่ไร้ร่องรอยจนถึงปัจจุบันนี้ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า ธัมมชโยยังมีชีวิตหลบซ่อนมุดหัวอยู่ในวัดพระธรรมกาย หรือระรื่นระเห็จไปแสวงหาความสุขสบายที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนโลกมนุษย์นี้แล้วหรือไม่อย่างไร??
แต่เรื่องของเดียรถีย์ตนนี้ทำให้เกิดอาการ”ไฟลามทุ่ง”ขึ้นมา
เมื่อทีการตรวจพบการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงการพุทธศาสนาครั้งใหญ่จนเกิดคดีใหม่เพิ่มขึ้นมาคือคดีเปรตเงินทอนวัด กระทั่งนำไปสู่การบุกค้นบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานพระพุทธศาสนา ต่อด้วยการอายัดทรัพย์ซึ่งได้มาโดยมิชอบมูลค่าเป็นพันล้าน รวมทั้งทำให้เก้าอี้กรรมการมหาเถระสมาคมร้อนฉ่าอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อหน่วยงาน ปปง.ที่ดำเนินการสืบสวนสอบวนคดีเปรตงาบเงินทอนวัดออกหมายเรียกพระผู้ใหญ่4 รูปมารับทราบข้อกล่าวหาประกอบด้วย
1.พระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท) เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการามวรวิหาร และพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ (อุดม สุระกาพย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธารามวรวิหาร ซึ่งล้วนเป็นเถระใกล้ชิด “สมเด็จสมศักดิ์” สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่ดองเรื่องการต้องปาราชิกของพระธัมมชโยไพบูลย์ วิสุทธิผล) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
2.พระเทพเสนาบดี (ประเทือง อาภาธโร) เจ้าอาวาสวัดกวิศวราราม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รองประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านศีลห้า
3.พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค อำเภอชนแดน และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์
เปลวไฟที่เผาผลาญเปรตที่แฝงกายเป็นเหลือบเกาะกินพระพุทธศาสนายังมิได้หมดลงแค่คดีเปรตงาบเงินทอนวัดเท่านั้น แต่ไฟอเวจียังยังครุกรุ่นลุกลามเรื่อยต่อไปจน
กระทั่งเกิดคดี สัมภเวสีสวมบัตรปชช.
แถมเป็นสัมภเวสีที่เป็นต่างด้าว สัญชาติเมียนม่าร์ เสียด้วย
เหตุที่พูดถึงคือเมื่อพุทธศาสนิกชนไทยมีการเรียกร้องขอให้ตรวจสอบเจ้าคุณเกจิดังภาคเหนือ พระราชรัชมุนี “นิมิตร ทิพย์ปัญญาเมธี” เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ .. เพราะมีการพบว่า "ท่านเจ้าคุณนิมิตร" ใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน ตรงกับเด็กชายชาวชัยภูมิ หรือ "มหาดวงดี" ที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อปี 2538 ..
นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลอีกว่า “เจ้าประคุณท่าน” อาจไม่ใช่คนไทย แต่เป็น “ต่างด้าว” สัญชาติเมียนมา อีกด้วย ซึ่งมิทันที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบจนแล้วเสร็จ ก็ปรากฏว่า “เจ้าคุณนิมิต”กลายเป็นสัมภเสวีเป็นสมีเป็นบรรพชิตที่ต้องปาราชิก เพราะลักทรัพย์เกิน 5 มาสกมาเป็นของตนเองเพราะขโมยชีวิตมหาดวงดีที่มรณภาพไปแล้วมาใช้เป็นของตนเอง
ที่สุด “เจ้าคุณนิมิต”ลอยล่องหายไปจนไม่พบตัวกระทั่งบัดนี้
กรณีของ “เจ้าคุณนิมิต” ทำให้ไฟลามไปถึง “เจ้าคุณวิเชียร” พระวิสุทธิวงศาจารย์ แห่งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ รวมถึง “เจ้าคุณสะอาด” พระเทพปริยัติ เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ หรือแม้แต่ พระอุปัชฌาย์อย่าง“เจ้าคุณสมาน” พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่กลายเป็นเตมีย์ใบ้กระทันหัน
เรียกง่ายๆแบบฆราวาสว่า ใบ้แดกฉุกเฉินกับกรณีนี้
โดยเฉพาะ ประเด็นของ “เจ้าคุณสมาน” พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์จะบอกว่า พระอุปัชฌาย์ไม่ร้ไม้เห็นคงไม่ได้ “ไม้หน้าสาม”อาจรู้น้อยในระเบียบของพระสงฆ์พราะไม่เคยเข้าแก๊งค์เปรตคณะใดคณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเปรตงาบเงินทอนวัด หรือเปรตปลอมบัตรปชช. แต่เคยบวชเรียน 1 พรรษาทำให้พอจะทราบว่า พระอุปัชฌาย์จะตรวจสอบประวัติฆราวาสที่ขอเข้าบรรพชาอย่างมากทราบไปจนถึงบุพการีเลย
กรณีนี้ไม่ใช่เป็นแค่พระอุปัชฌาย์เท่านั้น
ทว่า “เจ้าคุณสมาน”ยังกระโจนเข้าไปรับบท “ผู้ปกครอง”ที่อุ้มชู เสริมส่งให้เจ้าคุณนิมิต ภิกษุดาวรุ่งได้ร่ำได้เรียน
และผลักดันให้สามารถขึ้นครองตำแหน่ง “เจ้าคุณ” ทั้งที่พรรษาหย่อน 20 เท่านั้นด้วย
สมณศักดิ์สงฆ์ผู้ใหญ่เหล่านี้ควรถูกถอดถอนด้วยหรือไม่!!!
เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาในยุคสังคายนาและปฏิรูปวงการสงฆ์ไทยอย่างยิ่ง
ใช่ว่า”ไม้หน้าสาม” เขียนเรื่องนี้ไม่ใช่ต้องการย่ำยีพระพุทธศาสนา ไม่ได้รับเงินจากมุสลิมจากศาสนาคริสต์มาทำลายศรัทธาและความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา
เพราะ”ไม้หน้าสาม” ก็เป็นพุทธมามกะ
เคยเห็นเคยรู้เช่นเห็นสันดานนักการเมืองอาสาเข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมือง กระทำการทุจริต คอร์รัปชั่นหากินเพื่อผลปรโยชน์ของพี่น้องและเครือญาติ โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ นอกจากการหนีกระบวนการยุติธรรมออกไปเสวยสุขในต่างประเทศ
แถมยังบงการให้ติ่งให้ส่ำสัตว์ในสังกัดตระกล "ชินวัตร" ออกมาเห่าหอนกล่าวอ้างความบริสุทธิ์ โดยระบุว่าข้อกล่าวหาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องร้องต่อศาลีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีการทุจริตต่อครงการรับจำนำข้าว หากแต่ทมีความผิดเพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อกรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ที่กระทำการทุจริตในโครงการระบายข้าวแบบจีทจี
จึงไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบหายไปกับสายลม ไม่อยากให้เป็นแค่ลมที่ร่างกายระบายออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น
แต่อยากให้สังคมไทยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมั่งมั่นในการกำจัดเหลือบผ้าเหลือง
โจรในวงการพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยครั้งแล้วครั้งเล่าให้ลดขนาดหรือหมดสิ้นไป
ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ กรรมการมหาเถรสมาคมควรถูกฟอกล้างบางเพื่อให้พระพุทธศาสนากลับมาเป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนไทยอย่างไร้ข้อกังขาด้วยหรือไม่
เชื่อหรือไม่พระที่ถูกกล่าวถึงนี้คือ เบอร์ต้นๆลัทธิจานบินโยงใยกันทั้งสิ้น
1.เชื่อกันหรือไม่ว่า???
เจ้าคุณสมาน” พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน เป็นเกจิดังโซนเหนือของประเทศและยังเป็นเบอร์ต้นๆของอาณาจักรธรรมกาย-จานบิน
ย้อนความจำให้นิดนึง เผื่อจำกลุ่มเปรตสงฆ์ไทยไม่ได้ เมื่อครั้งที่ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ตัดสินใจใช้ มาตรา 44 เพื่อให้ดีเอสไอเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายควบคุมตัวธัมมชโยตามหมายจับนั้น เจ้าคุณสมานท่านนี้ สงฆ์รูปนี้นี่แหละ ที่นำพระสงฆ์ไทยกว่า 300 รูป มาศาลากลาง จ.เชียงใหม่ กดดันให้ คสช. ยกเลิกการใช้ มาตรา 44 ปิดล้อม พร้อมกับป้ายตัวเบ้อเร่อให้นายกรัฐมนตรีเห็นชัดๆว่า “อาตมาขอบิณฑบาตนายกรัฐมนตรี หยุดใช้ ม.44 รังแกชาวพุทธได้แล้ว”
เน้นๆน่ะครับ เลิกใช้ม.44รังแกชาวพุทธได้แล้ว!?!?
แต่ถึงกาลปัจจุบัน ถามทีเถอะ “ท่านเจ้าคุณสมาน”ท่านไม่รู้เรื่องปลอมบัตรปชช. สวมบัตรมหาดวงดีที่มรณภาพไปแล้วของศิษย์รักอย่าง“พระราชรัชมุนี”บ้างเลยรึ รวมทั้งตอนนี้เวลานี้ท่านสามารถตามตัว “เจ้าคุณนิมิตร”ศิษย์รักที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์อุ้มชูหนุนส่งจนกระทั่งเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับเจ้าคุณด้วยพรรษา20เท่านั้นได้หรือไม่ครับ “ไม้หน้าสาม”ขอนิมนต์ท่านมาชี้แจงความกระจ่างทีเถอะ
พระเทพเสนาบดี (ประเทือง อาภาธโร) เจ้าอาวาสวัดกวิศวราราม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รองประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านศีลห้า
พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ (อุดม สุระกาพย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธารามฯ ... เจ้าคุณบุญเทียมเป็นเลขานุการของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์หรือสมเด็จสมศักดิ์ วัดพิชยญาติฯ ...
พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ (อุดม สุระกาพย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธารามฯ
พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค อำเภอชนแดน และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์
เจ้าคุณวิเชียร” พระวิสุทธิวงศาจารย์ แห่งวัดปากน้ำ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ “เจ้าคุณสะอาด” พระเทพปริยัติ เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ หรือแม้แต่ พระอุปัชฌาย์อย่าง“เจ้าคุณสมาน” พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่
รบกวนพระคุณเจ้าแสดงสปิริตเลิกลดละกิเลสหนาไม่ยึดติดตำแหน่งสักหน่อย
ลาออกหรือลาสิกขาดีไหม
สุดท้ายข้อมูลฉาวโฉ่ในดงขมิ้นครั้งนี้ ต้องขอบคุณ พระัมมชโยหรืออดีตพระเทพญาณมหามุนี
ถ้าไม่ดื้อแพ่ง ไม่แกล้งป่วยจนอันตรธานแบบสัมภเวสีเยี่ยงนี้
ไฟคงไม่ลามทุ่งไปยุ่งกับสมเด็จและเจ้าคุณอีกหลายๆองค์จนเห็นธาตุแท้เห็นเหลือบไรแน่นอน
ที่สุดติ่งจานบิน ส่ำสัตว์ลัทธิจานบินก็เพ่นพ่านว่อนอาณาจักรขมิ้นว่อน
อ้าว!!ท่านทั้งหลาย อ่านจบแล้ว รออะไรกันครับ
ปรบมือสิ ปรบมือให้ท่านธัมมชโย-รรมกายด้วย
He is THE SPECIAL ONE HERO
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี