ท่ามกลางความเหน็บหนาวความโศกเศร้าสิ้นหวังยังคงดำเนินต่อไปในอาณานิคม ซึ่งจำนวนชาวอาณานิคมลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเองชาวอาณานิคมช่วยกันฝังศพเหล่านี้ไว้บนเนินเขาโคลห์ฮิลล์ โดยไม่มีการทำเครื่องหมายระบุชื่อ
วันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.1621 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างที่ชาวอาณานิคมกำลังสร้างบ้านเรือนและฝึกการใช้อาวุธอยู่ อินเดียนแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาในอาณานิคมอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัวแต่อย่างใด เมื่อชาวอาณานิคมยกปืนเล็งไป อินเดียนแดงรายนั้นก็ยิ้มแล้วชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาวุธ
ซาโมเซตเป็นรองหัวหน้าเผ่าอะเบนากี (Abenaki tribe) ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากละแวกนั้นพอสมควร ซาโมเซตเรียนภาษาอังกฤษจากชาวประมงอังกฤษที่มาตั้งค่ายจับปลาบริเวณอ่าวเมน แม้จะอยู่ไกลออกไป ภาษาเผ่าของซาโมเซตก็ยังใกล้เคียงกับอินเดียนแดงกลุ่มแวมพาโนค
พวกพิวกริมส์จดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างไว้โดยละเอียด เรื่องราวของอินเดียนแดงซาโมเซตถูกบันทึกไว้ใน Mourt’s Relation ที่เขียนในปี ค.ศ.1622 ดังนี้
“วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม ค.ศ.1621เรากำลังฝึกฝนการใช้อาวุธกันอยู่ ก็สังเกตเห็นอินเดียนแดงคนหนึ่ง อินเดียนแดงคนนั้นเดินเข้ามาหาเราเพียงลำพังอย่างปราศจากความหวาดกลัวใดๆ จากนั้นก็เอ่ยถ้อยคำภาษาอังกฤษกล่าวต้อนรับเราว่า ยินดีต้อนรับพวกคนอังกฤษ โดยบอกว่าเรียนคำอังกฤษเหล่านั้นจากชาวประมงอังกฤษ เราถามคำถามหลายคำถาม”
“อินเดียนแดงคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ผมยาวสีดำ สะพายธนูและลูกธนูมาด้วย และถามหาเบียร์ แต่เราไม่มีเบียร์เหลืออยู่มากนัก จึงนำวิสกี้ บิสกิต เนย ชีส เนื้อเป็ด และขนมพุดดิ้งมาให้แทน ซึ่งอินเดียนแดงรายนี้กินอย่างเอร็ดอร่อย”
“อินเดียนแดงคนนี้อธิบายว่าบริเวณที่เราสร้างบ้านเรือนเคยเป็นดินแดนของอินเดียนแดงเผ่าพาทูเซต ซึ่งชนเผ่านี้เสียชีวิตหมดทั้งเผ่า เพราะโรคระบาดครั้งใหญ่ แม้ว่าเราจะซักถามอินเดียนแดงคนนี้ตลอดบ่าย แต่พอค่ำลงเราก็อยากให้จากไป แต่ดูเหมือนว่าอินเดียนแดงรายนี้ไม่มีท่าทีว่าอยากจะจากไป จึงต้องให้อาศัยนอนในบ้านของสตีเฟนฮอปกินส์ แล้วให้จับตามองตลอดคืน อินเดียนแดงคนนี้จากไปในยามรุ่งสาง”
วันที่ 22 มีนาคม ซาโมเซตก็กลับมาที่อาณานิคมพร้อมสควอนโต อินเดียนแดงคนสุดท้ายของเผ่าพาทูเซตผู้ซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคือสามารถพูดได้เป็นประโยค ไม่ใช่เป็นคำๆ กระท่อนกระแท่นแบบซาโมเซต สควอนโตเข้ามาในอาณานิคมเพื่อเจรจาสื่อสารให้ชาวอาณานิคมได้พบกับหัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์
วันนั้นสควอนโตไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่นำแมซซาซอยต์ ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าโพคาโนเคตและเป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาพันธ์อินเดียนแวมพาโนคมาพร้อมนักรบอีกจำนวนหนึ่ง ทุกคนทาหน้าทาตัวแบบออกศึก จากนั้นสควอนโตก็ทำหน้าที่ล่ามให้หัวหน้าเผ่าและชาวอาณานิคมได้ตกลงในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ขณะที่หัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์เดินเข้ามาในอาณานิคม ผู้ว่าการอาณานิคมคือ จอห์น คาร์เวอร์ กล่าวต้อนรับ เมื่อสควอนโตแปลเสร็จ หัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดพวกอังกฤษจึงกล่าวต้อนรับในดินแดนที่อินเดียนแดงเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
หลังกินดื่มร่วมกันแล้วก็มีการลงนามสัญญาสันติภาพระหว่างชาวอาณานิคมพลีมัธและหัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์ ข้อความในสัญญาสันติภาพมีใจความสำคัญว่าจะไม่รุกรานกัน หากชาวอาณานิคมถูกโจมตีโดยอินเดียนแดงเผ่าอื่น เผ่าของแมซซาซอยต์จะช่วยรบหากเผ่าของแมซซาซอยต์ถูกเผ่าอื่นโจมตี ชาวอาณานิคมจะช่วยเหลือ หากสมาชิกของอาณานิคมและอินเดียนแดงละเมิดสัญญา จะต้องถูกทำโทษโดยไม่มีการยกเว้นใดๆ ทั้งสองฝ่ายจะต้องส่งตัวผู้ที่ทำผิดให้ฝ่ายของตนลงโทษ
หัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์ไม่ไว้ใจคนผิวขาวมากนัก จึงสั่งให้สควอนโตพักอยู่กับชาวอาณานิคม แต่ฮอบบาม็อค นักรบคู่ใจของหัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์ไม่เคยไว้ใจสควอนโต จึงอยากให้มีคนจับตามองสควอนโตด้วยเช่นกัน หัวหน้าเผ่าจึงสั่งให้ฮอบบาม็อคเข้ามาอยู่ในอาณานิคมด้วยเพื่อจับตาดูทั้งสควอนโตและชาวอาณานิคมไปพร้อมๆ กัน
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ว่าการอาณานิคมก็เสียชีวิต วิลเลียม แบรดฟอร์ดได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าการอาณานิคมแทน สควอนโตกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในอาณานิคมพลีมัธ และกลายเป็นเพื่อนสนิทของวิลเลียม แบรดฟอร์ด
(โปรออ่านต่ออาทิตย์หน้า)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี