การก่อกำเนิดของพรรคระบอบทักษิณตั้งแต่แรกจนปัจจุบันถูกตั้งข้อสังเกตุมาตลอดว่าหาใช่สถาบันการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เป็นบริษัทธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมของตระกูลชิน โดยตระกูลชิน และเพื่อตระกูลชิน โดยอำนาจสั่งการทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายทุนเจ้าของพรรคเพียงตระกูลเดียวคือตระกูลชินโดยมีนักโทษชายแม้วเป็นนายใหญ่ ขณะที่ส.ส.มีสถานะไม่ต่างจากพนักงานบริษัทที่รับผลประโยชน์และปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าของบริษัทอย่างเคร่งครัดแทนที่จะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฏรอย่างแท้จริง
การเป็นบริษัทธุรกิจการเมืองของตระกูลชิน โดยตระกูลชิน และเพื่อตระกูลชินของพรรคระบอบทักษิณตลอดช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นโดยแม้แต่สำนักงานที่ทำการของพรรคก็เป็นของตระกูลชิน และทั้งๆที่เป็นนักโทษหนีโทษจำคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาล แต่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในต่างแดนก็ถูกตั้งข้อสังเกตุว่ายังคงมีอิทธิพลบทบาทบงการอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อแม้วมาตลอด ขณะที่บรรดาแกนนำและอดีตส.ส.พรรคระบอบทักษิณยังคงบินไปพบนายใหญ่อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงแหลมคม นายทักษิณ มักจะบินมาป้วนเปี้ยนอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านใกล้ประเทศไทย อย่างล่าสุดช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา สองพี่น้องตระกูลชิน สองอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคือ นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ซึ่งหนีคดีและเงียบหายไปนานกลับมาเปิดตัวเคลื่อนไหวทางการเมืองหวังเย้ยอำนาจรัฐคสช.และปลุกขวัญเหล่าสาวกระบอบทักษิณอีกครั้งด้วยการเดินสายบินมาประเทศจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง โดยมีบรรดาแกนนและอดีตส.ส.ระบอบทักษิณบินไปพบ
ที่ผ่านมาไม่แต่เฉพาะบรรดาแกนนำและอดีตส.ส.พรรคระบอบทักษิณที่บินไปพบนายใหญ่ แม้แต่ข้าราชการระดับสูงที่ยอมเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณมักจะบินไปรายงานตัวต่อนายใหญ่อยู่เสมอ และบางคนถึงกับเคยบินไปให้นายใหญ่ประดับยศให้ถึงในต่างแดน อาทิ กรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่หลังบินไปให้นายใหญ่ประดับยศให้แล้ว ยังติดตั้งภาพขณะนายใหญ่ประดับยศตัวเองขนาดใหญ่ในห้องทำงานภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลพร้อมข้อความบนภาพว่า “มีวันนี้ได้เพราะพี่ให้”
ความเป็นนายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยยังสะท้อนให้เห็นแม้แต่สโลแกนการเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อปี 2554 ที่ใช้สโลแกนว่า “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” และบรรดาหัวหน้าพรรคระบอบทักษิณถูกตั้งข้อสังเกตุว่าล้วนแล้วแต่ขี้นอยู่กับการตัดสินใจของตระกูลชินโดยเฉพาะ นายทักษิณ
นายทักษิณ เองเคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติและสื่อไทยบางสำนักว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวเมื่อครั้งเป็นนายกฯก็คือโคลนนิ่งของตัวเอง นั่นหมายถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นแค่ นายกฯหุ่นเชิด จึงไม่แปลกที่หลายครั้งที่มีข่าวว่า นายทักษิณ สั่งการมอบนโยบายด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่มายังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมทั้งที่ประชุมพรรคเพื่อไทย
การหักดิบผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งที่จะลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกจนเป็นชนวนนำไปสู่การออกมาแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมหาประชาชนหลายล้านคนเพื่อต่อต้านกฏหมายอัปยศฉบับนี้และลุกลามเป็นการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เกิดจากการบงการของ นายทักษิณ ซึ่งยืนยันโดย นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ อดีตส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นมือกฏหมายที่ถูก นายทักษิณ เรียกตัวให้บินไปพบเพื่อยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ส่อไปในทางมีแผนบ่อนทำลายอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)อย่างไม่เลิกรา ของสองพี่น้องตระกูลชิน อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก
ขณะที่บรรดาแกนนำและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ยังคงบินไปพบสองอดีตนายกฯอย่างต่อเนื่องทำให้ฝ่ายกฏหมายของคสช.กำลังรวบรวมข้อมูลรายละเอียดและอาจยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณายุบพรรคเพื่อไทยเนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ทั้งนี้มาตรา 28 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดห้ามพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้าควบคุม ครอบงำ ชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ตรวจสอบและหากพบความผิดจริงต้องถูกยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค และมาตรา 29 กำหนดว่าห้ามบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเข้าไปควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคหรือสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระทั้งทางตรงหรือทางอ้อม หากฝ่าฝืนบุคคลดังกล่าวต้องถูกตรวจสอบและหากพบความผิด บุคคลนั้นต้องถูกลงโทษจำคุก 5-10 ปี ปรับ 1-2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งบุคคลนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี