เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะทหารตำรวจ นำโดย พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำสำเร็จ คณะทหารตำรวจที่ยึดอำนาจได้แล้ว ก็แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร แล้วสภาฯที่ว่านี้ก็ซาวเสียงหานายกรัฐมนตรี ได้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พลเอกประยุทธ์ เป็น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นนายกรัฐมนตรีไปพร้อมๆกัน ผ่านไปจะเข้า 5 ปีแล้ว รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ประกาศใช้แล้ว กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว พรรคการเมืองที่มีอยู่เดิม และที่เกิดใหม่ เริ่มทำกิจกรรมได้บ้างแล้ว
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มีการยึดอำนาจหลายครั้ง มีพลเอกประยุทธ์ นี่แหละที่ยึดอำนาจแล้ว อำนาจเป็นของตัวเอง และครองอำนาจไว้ได้นาน พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูป 2519 ได้อำนาจมา ก็ ได้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี ยึดอำนาจจากนายธานินทร์ นายกรัฐมนตรีก็เป็น พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พลเอกสุนทร คงสมพงศ์ เป็นหัวหน้า ยึดอำนาจจาก พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ให้ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี
ถึงคราว พลเอกสนธิ บุณยะรัตกลิน ยึดอำนาจจาก ทักษิณ ชินวัตร ก็ไปเชิญ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่แหละครับ ที่ชงเอง กินเอง ยึดอำนาจเอง เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ขณะเดียวกับที่เป็นหัวหน้าคณะ คสช. ถืออำนาจของคณะปฏิวัติไว้เอง บริหารเอง
และมีทีท่าว่าเมื่อหมดช่วงที่ใช้เผด็จการในการเข้าสู่อำนาจ เปลี่ยนเป็นวิถีของประชาธิปไตย กล่าวคือ ไม่มาจากสภานิติบัญญัติ ที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งเป็นสภาผู้แทนราษฎร พลเอกประยุทธ์ก็จะยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
ความมุ่งหวังตั้งใจของ พลเอก ประยุทธ์จะประสบความสำเร็จหรือไม่อย่างไร หลัง 24 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งรัฐบาลก็ดี คณะกรรมการเลือกตั้งก็ดี กำหนดเอาไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไป นี้ก็จะรู้กัน
ขณะนี้มีพรรคการเมืองเดิม รวมทั้งพรรคการเมืองที่เกิดใหม่แล้วกว่า ร้อยพรรค
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ก่อนนี้ก็เคยมีจำนวนพรรคการเมืองใกล้เคียงกันนี้ ทั้งที่ส่งสมัครรับเลือกตั้งบ้าง ไม่ส่งบ้าง ได้รับเลือกตั้งบ้างไม่ได้รับเลือกตั้งบ้าง มีพรรคการเมืองใหญ่ยืนพื้นและส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายค้าน คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคใหญ่อีกฝ่ายก็เป็นพรรครัฐบาล เป็นต้น ยุคจอมพล ป. ก็ พรรคเสรีมนังคศิลา ยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ก็ พรรคสหประชาไทย ซึ่งเมื่อเจ้าของพรรคหมดอำนาจ พรรคก็หมดบทบาทไป
มาถึงวันนี้การเมืองเปลี่ยนไป นักการเมือง หรือผู้ที่จะเล่นหรือเล่นอยู่แล้วเปลี่ยนไป เครื่องมือในการสื่อสารและโฆษณาประชาสัมพันธ์เปลี่ยนไป บทบาท พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปด้วย
หลังการยึดอำนาจของ พลเอก สุนทร คงสมพงศ์ แล้ว พลเอก สุจินดา คราประยูร ต้องการสืบอำนาจต่อ พรรคการเมืองในสายตาของสื่อ สายตาของสังคม ก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือพรรคเทพ กับพรรคมาร
พรรคเทพ นั้นไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พลเอก สุจินดา คราประยูร ส่วนพรรคมารนั้นตรงกันข้าม
มาวันนี้มีความพยายามที่จะแบ่ง หรือพยายามจะให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเข้าใจ แบ่งเป็น 2 หรือ 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยหนึ่ง ฝ่ายที่สนับสนุนอำนาจเผด็จการทหารอีกหนึ่ง และฝ่ายเฉยๆ นิ่งๆ รอร่วมเป็นรัฐบาลกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอีกหนึ่ง
ทั้งที่ในความเป็นจริง ในตัวบทกฎหมาย ทุกพรรคการเมืองมันต้องเขียนไว้ทั้งนั้นแหละครับว่า สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย
เมื่อจอมพล ป. ตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ส่งสมาชิพรรคลงเลือกตั้งทั่วประเทศ ก็บอกว่า เพื่อประชาธิปไตย
จอมพล ถนอมตั้งพรรคสหประชาไทย ก็บอกว่าต้องการเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ถนอมเองใช้อำนาจเผด็จการมาอย่างยาวนานต่อจากสฤษดิ์ และเมื่อพยายามจะเป็นประชาธิปไตย แต่ความที่เคยชินกับอำนาจเผด็จการ ก็ทนไม่ได้ ต้องยึดอำนาจตัวเองอีกครั้งในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 จนนำไปสู่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกัน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือใครหน้าไหนก็ตาม เมื่อจะเล่นการเมืองในรอบต่อไป ก็ต้องมาตามวิถีของประชาธิปไตย มาตามที่รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 กำหนดเอาไว้
ประชาธิปไตยมิใช่แต่เพียงลมปาก หรือเพียงแต่เรียกร้องอยากเลือกตั้ง เลือกตั้ง เลือกตั้งแล้วจะเป็นประชาธิปไตยได้ หรือเลือกตั้งได้แล้วชนะแล้ว ได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็คิดว่า กูจะทำอะไรกับประเทศนี้ก็ได้ เป็นต้นออกกฎหมายเพื่อพรรคพวก เพื่อเจ้านาย เพื่อประโยชน์ของกลุ่มของคณะ โดยที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของประชาชน
ที่สำคัญขัดหลักนิติรัฐนิติธรรม
ซึ่งก็จะมีแต่คนหน้าด้านเท่านั้น ที่ยังพร่ำเพ้อ
ซึ่งก็ไม่ต่างกับบางพรรค บางคน ประเภทสามหมาสามแมวเที่ยวได้ชักชวน กวาดต้อนผู้คนเข้ามารวมกลุ่ม แล้วนำไปประเคนพรรคหวังจะต่อรองทางการเมือง
และพรรคการเมืองก็เลวพอกัน ที่รับทุกพรรคทุกกลุ่มโดยที่ไม่ได้คัดสรร เอาปริมาณเป็นเกณฑ์ เพราะชัยชนะที่จะเอาใครเป็นนายก หรือไม่ได้นายกอยู่ที่จำนวนมือที่ยกในสภาฯ
ไม่ต้องใส่ใจสนใจประวัติความเป็นมามันจะสารเลวขนาดไหนอย่างไร พ่อแม่โคตรเหง้ามันจะทุจริต เป็นนักเลง อันธพาลขอให้มารวมกลุ่มรวมเป็นพรรคและขอให้ชนะเลือกตั้งเป็นพอ
นี่คือสภาพบ้านเมืองก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ครับ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี