ช่วงต้นหลังการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 บรรดานักเลือกตั้งจากที่เคยออกมาเคลื่อนไหวอย่างแข็งกร้าวกลับเงียบกริบไม่กล้าออกมาแสดงความเหิม
เกริมอย่างที่เคยชินเพราะยังเกรงอำนาจพิเศษของคสช. แต่หลังการยึดอำนาจของคสช.ผ่านไปกว่า 3 ปีและกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป บรรดานักเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอย่างพรรคเพื่อแม้วกลับออกมาแสดงความเหิมเกริมเคลื่อนไหวแบบดับเครื่องชนบ่อนทำลายอำนาจรัฐคสช.ทุกรูปแบบอย่างไม่ยำเกรงอีกต่อไปด้วยการอ้างประชาธิปไตยบังหน้า
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของพรรคเพื่อแม้วก็คือกรปลุกกระแสให้พรรคการเมืองต่างๆจับมือกันร่วมต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ที่ช่วงหลังส่งสัญญาณแสดงท่าทีชัดเจนในฐานะนักการเมืองเต็มตัวและไม่ปฏิเสธที่จะเป็นนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ผ่านการทำประชามติจากประชาชนทั้งประเทศมาแล้วเปิดช่องไว้
ในการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลก่อนหน้านี้ในประเด็นเรื่องนายกฯคนนอก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า นายกฯคนนอกถือเป็นแนวทางที่อยู่ในระบบรัฐธรรมนูญที่มีเจตนารมย์ให้การสรรหานายกฯมีความยืดหยุ่นเมื่อเกิดกรณีที่สภาผู้แทนราษฏรไม่สามารถเลือกนายกฯจากหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใดพรรคการเมืองหนึ่งได้ รัฐธรรมนูญจึงเปิดช่องทางให้มีการเสนอชื่อนายกฯคนนอกได้ซึ่งอาจเป็นการแก้ปัญหาเป็นทางออกไม่ให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีก
จากคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ข้างต้นทำให้สื่อบางสำนักนำไปพาดหัวข่าวใหญ่ว่า หัวหน้าคสช.ยืนยันจะไม่มีการปฏิวัติอีก
ประเด็นน่าสนใจอยู่ทีว่าหลังจากสื่อพาดหัวข่าวว่าหัวหน้าคสช.ยืนยันจะไม่ปฏิวัติอีกถูกเผยแพร่จนเป็นข่าวครึกโครม ปรากฏว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. ต้องรีบออกมาแถลงชี้แจงในทันทีว่าสื่อแปลความหมายคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ คลาดเคลื่อนซึ่งอาจสร้างความสับสนได้
โฆษกคสช.ย้ำในทำนองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถูกออกแบบมาก็เพื่อแก้ปัญหาเมื่อชาติบ้านเมืองมถึงทางตันที่ไม่สามารถหาทางออกทางการเมืองได้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้คงไม่อยากให้ประเทศต้องใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติรัฐประหารอีก
จากคำแถลงของโฆษกคสช.ที่ใช้คำว่า “ถ้าเป็นไปได้” คงไม่อยากให้ประเทศต้องใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติรัฐประหารอีกเป็นการส่งสัญญาณเป็นนัยว่า ถึงอย่างไรการปฏิวัติรัฐประหารไม่มีวันล้าสมัยและยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามีบทเรียนให้เห็นมาแล้วหลายครั้งในยุคประชาธิปไตยเบ่งบานมีการยืนยันอย่างมั่นอกมั่นใจจากนักการเมืองและเหล่านักวิชาการว่าหมดยุคการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว แต่ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือเกิดการรัฐประหารอีกหลายครั้งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาโดยสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมที่เลวร้ายของนักการเมืองทั้งสิ้น
ทั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าขณะที่เหล่านักเลือกตั้งเรียกร้องให้ปลดล็อกทางการเมืองเพื่อสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยกลับมีการเตือนสติเหล่านักการเมืองให้ปฏิรูปตัวเองแทนที่เอาแต่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วและปลดล็อกกฏเหล็กทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้วควรปฏิรูปตัวเองด้วยการปลดแอกพรรคให้เป็นอิสระพ้นจากความเป็นบริษัทการเมืองภายใต้การบริหารสั่งการโดยเถ้าแก่เจ้าของบริษัทเพียงคนเดียว ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆควรให้สัญญาประชาคมกับประชาชนว่าจะสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ที่เป็นคนดีมีความสามารถให้ประชาชนเลือก จะไม่ซื้อสิทธิซื้อเสียงจากประชาชนอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้พรรคการเมืองบางพรรคมีพฤติกรรมเป็นธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นส่อพฤติการณ์ใช้ผลประโยชน์รูปแบบต่างๆซื้อ ส.ส. ซื้อเสียง ซื้อประชาธิปไตย ซื้ออำนาจรัฐยึดครองประเทศ จากนั้นใช้อำนาจรัฐโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนคืนบวกกำไรมหาศาล และวางรากฐานผูกขาดอำนาจในระยะยาว พรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมยังเป็นต้นเหตุที่สำคัญที่สร้างความแตกแยกในชาติทำให้ประชาธิปไตยต้องถอยหลังเข้าคลอง และอยู่ในวังวนของวงจรอุบาทว์ซ้ำซากตลอดจนทำให้ประเทศต้องบอบช้ำอย่างหนักตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้นแทนที่นักการเมืองจะเอาแต่อ้างหลักประชาธิปไตยต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารควรหันมาปฏิรูปละลายพฤติกรรมอันเลวร้ายและล้างคราบความเป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอมของตัวเองอย่างจริงจังซึ่งนั่นจึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารอย่างยั่งยืน ในทางตรงกันข้าม หากเหล่านักธุรกิจการเมืองในคราบนักประชาธิปไตยจอมปลอมยังไม่เลิกทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดินและใช้อำนาจทำในสิ่งชั่วร้ายอย่างเหิมเกริม ตราบนั้นการปฏิวัติรัฐประหารจะไม่มีวันล้าสมัยพร้อมที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในอนาคตโดยการสนับสนุนของประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี