เรื่องและภาพ ดวงเดือน รัตติสุวรรณ (แทน)
เดือนพฤศจิกายน ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว แต่คน กทม. อย่างเราๆ ยังไม่รู้สึกถึงความเย็นเลย ซ้ำร้ายกลับรู้สึกว่าแดดมันร้อนจ้ามากขึ้นหรือเปล่าหนอ อย่ากระนั้นเลย พังเดือน (ลูกทีมเถ่าชิ่วสุทัศน์ แห่งคอลัมน์ ตู้กับข้าว) มาชวนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งช่วงนี้เริ่มมีอากาศหนาวเย็นกำลังดี ทำให้เราที่ปกติพบเจอแต่อุณหภูมิเฉียด 40 องศา กำลังรู้สึกสบาย แถมทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งเขียว แดง เหลืองทอง กระจัดกระจายทั่วไปเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้ก่อนการเดินทางจะมีข่าวแผ่นดินไหว น้ำท่วม มาเป็นระลอก แต่ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก แผนการเดินทางที่เตรียมการมาหลายเดือนและใจที่เต็มร้อย เราออกเดินทางกันค่ะ
ทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสี
Japan เป็นชื่อเรียกที่ชาวต่างประเทศใช้เรียกประเทศญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วชาวญี่ปุ่นนั้นจะเรียกประเทศของตนเองว่า Nippon หรือ Nihon หรือ ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย คำเรียกประเทศญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยนั่นเอง
เงินของญี่ปุ่น เรียกว่า เยน ตามอัตราแลกเปลี่ยนของเรา คำนวณง่ายๆ จาก 1,000 เยน เท่ากับประมาณ 300 บาทไทย และเงินเยนของญี่ปุ่น มีใช้ตั้งแต่เหรียญ 1 5 10 50 100 และ 500 เยน ส่วนธนบัตร มีตั้งแต่ฉบับละ 1,000 2,000 5,000 และ 10,000 เยน ด้วยค่าเงินของเขาสูงกว่าเงินไทยมาก ข้าวหน้าต่างๆ หรือราเมน ตกประมาณ 700-1,000 เยน พังเดือนจะดำเนินชีวิตอย่างไร กินอะไร มาช่วยลุ้นกันค่ะ ก่อนเปิดทริป ครั้งนี้ พังเดือนขออนุญาตจั่วหัวไว้ก่อนว่า อาหารที่ได้ไปชิมมา เป็นร้านข้างทางธรรมดาๆ ที่คนเดินดินกินข้าวแกงสามารถลองลิ้มชิมรสได้ทุกมื้อ ไม่เน้นความสวยหรูนะคะ
ซูชิ หรือ ข้าวหน้าปลาไหลอะไรพวกนี้ ขอข้ามไปก่อน
มื้อแรก ที่พวกเราหวังจะเข้าไปดูลาดเลา ที่เลาจน์ ของ King power เป็นอันพลาดไป เนื่องจากการคมนาคมช่วง 6 โมงเย็น ในวันต้นเดือนของถนนลาดพร้าวสู่สนามบินสุวรรณภูมิใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง เครื่องออก 4 ทุ่ม ต้องรีบไปเช็คอิน และรอที่หน้าเกทแล้ว แต่เราก็ไม่พลาดที่ใช้บริการบัตรเครดิต แลกคลับแซนด์วิช ที่ Subway ตุนใส่กระเป๋าไว้ก่อน และก็ไม่ผิดหวังเพราะอาหารที่บริการบนสายการบินไม่ถูกปากพวกเราทั้ง 4 คน คงเป็นเพราะความง่วงและเราอิ่มท้องกันมาแล้วด้วยหรือเปล่านะ
เราลงเครื่องที่สนามบิน Fukuoka อยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เวลาของเขาเร็วกว่าประเทศไทยประมาณ 2 ชั่วโมง นั่งรถเข้าเมืองประมาณ 30 นาที ที่พักของเราคืนนี้อยู่ใกล้สถานี Hakataเมื่อมาถึงสถานีนี้สิ่งที่พลาดไม่ได้ คือ ครัวซองของร้านในสถานี ชื่อร้านสารภาพว่าอ่านไม่ออก รสชาติที่ขายดีมากๆ จะเป็นรสดั้งเดิม รสมันหวาน และรสช็อกโกแลต โดยจะชั่งน้ำหนัก 100 กรัม ราคาประมาณ 100-130 เยน ตกอันละประมาณ 10-15 บาท ครัวซองอันไม่ใหญ่ กินคำโตๆ คำเดียวหมด แป้งจะกรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมฟุ้ง ผ่านไปเวลาไหนก็จะเห็นแถวต่อคิวยาวๆ นั่นล่ะใช่เลย
ร้านครัวซอง
แต่ละคนซื้อกันไม่ต่ำกว่า 3-4 ถุง ถุงละ 1 รส รสอื่นๆ ก็มีแต่ไม่ได้รับความนิยม ครัวซองมาจากเตาใหม่ๆ กินคู่กับชาเขียวมัทฉะร้อนๆ นี่กินแทนข้าวไป 1 มื้อเลย เราแวะเวียนมาร้านนี้ 3 ครั้ง แถวยาวทุกครั้ง แต่เราก็รอ คืนที่จะนั่งรถข้ามจังหวัดจาก Fukuoka ไป Osaka ก็มาซื้อตุนไว้ เนื่องจากรถทัวร์ข้ามจังหวัดของญี่ปุ่น ไม่มีแวะกินข้าวต้มระหว่างทาง ไม่มีบริการเสิร์ฟอาหารหรือน้ำใดๆ ทั้งรถดึงม่านปิดทึบ และมีที่ครอบหัวแบบในร้านทำผม เพื่อนร่วมทางกินไรชั้นไม่รู้ จัดการครัวซองไป 5-6 อัน ขึ้นรถหลับยาวๆ นอกจากครัวซองแล้ว ย่าน Hakata เกี๊ยวซ่าเป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาด จากการชิมมา 2-3 ร้าน รสชาติดีทั้งนั้น ตัวแป้งด้านนอกมีความกรอบหอมกลิ่นกระทะ กัดเข้าไปแป้งหนานุ่มได้รสชาติของไส้ที่อยู่ภายใน
หมึกว่ายน้ำรอขึ้นโต๊ะ
มาต่อที่เมือง Karatsu เมืองติดชายทะเล จุดมุ่งหมายคือมาชิมปลาหมึกเป็นๆ ตัวขาวใส เราเสียเวลาไป 2 ชม. จากการที่เจอกระเป๋าสตางค์ในห้องน้ำสาธารณะ ตอนแรกคิดว่าจะทิ้งไว้แบบนั้น คนลืมเค้าคงมาเอาคืนไปเอง แต่อีกใจก็กังวลแทน เลยพยายามจะนำไปคืนที่สถานีตำรวจ ที่สถานีมีตำรวจอยู่ แค่ 1 นาย และคงจะยุ่งมากๆ เนื่องจากรับโทรศัพท์คนเดียว 2 เครื่อง 2 มือ ตำรวจพูดอังกฤษไม่ได้ พวกเราพูดญี่ปุ่นไม่เป็น กว่าจะสื่อสารกันได้ ก็มี 3 สาว มาตามหากระเป๋าสตางค์พอดี โชคดีเธอเป็นนักท่องเที่ยวกำลังจะไปต่อที่เมืองอื่น เสร็จจากสถานีตำรวจ เราเลือกร้านที่จะลองชิมปลาหมึกกันอยู่นาน เนื่องจากทุกๆ ร้านมีคิวรอยาวเหยียด ตัดสินใจเลือกร้านหนึ่งลงชื่อต่อคิว ร่วมชั่วโมงคิวก็ยังไม่ขยับ สื่อสารพอจะเข้าใจว่าโต๊ะว่าง แต่คนบริการไม่ทัน ดูเวลาแล้วเราจะต้องต่อไปเมือง Saga ซึ่งหนทางยังอีกไกล ไม่อยากไปถึงมืดค่ำ เนื่องจากทริปนี้เราเช่ารถขับกันเอง สรุปได้ชิมอยู่เมนูหนึ่ง คล้ายๆ ข้าวเกรียบปลาหมึก เหมือนเอาแผ่นแป้งมาละเลงในแม่พิมพ์ แบบขนมทองม้วนบ้านเราแล้วใส่ปลาหมึกลงไป ผิงไฟพลิกซ้ายขวาพอแผ่นแป้งสุก รสชาติเค็มๆ มีกลิ่นปลาหมึกกัดกินเพลินๆ ได้เหมือนกัน แต่ทองม้วนบ้านเราอร่อยกว่าที่เมือง Karatsu
เลือกกินอะไรดีเอ่ย
ในเมือง Saga ที่พวกเรามาดูงานบอลลูนนานาชาติ มีจัดเต็นท์ขายอาหารนานาๆ ชนิดแบบตลาดนัดบ้านเรา ที่คุ้นตาก็มีทาโกะยากิ ที่เป็นลูกกลมๆ อยู่ในเตาคล้ายๆ เตาขนมครก ยากิโซบะ หมี่ผัดซอส ยากิโทริหรือไก่ย่าง เกี๊ยวซ่า และโอโคโนมิยากิ หรือพิซซ่าญี่ปุ่น เห็นพ่อค้ากำลังผัดกะหล่ำปลีซอย เติมนู่นปรุงนี่ ดูเพลิดเพลิน เราเลือกซื้อตามที่แต่ละคนอยากลองชิม แล้วมานั่งในที่ๆ เค้าจัดไว้ให้กิน ลานกลางแจ้งมีโต๊ะเก้าอี้ ใครอิ่มแล้วก็ลุกไป แต่ที่เราชื่นชมคือทุกโต๊ะที่ว่างไม่มีภาชนะที่กินแล้วทิ้งไว้เลย ที่เมืองนี้ เนื้อ Saga ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้เนื้อวากิว นอกจากเนื้อวัวแล้ว เค้าว่าเนื้อม้าก็มีให้ลิ้มลอง แต่พวกเราส่ายหัวทุกคน พังเดือนเกิดปีม้า ไม่ชิมพวกเดียวกันแน่ สำหรับเนื้อวัว เราหวังไปกินน้ำบ่อหน้า ที่เมือง Takayama แต่ก็ต้องผิดหวัง ทุกร้านคิวยาวเหยียด ร้านที่ไม่เห็นคิวก็ไม่รับลูกค้านอกจากจองมาก่อน เราเลยตัดใจไปหาข้าวกล่องกินในร้านสะดวกซื้อ แล้วไปนั่งกินที่ที่พัก ที่พักของเราที่เมือง Takayama มีห้องครัวให้เรานั่งกินอาหาร มีเตา กาน้ำร้อน ตู้เย็น สะดวกสบาย และมีเตาผิงโบราณ แบบใช้ฟืนท่อนใหญ่ ดูคูลมากๆ แต่อบอุ่นสบายๆ นะคะ เรื่องคิวนี่เรานับถือคนญี่ปุ่นมากๆ ไม่ว่าแถวจะยาวแค่ไหน เค้าก็จะเข้าแถวรออย่างสงบ
พิซซ่าญี่ปุ่น
ดังที่บอกทริปนี้เราเช่ารถขับกันเอง ขับข้ามเมืองจากใต้ขึ้นมาถึงกลางๆ ประเทศ เช้าออกจากที่พักเมืองหนึ่ง ตกเย็นถึงที่พักอีกเมืองหนึ่งเวลา 5 โมงเย็น แต่ท้องฟ้าดูมืดค่ำอย่างกับ 4 ทุ่ม อาหารการกินเรามักจะแวะตามจุดพักรถ ซึ่งมีร้านอาหารให้เราฝากท้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นราเมน หรือข้าวหน้าต่างๆ แบบข้าวหน้าทงคัตสึ หรือข้าวหน้าหมูชุบแป้งทอดนั่นเอง ที่สามารถกดซื้อจากตู้ขายอาหาร มีรูปและราคากำกับ ใบสลิปไปยื่นที่ร้าน รอสักพักก็จะได้อาหารมา
ข้าวหน้าต่างๆ หน้าเทมปุระ หน้าทงคัตสึ
ภายในจุดพักรถมีบริการห้องน้ำใหญ่โตสะอาดสะอ้าน มีร้านสะดวกซื้อและร้านขายของฝาก มื้อเช้าที่พังเดือนกินเป็นประจำ คือข้าวปั้น 3 เหลี่ยม มีไส้ให้เลือกหลากหลาย หมู เนื้อ ปลา สาหร่าย มาครั้งนี้ มีภาษาอังกฤษกำกับ ซึ่งครั้งก่อนๆ จะเลือกเอาจากสี ใช้เดาๆ เอา ราคาก็ไม่แพง อันละประมาณ 100-130 เยน คือประมาณ 30 บาท และที่พังเดือนชื่นชอบมาก คือ แวะร้านสะดวกซื้อ ซึ่งหาได้อยู่ทั่วไป หาง่าย มีที่จอดรถสะดวกสบาย ไม่ว่าจะ 7 eleven / Family mart หรือ Lawson เลือกซื้อขนมหรือไอศกรีมแบบที่บ้านเราไม่มี
ข้าวปั้นสารพัดหน้า
เมื่อเมษาปีที่แล้ว ติดใจขนมคล้ายๆ เอแคลร์ก้อนโต ข้างในเป็นไส้ชาเขียว แบบกัดไปคำไส้ทะลักออกมา ไส้หวานกลมกล่อมรสชาเขียวเต็มๆ มาปีนี้ เข้าออกทุกร้านแล้ว สรุปปีนี้ชาเขียวไม่มี เปลี่ยนเป็นไส้ทีรามิสุ อร่อยไม่แพ้กัน อยากขนกลับมาบ้านเราเยอะๆ แต่เจออากาศร้อนก็จะเละหมด
ช่วงนี้ ลูกพลับของญี่ปุ่นก็หวานอร่อย หรือที่เมือง Omachi เค้าปลูกแอปเปิลกันทั้งเมือง ลูกดกเต็มต้น แทบมองไม่เห็นใบ ขับรถผ่านอยากจะเข้าไปชมและชิมใกล้ๆ แต่เพื่อนห้ามกันไว้ เราอ่านภาษาเค้าไม่ออกสักตัว มีเปิดกระแสไฟไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เรียกว่าพวกเรา 4 สาว กินลูกพลับ แอปเปิล กันตลอดเวลา และถ้ามีกล้วยหอมแกล้มไอติมชาเขียวด้วยแล้ว กินแทนข้าวกันได้เลย
ไอศกรีมในตู้ร้านสะดวกซื้อ
สำหรับคอช็อกโกแลต Royce พังเดือน ค้นพบ Melty Kiss อร่อยไม่แพ้กัน ราคาสบายกว่ากันเยอะ เรียกว่า เรากินกันเป็นที่เบิกบานใจ ที่เจอมี 3 รส คือ สตรอเบอร์รี่ มีรสอมเปรี้ยวของสตรอเบอร์รี่ รสชาเขียว และพรีเมี่ยมทุกรสถูกใจ มีรสขมหวานของช็อกโกแลต ราคาต่อกล่องประมาณ 60 บาทไทย ติดที่ว่าไม่ทนต่ออากาศประเทศไทย ต้องอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา นอกจากนี้ อาหารสำเร็จที่อยู่ในตู้หน้าแคชเชียร์คิดเงินประเภทไก่ทอด ไก่ย่าง ก็รสชาติดี กินกับข้าวปั้น หรือข้าวสวย ก็อร่อย
ไก่ทอดหลากหลาย
ราเม็งถ้วยนี้ราคา 1,000 เยน
การเดินทางครั้งนี้ สนุกสนานประทับใจบรรยากาศ ทิวทัศน์ ได้เห็นความเจริญที่ประเทศไทยของเรากำลังพัฒนาติดตาม แต่ถึงอย่างไร พังเดือนก็คิดเสมอว่า ที่เที่ยว และอาหารการกินของบ้านเรา ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ปล. เป็นความคิดเห็น และรสนิยมส่วนตัว ไม่มีแสตนอิน ไม่มีสลิง ใดๆนะคะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี