เวลาที่ลุงแซมต้องการที่เหยียบยืนแถวเอเซีย เพราะอยากจะลอบตีหัวหมาด่าแม่เจ็กหรือท้าเด็กเกาหลีเหนือเมื่อวานซืน ก็มักจะทำตาเล็กตาน้อยใส่ประเทศที่ถือเป็นหมุดยุทธศาสตร์ในเอเซียรวมถึงลูกหาบเก่าลิ่วล้อทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียตนาม แล้วลากยาวมาเกาะคอนในไทยแลนด์ ลุงแซมจะยิ้มหวานหยาดเยิ้มแล้วเรียกเราว่า "มหามิตร" ทุกหน จากนั้นก็ชักแม่น้ำทั้งห้าถึงความสัมพันธ์อันดีงามต่างๆ นานาจนเดาทางได้ถูกว่าลุงแกจะมาไม้ไหน
คนไทยบางส่วนเคลิบเคลิ้มหลงคำหวานของลุงไปเรื่อย คิดว่าอเมริกานั้นคือมหามิตรที่แท้จริง ทั้งที่ลุงแกไม่ได้คิดอื่นไกลไปมากกว่าหาที่วางส้นตีน และระดมกำลังลูกหาบไปช่วยกระทืบประเทศที่ลุงไม่ชอบหน้าเท่านั้นเอง แต่ระยะหลังคนไทยฉลาดขึ้นมากจากพฤติกรรมของตัวลุงแซมเองในการปฎิบัติต่อนานาประเทศ ผู้มีสติปัญญาย่อมรู้ได้ว่า ที่แท้ลุงแซมก็แค่นักเลงโตคุมซอยเคาบอยเท่านั้นแหละ ไม่ได้เป็นพระเอกโลกอะไรเลย
สันดานถ่อยหนล่าสุดปรากฎออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในเดือนนี้เอง ใครๆ ก็รู้ว่าเดือนนี้จะมีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 อันเป็นที่รักยิ่งและเป็นราชาผู้ทรงธรรมตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จนเปรียบเสมือน "พ่อ" ผู้ที่สถิตสถานแห่งดวงใจทั้งปวง เมื่อถึงกาลจะต้องถวายงานพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย ลูกๆ ทุกคนของพ่อก็พร้อมถวายหัวใจทำงานให้ออกมาดีที่สุดและสมเกียรติที่สุดให้สมกับความรักความภักดีที่มีต่อพระองค์
รัฐบาลออกจดหมายเชิญแขกผู้มีเกียรติจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีการตอบรับมาแล้วในขณะที่เขียนคอลัมน์นี้จำนวน 32 ประเทศ เมื่อกวาดตาดูรายชื่อจะเห็นว่าแขกที่ตอบรับส่วนมากเป็นแขกระดับเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น เช่น สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินี แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทั้งสองพระองค์นี้ทรงเป็นพระราชาและพระราชินีที่ยึดถือในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นต้นแบบ เห็นน้ำใสใจจริงของทั้งสองพระองค์แล้ว คนไทยอย่างดิฉันก้มกราบได้อย่างไม่เสียดายมือ
แขกระดับราชวงศ์พระองค์อื่นๆ เช่น สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งราชอาณาจักรสวีเดน ซึ่งจัดงานเทิดพระเกียรติให้ “พ่อ” ของเราอย่างสมศักดิ์ศรีในสวีเดน ทั้งยังทรงเสด็จมาร่วมงานพระราชพิธีด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ยังมีระดับพระบรมวงศานุวงศ์จากประเทศต่างๆ มากมาย รวมทั้งเจ้าชายอะกิชิโนะ และพระชายา แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นด้วย
ส่วนประเทศอื่นก็ส่งผู้นำหรือคนสำคัญระดับท้อปมาร่วม เช่น ประเทศเพื่อนบ้านเราส่งประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดีมา ทำให้เราได้รับรู้ว่ายังมีมิตรรอบบ้านอยู่ในยามทุกข์ แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นว่าลุงแซมส่งใครมาร่วมพิธีก็ถึงกับอึ้งไปนาน
ไหนลุงแซมคุยนักคุยหนาว่าเป็นมหามิตรกับเรามายาวนาน แต่กลับส่งบุคคลที่ไม่ควรส่งมาในฐานะตัวแทนของอเมริกา เพราะดันส่งเจมส์ เอ็ม แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาเป็นตัวแทนในหนนี้
ระเบียบและพิธีการทางการทูตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเปราะบาง พลาดนิดหนึ่งก็กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ง่ายมาก เพราะแต่ละประเทศมีค่านิยมเฉพาะที่แตกต่างไปจากค่านิยมสากล ดังนั้นทูตและกระทรวงการต่างประเทศจึงต้องศึกษาระเบียบและประเพณีข้อปฎิบัติต่างๆ ทางการทูตของแต่ละประเทศอย่างถี่ถ้วน เพื่อเสริมสร้างและผสานไมตรีระหว่างกันให้ยั่งยืน
การที่ทรัมป์ส่งเจมส์ เอ็ม แมตทิส หรือหมาบ้า "Mad Dog" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาร่วมงานพระราชพิธีในครั้งนี้ถือเป็นการหยามหมิ่นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของโดนัลด์ ทรัมป์เอง โดยธรรมเนียมแล้ว ในงานสำคัญระหว่างประเทศระดับนี้ สมควรอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีจะเดินทางมาด้วยตนเอง หรือหากไม่สามารถมาร่วมงานได้ก็ควรส่งตัวแทน 1 ในจำนวน 2 คนคือ รองประธานาธิบดี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เรื่องนี้ถือเป็นกฎเหล็กและกฎหลักที่คนอเมริกันทุกคนรู้ ไม่จำเป็นต้องเป็นประธานาธิบดีก็รู้กันทั้งนั้นด้วยสามัญสำนึกว่ามีการเรียงลำดับความสำคัญตามนี้คือ อันดับหนึ่งได้แก่ประธานาธิบดี อันดับสองคือรองประธานาธิบดี และอันดับสามคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คงมีแต่ทรัมป์เท่านั้นที่ไม่รู้อะไรเลย หรืออาจจะรู้ แต่ไม่แยแสกับเรื่องนี้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างสองประเทศอย่างยิ่ง
การที่ทรัมป์ส่งหมาบ้าหรือเจมส์ เอ็ม แมตทิส ผู้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมมานั้นอาจจะแฝงความนัยว่ามองเห็นประเทศไทยเป็นเพียงหมุดหมายทางยุทธศาสตร์เท่านั้น หรือไม่ก็ต้องการส่งมาขายอาวุธเป็นเซลล์แมนค้าอาวุธพาวงมากับการเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธี เพราะหากอ่านข่าวต่างประเทศก่อนหน้านี้จะเห็นว่าทรัมป์สร้างกระแสความหวาดกลัวว่าจะเกิดสงครามโลก ด้วยการยั่วยุโต้ตอบไปมากับเกาหลีเหนือ รวมทั้งท้าทายอิหร่านแบบเที่ยวเอาไม้หน้าสามไล่ฟาดแรงๆ แบบกวนตีนก็หลายหน ยิ่งเกิดความกลัว ยิ่งขายอาวุธสงครามได้มาก อันเป็นเรื่องของอุปสงค์และอุปทานนั่นเอง
สิ่งที่ทรัมป์หนนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากไม่รู้จะส่งตัวแทนคนไหน ก็น่าจะมีการปรึกษาหัวหน้าที่ปรึกษาธรรมเนียมการทูตของทำเนียบขาวหรือ Chief of Protocol ก่อนตัดสินใจส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมางานระดับสูง แต่เพราะทรัมป์ก็คือทรัมป์ คิดง่ายๆ แบบคนอเมริกันไร้สติที่คิดว่า ไหนๆ ไอ้หมาบ้าก็อยู่ที่ฟิลิปปินส์แล้วก็ให้เลยมาร่วมพิธีที่เมืองไทยด้วยก็แล้วกัน ก็เดินโต๋เต๋ละแวกเพื่อนบ้านชานเรือนแถวนั้นอยู่แล้วนี่
การที่ทรัมป์ส่งตัวแทนมาเช่นนี้ถือว่าผิดธรรมเนียมทางการทูตและเสียมารยาทอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นสันดานอันชัดแจ้งว่า ถ้อยคำที่เรียกขานประเทศเราว่า "มหามิตร" นั้นคือคำโกหกคำโต การไม่คิดรอบคอบและรอบด้านทางการทูตในหนนี้คงทำให้คนไทยตาสว่างอย่างแท้จริงถึงน้ำใสใจจริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างไร เป็นมหามิตรที่แท้ในยามยากหรือแค่ปากหวานหาผลประโยชน์กับเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี