การจงใจเปิดตัวแพร่ภาพขณะเดินช็อบปิ้งกลางกรุงปักกิ่งของจีนของสองอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกพี่น้องตระกูลชินคือนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณทางการเมืองครั้งสำคัญ ซึ่งนอกจากเป็นการเย้ยอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แล้ว การมาป้วนเปี้ยนใกล้ประเทศไทยครั้งนี้ยังส่อเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองอันเป็นลางร้ายต่ออำนาจรัฐคสช.
การเผยโฉมของสองอดีตนายกฯตระกูลชินหลังจากที่เงียบหายไปนานครั้งนี้เผอิญสอดคล้องกับการนัดชุมนุมแสดงพลังของกลุ่มมวลชนจัดตั้งโดยการนำของสองแกนนำนักเคลื่อนไหวคือ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “ จ่านิว” กับ นายรังสิมันต์ โรม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งการชุมนุมแสดงพลังเย้ยอำนาจรัฐคสช.ครั้งนี้แม้จะไม่สามารถสุมไฟให้เกิดการลุกฮือครั้งใหญ่ตามแผน 14 ตุลาฯโมเดลได้สำเร็จ โดยมีมวลชนหน้าเดิมๆเข้าร่วมเพียงประมาณ 300 คน แต่ก็ถือเป็นการหยั่งเชิงเพื่อเตรียมชุมนุมแสดงพลังครั้งต่อไป และที่สำคัญคือ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดตัวประกาศจับมือกับกลุ่ม จ่านิว กับนายรังสิมันต์ ในการร่วมแสดงพลังดับเครื่องชนอำนาจรัฐคสช.ที่อยู่ในภาวะขาลง โดย นายวัฒนา ยืนยันจะขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมครั้งต่อไป
การเผยโฉมของสองอดีตนายกฯตระกูลชินครั้งนี้ยังถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการปลุกขวัญบรรดาสาวกระบอบทักษิณให้เกิดความฮึกเหิมที่จะผนึกกำลังกันให้เหนียวแน่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบในลักษณะแยกกันเดินแต่ร่วมกันตีเพื่อทวงคืนอำนาจฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง
การที่กำลังตำรวจและทหารบุกเข้าจับกุม นายฤกษ์ชาพล พูนสิน ฮาร์ดคอร์เสื้อแดง และเป็นหนึ่งในลูกน้องของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” ได้พร้อมอาวุธสงครามจำนวนหนึ่งรวมทั้งระเบิดชนิดต่างๆได้ในคอนโดมิเนียมกลางกรุงอาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณการดับเครื่องชนของขบวนการระบอบทักษิณ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ซึ่งเดินทางไปดูผลการจับกุมด้วยตัวเองชี้ว่าคดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง
นายสมชาย แสวงการ รองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภานิติบัญญญัติแห่งชาติ(สนช.) ตั้งข้อสังเกตุว่า การเปิดตัวของสองอดีตนายกฯพี่น้องตระกูลชินครั้งนี้น่าจะเป็นสัญญาณเคลื่อนไหวเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหญ่ โดยได้รับคำยืนยันจากแหล่งข่าวด้านการทูตของประเทศญี่ปุ่นที่ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงในเร็วๆนี้
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เตรียมแถลงน่าจะเป็นการอ้างว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ศาลพิพากษาให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ 5 ปีโดยไม่รอลงอาญาฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท
ทั้งที่ความจริงคดีโครงการรับจำนำข้าวมีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตั้งแต่ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนหน้าที่คสช.จะเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ด้วยซ้ำ และคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนปกติทุกประการมานานหลายปีก่อนที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้าที่ศาลจะมีคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทุ่มจ้างทีมทนายความมือดีต่อสู้คดี และในฐานะจำเลยได้ร้องขอเบิกพยานให้การในชั้นไต่สวนเพื่อปกป้องตัวเองหลายสิบคนทั้งในขั้นตอนของป.ป.ช.และศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมทั้งประกาศมาตลอดว่า เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเองและจะไม่หนีไปไหน
แต่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมโดยจะเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลด้วยตัวเองในวันพิพากษา
แต่ก่อนที่ศาลฏีกาฯจะอ่านคำพิพากษาแค่ 2 วัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยการช่วยเหลือของ นายทักษิณ ผู้เป็นพี่ชายกลับพลิกลิ้นเผยธาตุแท้ด้วยการลอบหลบหนีโทษความผิดออกนอกประเทศโดยล่าสุดไปปักหลักเสพย์สุขอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินว่า แรงจูงใจในการดับเครื่องชนของสองอดีตนายกฯพี่น้องตระกูลชินน่าจะมาจากเหตุผลหลายประการกล่าวคือ บรรดาแกนนำระบอบทักษิณคง
ชั่งน้ำหนักประเมินแล้วว่า ความหวังที่จะชิงอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าคงแทบเป็นไปไม่ได้ด้วยข้อจำกัดจากกติกาการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฏหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง
บวกกับความได้เปรียบในการคุมกลไกอำนาจรัฐของอำนาจรัฐคสช.ที่ตั้งธงแล้วว่าต้องผลักดันพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนนอกให้ได้ ทำให้พรรคเพื่อไทยแทบจะไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลและมีแนวโน้มต้องเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นทางเดียวที่ยังมีโอกาสช่วงชิงอำนาจรัฐก็คือล้มอำนาจรัฐคสช.โดยอาศัยพลังมวลชน
นอกจากนี้แรงจูงใจดับเครื่องชนยังมาจากจากการที่สมาชิกตระกูลชิน 2 คนคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของ นายทักษิณ ถูกคดีตามเช็คบิล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากหนีโทษทางอาญาจำคุก 5 ปีแล้ว ยังถูกฟ้องทางแพ่งให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน 3.5 หมื่นล้านบาทจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งอยู่ระหว่างขบวนการอายัดทรัพย์สินซึ่งรวมทั้งคฤหาสน์หลังงามย่านลาดพร้าวก่อนที่จะมีการยึดตกเป็ฯของแผ่นดินต่อไป ขณะที่ นายพานทองแท้ กำลังจะถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ฟ้องดำเนินคดีฐานฟอกเงินในคดีทุจริตอื้อฉาวธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
เพราะฉะนั้นสถานการณ์ทางการเมืองจากนี้ไปคาดว่าจะแหลมคมขึ้นตามลำดับจากปฏิบัติการดับเครื่องชนของเครือข่ายระบอบทักษิณหน้าเดิมๆที่จะดาหน้าออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะแยกกันเดินแต่ร่วมกันตีที่มีแนวโน้มร้อนแรงดุเดือดขึ้นทุกขณะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี