ในวัยเด็ก..ผมมักจะนั่งที่ขอบบ่อแล้วก็ปาก้อนดินไปที่กลางบ่อ เสียงก้อนดินกระทบน้ำนั้นดังอยู่ที่กลางบ่อและวงคลื่นน้อยๆก็กระเพื่อมแรงจากกลางบ่อขยายวงออกมาขณะที่ค่อยเบาบางลง...
ถ้าก้อนดินเล็ก วงคลื่นก็จางหายไปก่อนที่จะมาถึงขอบบ่อ ถ้าก้อนดินใหญ่วงคลื่นก็พอจะมาถึงขอบบ่อได้บ้าง แต่ก็เบาบางจนแทบจะไม่ส่งผลหรือเปลี่ยนแปลงอะไร...นอกจากการลุ้นของผม
หลายครั้ง..ผมจึงแหย่เท้าลงน้ำ แล้วเตะน้ำให้มันกระเพื่อมเป็นวงคลื่นไปถึงกลางบ่อ
ชีวิตในช่วงนั้นผมไม่ได้คิดอะไรนอกจากความเพลิดเพลินและก็ลืมเลือนไปแล้ว แต่หลายปีมานี้ผมคิดถึงมันอยู่เนืองๆ เมื่อต้องได้รับผลกระทบจากการเมืองและเศรษฐกิจ โดย "กลุ่มอำนาจ" ต่างๆที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นสู่อำนาจปกครองประเทศ รวมทั้งพวกสมุนบริวารของพวกเขาด้วย
กลุ่มอำนาจต่างๆที่ขึ้นสู่อำนาจได้นั้นก็เพราะเราเลือกตั้งพวกเขา ในฐานะตัวแทนของเราที่เป็นพลเมือง
นับแต่ “คำว่าประชาธิปไตย” ได้รับการสถาปนามาตั้งแต่ปี 2475 ผมก็เห็นพลเมือง รวมทั้งผมด้วย ล้วนแต่ถูกปลูกฝังให้รักประชาธิปไตย เพราะนิยามของมันหมายถึง "สิทธิและเสรีภาพ" ของคนทุกคน ทั้งใน "ชีวิตประจำวัน" และ "การเลือกตัวแทน" เข้าไปบริหารประเทศแทนเรา
ประชาธิปไตยจึงเหมือนนกที่มี 2 ปีก คนมี 2 มือจึงเกิดการสมดุล คือ "ประชาธิปไตยชีวิตประจำวัน" และ "การเลือกตัวแทน"
แต่ "ตัวแทน" ที่เข้าไปสู่ศูนย์กลางแห่งอำนาจเพื่อปกครองประเทศนั้นแหละ..ที่เหมือนกับก้อนดินที่ผมปาไปกลางบ่อและรอคลื่นน้อยๆกระเพื่อมแผ่วงเข้ามาหาผมที่ขอบบ่อ...
"วงคลื่นแห่งอำนาจ" นั้นก็กระเพื่อมแรงและดังอยู่ที่กลางบ่อ หรือ "ศูนย์กลางแห่งอำนาจ" เท่านั้น ส่วนที่กระเพื่อมขยายวงมาถึงพลเมืองทั่วประเทศนั้นเบาบางนัก และส่วนมากก็จางหายไปเสียก่อน
เรื่องนี้ได้พิสูจน์มาทุกยุคทุกสมัยของการเลือกตั้งตัวแทน แต่กระนั้นเราก็ยังเชื่อว่า "ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งตัวแทน" หรือ "ผู้รับเหมาทำแทน" เข้าไป "มีอำนาจแทนเรา" จากนั้นเรา (คนจำนวนมาก) ก็รอ
“โครงการลด แลก แจก แถม” และบางคนก็พยายามตะเกียกตะกายเข้าหาศูนย์กลางอำนาจบ้าง
การเลือกตั้งนั้นพลิกแพลงทั้งกฎหมายและวิธีการหาเสียงมากขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย ด้วยหวังว่าเราจะได้ตัวแทนที่เป็นตัวแทนของพลเมืองจริงๆ แต่ "คนกับกฎหมาย" มันก็ต่างกันตลอดมา
มันจึงเป็นประชาธิปไตยของตัวแทน ไม่ใช่ประชาธิปไตยของพลเมืองทั้งประเทศหรือผู้เลือกตั้ง
แต่กระนั้นเราก็ยังเลือกตั้งกันต่อไป...
คิดกันอยู่แค่ว่า...ถ้ามีการเลือกตั้งก็มีประชาธิปไตย!
แต่เราแทบไม่ได้รับการปลูกฝังเลยก็คือ "ประชาธิปไตยในชีวิตประจำวัน" หรือ "ประชาธิปไตยที่แท้" ซึ่งมันทำให้เรามีสิทธิและเสรีภาพหรือมีอำนาจอยู่กับตัวเราที่จะเลือกและตัดสินใจได้เอง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับตัวแทน
แต่ตัวแทนจะขึ้นอยู่กับเรา
เมื่อไม่มีใครปลูกฝัง และเราก็ไม่ปลูกฝังประชาธิปไตยที่แท้ให้ตัวเอง เราจึงอ่อนแอและต้องหวังพึ่งพวกตัวแทนที่อยู่ในสภาเรื่อยมา
แย่กว่านั้น...เรายังคอยเข่นฆ่าและบ่อนทำลายกันเอง เพื่อให้ "ตัวแทนของลัทธิอุดมการณ์ต่างๆ" ที่ถูกจริตกับเราได้ครองอำนาจ
คำว่าประชาธิปไตย...ได้รับการสถาปนามาตั้งแต่ปี 2475 แต่จนวันนี้เราก็ยังวนเวียนอยู่กับระบบเผด็จการ...ไม่เผด็จการรัฐสภาก็เผด็จการทหาร แถมยังมีคนพยายามจะสถาปนา "เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ" เข้ามาปกครองประเทศอีก (ด้วยหวังว่ามันจะเป็นเครื่องมือกำจัดปัญหาสังคมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด)
"พลเมือง" ที่แปลว่า "กำลังของเมือง หรือประเทศ" จึงพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ซ้ำกลับอ่อนแอลง แม้จะมีคนเข้าใจว่าเราเข้มแข็งขึ้นก็ตาม
ในวัยเด็ก...ผมปาก้อนดินลงบ่อก็เพื่อความสนุกเพลิดเพลิน เมื่อเติบโตขึ้นมาผมก็ถูกปลูกฝังให้ปาทุกอย่างที่อยู่ในมือไปที่อื่น เพื่อจะได้สิ่งตอบแทนคืนมา ในเรื่องการเมืองผมก็ปา “ก้อนดิน” เข้าไปในหีบเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่ได้รับอะไรคืนมาเป็นชิ้นเป็นอัน ซ้ำกลับถูกพวกตัวแทนเหยียบย่ำน้ำใจเรื่อยมา ด้วยการคดโกง บ้าอำนาจ และหลอกลวงพลเมืองสารพัดวิธีที่จะให้เลือกตั้งพวกเขาให้เสวยอำนาจกันต่อไป
ผมไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง เพราะมันเป็นปีกข้างหนึ่งหรือมือข้างหนึ่งที่ทำให้ชีวิตสมดุล แต่ผมต้องการให้ประชาธิปไตยในชีวิตประจำวันของพลเมืองเติบโตและเข้มแข็งด้วย หรือต้องการให้ปีกหรือมืออีกข้างหนึ่งแข็งแรงเท่าเทียมกับอีกข้าง
ก้อนดินนั้นอยู่ในมือเรา ทำไมจะต้องปาทิ้งลงบ่อโดยไม่มีประโยชน์อะไรนัก?
ทำไมเราไม่เอาก้อนดินนั้นไปปลูกพืชผักไว้กินเองเล่า?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี