การต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านรัฐบาลทหาร ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ใครกลายเป็นนักประชาธิปไตยไปโดยอัตโนมัติ
เมื่อเร็วๆ นี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในรายชื่อที่คาดว่าอาจได้รับการเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศว่า ไม่พร้อมที่จะร่วมงานกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หากพลเอกประยุทธ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เหตุผลเพราะตนมีจุดยืนที่ชัดเจน ตนในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยให้สามารถอยู่ได้ แม้จะล้มลุกคลุกคลาน ดังนั้นอะไรที่จะมาขัดขวางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอย่างการปฏิวัติ หรือยึดอำนาจตนจะไม่สนับสนุน และคงไม่เข้าไปร่วมงาน
ต่อมาอีกวันสองวัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ค สนับสนุนแนวคิดของ คุณหญิงสุดารัตน์ โดยระบุว่า
"ผมสนับสนุนแนวทางของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการปฏิเสธการมีส่วนร่วมต่อท่ออำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ ล่าสุดคือการประกาศว่าไม่พร้อมจะร่วมงานกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไม่ว่ากรณีใดๆ คำพูดนี้คือสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยและคนของพรรคได้สื่อสารกับพี่น้องประชาชนอย่างคงเส้นคงวาโดยไม่เคยบิดพลิ้ว"
นายวัฒนา ระบุต่อว่า ก่อนหน้าจะปฏิเสธการร่วมงานกับเผด็จการ คุณหญิงสุดารัตน์เคยแสดงท่าทีต่อการร่วมงานกับพรรคการเมืองได้อย่างคมคายว่า "ผู้ที่จะมาทำงานร่วมกันจะต้องศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ศรัทธาเป็นบางช่วง เช่น แพ้เลือกตั้งก็กวักมือเรียกทหารมาปฏิวัติ หรือไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร"
คำพูดของทั้งคุณหญิงสุดารัตน์และนายวัฒนาออกมาในช่วงที่บรรยากาศการเลือกตั้งใกล้เข้ามา และกระแสโจมตีการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์กับพวกรุนแรงขึ้นทุกวัน ทำให้คำพูดที่ว่านั้นของทั้งสองคนดูมีน้ำหนักและน่าชื่นชม
แต่กระนั้น หากพิจารณาดูให้ดี จะเห็นว่า คำว่า “ประชาธิปไตย” ของคนพวกนี้ มีเพียงแค่การต่อต้านเผด็จการทหาร ถ้าต่อต้านเผด็จการทหาร ก็ถือว่าเป็นนักประชาธิปไตย ซึ่งฟังดูแล้วก็แปลกดี
บอกว่าการปฏิวัติหรือยึดอำนาจขัดขวางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย
แล้วการเล่นพรรคเล่นพวก โยกย้ายคนดีมีฝีมือให้พ้นทาง เพื่อแต่งตั้งพรรคพวกและเครือญาติของตนขึ้นกุมตำแหน่งสำคัญๆ ในบ้านเมือง รวมทั้งการกลั่นแกล้งคุกคามคนที่มีความเห็นต่างจากตนอย่างที่เคยทำมาแล้วนั้น ไม่ขัดขวางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยหรือ?
บอกว่าจะปฏิเสธการมีส่วนร่วมต่อท่ออำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ
แล้วการเอาเงินฟาดหัวนักการเมือง กว้านซื้อพรรคการเมืองทั้งพรรคให้มาเป็นพวกสนับสนุนตนขึ้นผูกขาดอำนาจบ้านเมือง แก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อการทุจริตโกงกินของตนแบบเบ็ดเสร็จทุกด้านอย่างที่เคยทำมาแล้ว ไม่เป็นการต่อท่ออำนาจเผด็จการหรอกหรือ?
บอกว่าผู้ที่จะมาทำงานร่วมกันจะต้องศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แล้วการใช้เสียงข้างมากมาลักหลับในสภา แก้ไขกฎหมายเพื่อหวังช่วยนายใหญ่ที่หนีคุกให้กลับมามีอำนาจโกงบ้านกินเมืองต่ออย่างหน้าด้านๆ อย่างที่เคยทำมาแล้ว คือการกระทำของคนที่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยหรือ?
แค่ออกมาต่อต้านเผด็จการทหาร อย่าหาญเรียกตัวเองว่านักประชาธิปไตยเลย
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
สำนักที่ปรึกษาร้อยชักสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี