นักสังเกตการณ์ทางการเมืองหลายคนบอกว่า เลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอีก
เป็นการคาดการณ์ที่ไม่มีเหตุผลสนับสนุน
นอกเหนือไปจาก บรรยากาศทางการเมืองไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากไปจากที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ส่งผลให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ?
ก็เป็นอย่างที่เคยเป็นมาแล้วตอนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้ง แล้วพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ แต่ใครจะเป็น ยิ่งลักษณ์คนที่ 2 ยังไม่รู้ได้ บางกระแสบอก เป็นลูกชาย เยาวภา บางกระแสว่าเป็นสามีเยาวภา คือสมชายที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
ล่าสุดบอกว่าอาจจะเป็นเขยขวัญของทักษิณเอง
ซึ่งเป็นไปได้ทั้งนั้น
ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับเจ้าของพรรคตัวจริงจะตัดสินชี้ขาด
คนที่ผิดหวังอย่างแรง คงจะเป็น สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำสำคัญในกรุงเทพมหานคร ที่พยายามสร้างความสำคัญ สร้างชื่อเสียงให้โดดเด่นในช่วงที่ คสช. ครองอำนาจ
ปัญหามีอยู่ว่าเธอจะกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป หรือจะออกมาสร้างพรรคใหม่
กลับไปที่พรรคเพื่อไทย ถ้าชนะเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็บริหารประเทศ เช่นเดียวกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์เคยบริหารมาแล้ว กล่าวคือจะท่องประโยคว่า เข้ามาเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน มิใช่ นอมินีทักษิณ และจะไม่เข้ามาบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ทักษิณ ทั้งสิ้น
ไม่ล้างความผิด ไม่นิรโทษกรรม
ทั้งหมดนี้ต้องท่องให้ขึ้นใจ เช่นเดียวกับยิ่งลักษณ์ ท่องมาแล้ว
คราวนี้ก็ต้องอยู่ที่การกระทำ จะทำอย่างไรให้นิ่ง ให้เนียน ให้ประชาชนจับไม่ได้ เหมือนอย่างที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำ
บทเรียนจากรัฐบาลในอดีต และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำให้เห็นความผิดพลาดมาแล้ว เพราะฉะนั้นคนเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องไม่เขี้ยวเหมือน สมัคร สุนทรเวช ไม่โง่ ไม่เอ๋อเหมือนยิ่งลักษณ์ และจะถือเอาอำนาจบาตรใหญ่ว่า ตัวมีเสียงข้างมากจะออกกฎหมาย ออกนโยบายได้ตามอำเภอใจอีกไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะติดคุก อย่างอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล หรือ อดีตรัฐมนตรีช่วยคลัง นางเบญจา หลุยเจริญ ซึ่งต่างก็รอลุ้นอยู่ว่าศาลฎีกา จะยืนตามศาลอุทธรณ์ หรือไม่
รัฐบาลใหม่จะต้องสุขุมลุ่มลึกยิ่งกว่า ! เพราะเป็นรัฐบาลที่ถูกจับตามองอย่างไม่กระพริบในทุกฝีก้าวแน่นอน ขณะที่เจ้าของพรรคตัวจริงคือ ทักษิณมันไม่ปล่อยให้อิสระแน่นอน เพราะมันก็ต้องหวังประโยชน์ของมัน ไม่เช่นนั้นมันจะลงทุนลงแรงทำไม มันนอนอยู่เฉย หรือทำธุรกิจอะไรของมัน แสวงหากำไรไม่ดีกว่าหรือ แต่เพราะมันแพ้ไม่ได้ แพ้ไม่เป็น จึงต้องดิ้นรน ซ้ำได้เห็นมาแล้วจากกรณี บังเละ พลเอกสนธิ บุญยะรัตกลิน ที่เคยโค่นมันเมื่อกันยายน 2549 แล้วพอมีสภา มันกลายมาเป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนในการนิรโทษกรรมแบบสุดซอย
คนอย่างบังเละ เมื่อมีหนึ่ง มันก็ต้องมีคนที่สอง ที่สาม ซ้ำที่มันคบหาสมาคมอยู่มันเละกว่า บังสนธิอีก
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ทักษิณมันไม่หยุด ไม่ปลง
นี่พูดในกรณีที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งหรอกนะครับ โอกาสที่จะเป็นไปได้ก็พอมี
แต่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นอมินิของทักษิณ หรือรัฐบาลไหนก็ตาม เราก็จะถูลู่ถูกังไปอย่างนี้ ท่ามกลางความขัดแย้งในสังคมที่ยังคงดำเนินต่อไป เรามาอยู่ในสภาพที่ไม่มีผู้นำทางความคิด ไม่มีธงนำที่เด่นชัด ไม่มีองค์กรที่น่าเชื่อถือ เชื่อมั่น แต่ละคนแต่ละกลุ่ม แต่ละองค์กร ล้วนแสวงหาประโยชน์ ให้แก่กลุ่ม องค์กร เกือบจะทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ประชาชนจะฝ่าวิกฤติไปได้เสมอ
คอยดูซีครับ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี