ท่ามกลางการเคลื่อนไหว เก่าๆ เน่าๆดั่งที่เคยเป็นของพรรคการเมือง นักเลือกตั้งและผู้มีอำนาจในช่วงเวลาที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามาถึง คำสั่ง คสช.ที่ 16/2561 ที่ประกาศออกมาปลายสัปดาห์ที่แล้วดูจะเรียกเรตติ้งความสนใจของผู้คนได้มากกว่าทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการย้ายพรรคย้ายกลุ่มที่ทำให้แทบกระอักเลือดไปตามๆ กันทั้งฟากฝั่งพรรคในบังคับของทักษิณที่มีนักเลือกตั้งบางคนหนีมาซบปีกทหารและฟากฝั่งพรรคนิยมทหารที่มีนายพลบางคนโผไปซบอกทักษิณหรือความเคลื่อนไหวอัดฉีดเงิน 8.2หมื่นล้านบาทลงสู่ข้าราชการบำนาญ ผู้ถือบัตรคนจนผู้สูงอายุที่ถือบัตรคนจน และเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการนำเงินของแผ่นดินไปหาเสียงไม่ต่างจากที่รัฐบาลในระบอบทักษิณเคยทำกันสาระในคำสั่ง คสช. ที่ 16/2561 ที่สำคัญที่สุดคือขยายเวลาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตรวจสอบหรือเปลี่ยนแปลงการพิจารณาหรือดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตต่อไปอีก โดยให้เหตุผลว่ามีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและพรรคการเมืองต่างๆ
ร้องเรียนจำนวนมากว่าการร่วมแสดงความคิดเห็นยังไม่หลากหลายครบถ้วนและการพิจารณาเสนอแนะจากระดับพื้นที่ขึ้นไปยัง กกต.ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเจตนารมณ์นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงเพิ่มเติมถึงเหตุผลของการออกคำสั่งฉบับนี้ว่าเพื่อคุ้มครอง กกต. เพราะมีสัญญาณว่า กกต.อาจแบ่งเขตเลือกตั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมายและที่จริงต้องประกาศเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 5-7 พฤศจิกายนนี้ซึ่งปัจจุบันก็ล่วงเลยมาแล้ว ดังนั้นหากไม่ออกคำสั่งดังกล่าว กกต.ก็จะมีความผิดฐานแบ่งเขตล่าช้า
คำสั่งขยายเวลาการแบ่งเขตเลือกตั้งและเหตุผลประกอบคำสั่งรวมถึงคำชี้แจงเพิ่มเติมของ นายวิษณุ เครืองาม ดังกล่าวไม่มีใครเชื่อหรือเห็นด้วยและแม้นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะออกมาแถลงยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวว่า กกต.ได้พิจารณาแบ่งเขตเลือกตั้งรอบแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่5 พฤศจิกายนและอยู่ในระหว่างทบทวนความถูกต้องก่อนนำไปประกาศแต่เหตุที่การประกาศต้องล่าช้าออกไปจากที่เคยกำหนดไว้ในปฏิทินของ กกต. ว่าจะไม่เกินวันที่ 10 พฤศจิกายนเป็นเพราะตนต้องไปผ่าตัดตาและยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีใบสั่งจากผู้มีอำนาจให้เปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง แต่กระนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ ก็ไม่มีใครเชื่อไม่มีใครเชื่อว่า คสช. จะหวังดีออกคำสั่งมา “เพื่อคุ้มครองกกต.”
ไม่มีใครเชื่อว่า กกต.“อาจแบ่งเขตเลือกตั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย”และไม่มีใครเชื่อว่า “มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้องเรียนจำนวนมากว่าการร่วมแสดงความคิดเห็นยังไม่หลากหลายครบถ้วน”สิ่งที่ผู้คนเชื่อคือ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งรอบแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 5พฤศจิกายนและอยู่ในระหว่างทบทวนความถูกต้องก่อนนำไปประกาศตามที่ประธาน กกต. แถลงผู้คนยังเชื่ออีกว่า ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากอย่าว่าแต่จะร้องเรียนเลย เห็นก็ยังไม่เคยเห็นที่สำคัญ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ กกต. ยังทราบถึงขนาดว่ากกต. เตรียมออกประกาศวันที่เท่าไรแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถประกาศออกมาได้ จากนั้นก็มีคำสั่งคสช. ที่ 16/2561 ออกมาในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 แทนประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.พลันคำสั่ง คสช. ฉบับนี้ออกมา นักเลือกตั้งและผู้ที่กระหายอยากเลือกตั้งทั้งหลาย ด้วยเชื่อว่าการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย จึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ คสช.ว่าหวังยื้อการเลือกตั้ง หวังเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกแต่ความจริงแล้วการเลื่อนวันเลือกตั้งไม่ได้สำคัญเท่าการแบ่งเขตเลือกตั้งเพราะการแบ่งเขตเลือกตั้งมีผลต่อจำนวนฐานเสียงสนับสนุนของผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละคนแม้มีหลักเกณฑ์การแบ่งเขตเลือกตั้งไว้แล้วการใช้เทคนิคบางอย่างในการแบ่งเขตเลือกตั้งก็สามารถทำให้ใครชนะการเลือกตั้งก็ได้ตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ
ภาพต่อไปนี้จะอธิบายอิทธิพลของการแบ่งเขตเลือกตั้งที่มีต่อผลการเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี
จากภาพข้างบน ถ้าแบ่งเขตตามปกติ คือตามแบบที่ 1 แล้วแดงย่อมชนะการเลือกตั้ง 3 ใน 5 เขตซึ่งสะท้อนความเป็นจริงของฐานเสียงที่สนับสนุนอยู่แต่หากอยากให้แดงชนะทุกเขต ก็ต้องแบ่งแบบที่ 2 ตรงกันข้ามถ้าอยากให้เขียวชนะ ทั้งที่ฐานเสียงที่สนับสนุนเป็นรองก็ต้องแบ่งแบบที่ 3 ซึ่งจะทำให้เขียวชนะ 3 ใน 5 เขตการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบที่ 2 และ 3 นั้นถือเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบไม่ยุติธรรมองค์กรกลาง หรือ เครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง(พีเน็ต) ดูจะรู้ทันเรื่องนี้ดี เพราะทันทีที่ คำสั่ง คสช. ออกมา อีก 2วัน องค์กรกลางก็ออกแถลงการณ์ เรื่อง“การแบ่งเขตเลือกตั้งต้องกระทำโดยอิสระและปราศจากการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจรัฐ” โดยประกาศสนับสนุนการแบ่งเขตของกกต. อย่างเป็นอิสระ และเรียกร้องให้ กกต.ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลการสั่งการของผู้มีอำนาจรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกกรณี องค์กรกลางยังแสดงความห่วงใยว่า คำสั่งคสช.ที่ 16/2561 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ที่ให้ กกต.
ทบทวนการแบ่งเขตใหม่ ในจังหวะเวลาที่ กกต.มีการแบ่งเขตเป็นไปตามกฎระเบียบเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นถือเป็นการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงองค์กรอิสระอันอาจนำไปสู่ผลการเลือกตั้งที่ไม่สามารถสร้างการยอมรับของคนในสังคมในอดีตของไทยเราเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเขตการเลือกตั้งแต่ละครั้งก็มักปรากฏขาวในหนาหนังสือพิมพวารัฐบาลแอบเขาไปแทรกแซงการกำหนดเขตการเลือกตั้งเพื่อเกื้อกูลต่อฐานเสียงทางการเมืองของตนทุกครั้งไปแม้การกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่จะเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากจำนวนสส. เปลี่ยนแปลงไป เขตเลือกตั้งก็ย่อมต้องเปลี่ยนไปในทางวิชาการเรียกการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหมนี้วา“Redistricting”ซึ่งเป็นเรื่องปกติหากกระทำอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมแต่ก็แทบทุกครั้งอีกเช่นกันที่การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบไม่บริสุทธิ์และยุติธรรมเพื่อใหพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดมีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากขึ้น ซึ่งการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ฝรั่งเขาจะเรียกอีกคำหนึ่งว่า“Gerrymandering” ซึ่งมาจากชื่อ นาย Elbridge Gerryอดีตผู้วาการมลรัฐ Massachusettsผู้เป็นตำนานการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อกว่า 200 ปีที่ผ่านมา ด้วยการออกรัฐบัญญัติเมื่อวันที่11 กุมภาพันธ ค.ศ. 1812เพื่อกำหนดเขตการเลือกตั้งในมลรัฐดังกล่าวขึ้นใหม่โดยจงใจกำหนดเขตการเลือกตั้งเพื่อใหพรรค Democratic-Republican (ซึ่งก็คือ Democratic Party ในปจจุบัน)ที่ตนสังกัดมีชัยในการเลือกตั้ง ผลก็คือเขตการเลือกตั้งบางเขตมีรูปลักษณพิลึกกึกกือประดุจสัตวเลื้อยคลานพันธุเดียวกับกิ้งกาที่ชาวอเมริกันเรียกวา
Salamanderผู้คนจึงเรียกการกำหนดเขตการเลือกตั้งเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งนี้วา Gerrymander อันเป็นคำผสมระหว่าง Gerry กับSalamanderด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในไทย
การเลื่อนวันเลือกตั้งจึงไม่น่าห่วงเท่าการแบ่งเขตเลือกตั้งแม้จะมีประกาศ คสช. ให้ขยายเวลาการทำงานของ กกต.ออกไปอีกสุดท้ายสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดอีกอย่างก็คือคนไทยไม่ค่อยคุ้นเคยกับตัว Salamander เท่ากับตัวเงินตัวทองซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Varanus salvatorหรือที่คนไทยเรียกว่า ตัว “วรนุช”หากเขตเลือกตั้งที่ กกต.ได้รับการอนุเคราะห์ให้ขยายเวลาการทำงานครั้งนี้ออกมาในรูปลักษณ์ที่พิลึกกึกกือละก็ “วรนุช”คงต้องเดือดร้อนอีกเป็นแน่เพราะคนไทยคงต้องอาศัย “วรนุช” แทน Salamanderสมมุติว่ากำหนดเขตเลือกตั้งเพื่อเอาใจผู้มีอำนาจชื่อ “ประหยัด” (Prayat) การกำหนดเขตเลือกตั้งครั้งนี้ คงได้ชื่อว่า“ประนุช” (Pranus) ที่มาจาก “ประหยัด” + “วรนุช” เป็นแน่แท้
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
สำนักที่ปรึกษาร้อยชักสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี