เหมือนหญ้าหน้าฝน...ที่แตกยอดขยายกออย่างรวดเร็วจนปกคลุมพืชอื่นๆแทบหมดสิ้น นโยบายพรรคการเมืองใหญ่ๆก็เหมือนกัน ต่างก็ชูนโยบายประชานิยมเอาใจชาวบ้าน ด้วยหวังคะแนนเสียงให้พรรคของตนได้รับเลือกตั้งมากที่สุด
แต่ไม่มีสักพรรคที่บอกว่านโยบายของตนเป็น “ประชานิยม”
พรรคพลังประชารัฐ บอกว่าการแจกเงินด้วยวิธีต่างๆแก่ชาวบ้านนั้นเป็น “สวัสดิการ”
พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า “เป็นโครงการสวัสดิการของรัฐ” (หลายโครงการก็เป็นจริง)
หมายความว่ายังไม่มีพรรคไหนเสนอนโยบาย “รัฐสวัสดิการ” เพราะมันจะเป็นนโยบายแบบประเทศสังคมนิยมไป จึงเป็นแต่เพียง “สวัสดิการ” บางอย่าง – บางส่วนของรัฐบาลเท่านั้น
พรรคเครือข่ายของคุณทักษิณ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยนั้นก็ดำเนินนโยบายจากพรรคไทยรักไทยต่อ และมีเพิ่มใหม่เข้ามาด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเจ้าตำรับประชานิยมในเมืองไทย (บางอย่างก็มีประโยชน์ แต่ส่วนมากล้มเหลวและนำไปสู่ปัญหาคอรัปชั่น)
เหตุที่ทุกพรรคคิดค้นนโยบายประชานิยมออกมาแข่งกันก็เพราะมันใช้ได้ผลมาแล้ว ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย แม้จะเปลี่ยนมาเป็นพรรคเพื่อไทย ชาวบ้านก็ยังนิยมชมชอบ เห็นได้จากโพลล์ล่าสุดที่บอกว่าชาวบ้านจะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด
ฝรั่งตะวันตกคนหนึ่งที่เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยบอกผมมานานแล้วว่า “คนไทยชอบของฟรี” เขาบอกให้สังเกตดูสินค้าทั่วไป ถ้ามีการแจก - แถมก็มักจะขายดี ผมว่าเรื่องนี้คนไทยก็ทราบดี จึงเรียกนโยบายประชานิยมว่า “ลด แลก แจก แถม”
ส่วนเหตุที่คนไทยชอบของฟรีนั้นก็ฝรั่งตะวันตกอีกนั่นแหละ ได้ทำวิจัยเรื่องอุปนิสัยของคนไทยไว้นานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ผมก็จำข้อสรุปของเขาได้ว่า”คนไทยนั้นมีอุปนิสัย 5 ขี้” ได้แก่ ขี้เกียจ ขี้โกง ขี้ขโมย ขี้โอ้อวด และขี้อิจฉา
ส่วนคนไทยด้วยกันเองก็บอกว่า คนไทยรักสบาย ไม่ชอบทำงานหนัก (พวกนายจ้างจึงต้องจ้างแรงงานจากรอบประเทศของเราเข้ามาทำงานแทน) ชอบรวยทางลัด ดังจะเห็นได้จากการเล่นการพนัน พวกคนที่มีการศึกษาหน่อยก็มักจะอ่านหรือฟังเรื่อง “ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จโดยเร็ว” และเล่นหุ้น หรืออะไรอย่างอื่นที่เป็นการเก็งกำไร
ส่วนคนไทยอีกจำนวนมากนั้นไม่ต้องให้ใครวิจารณ์ เพราะทำให้ดูเป็นตัวอย่างเองเลย เช่นตอนที่ไม่มีงานทำก็เที่ยวหางานทำ ของานทำ แต่พอได้งานทำแล้วกลับไม่ทำงาน เช้าชามเย็นชามอยู่ประจำ ซึ่งก็มีทั้งในภาคเอกชนและภาคราชการ แถมยังมีพวกที่คอยจ้องแต่จะโกงกินอีก ทั้งหมดนี้มันบอกอุปนิสัยคนไทยโดยรวม และเป็นเหตุสนับสนุนให้นโยบายประชานิยมครองใจคนไทยส่วนมาก
แต่ไม่ใช่เฉพาะแต่คนไทยหรอกครับ ผมว่าคนทั้งโลกก็ชอบสบาย ไม่อยากทำงานหนัก หรือไม่ชอบทำงานเลยด้วยซ้ำ ดังจะเห็นได้จากประเทศลาตินอเมริกาที่ผู้ปกครองประเทศใช้นโยบายประชานิยมหลอกล่อชาวบ้านเพื่อให้ตนได้ครองอำนาจต่อไปยั่งยืนนาน สุดท้ายประเทศก็พัง ประชาชนอดอยากเดือดร้อน ประเทศล้มละลาย
นักการเมืองไทยทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เพราะมันเกิดมาหลายสิบปีแล้ว และยังคงสภาพวิกฤติมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ด้วยความอยากจะได้รับเลือกตั้งจึงต้องนำเอานโยบายประชานิยมมาใช้ เพื่อให้ชาวบ้านพอใจและเลือกตนให้ได้เป็นใหญ่เป็นโต วันหน้าจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันทีหลัง!
ซึ่งพวกเขาคุยโวแข่งกันว่าตนมีวิสัยทัศน์!
ถ้าประชาชนเสพติดประชานิยมมากเข้า แล้วต่อไปประเทศไม่มีเงินจะไปแจก - แถมอีก ประชาชนก็จะไม่พอใจ และก็อาจจะมีคนยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายขึ้นได้ เพราะทุกวันนี้ก็มีคนพยายามอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นจะมีปัญหางอกขึ้นมาอีกหลายปัญหา และคงยากจะรับมือได้ไหว
พลังประชาชนนั้นยิ่งใหญ่เสมอ ไม่ว่าพลังนั้นจะถูกใช้ไปในทางดีหรือร้าย เป็นคุณหรือเป็นโทษ
ปัจจุบันมีนักวิชาการหลายคนบอกว่าสังคมไทยกำลังเข้าสู่กลียุคและกำลังจะลุกลามไปสู่มิคสัญญี แม้เขาจะมีเหตุผลสนับสนุนชัดเจนดี ผมก็ยังไม่เห็นด้วยนัก แต่ก็เห็นแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้น
เหตุที่มันจะเป็นเช่นนั้น (กลียุค) ก็เพราะนโยบายประชานิยมที่บรรดาพรรคการเมืองกำลังป้อนแก่สังคมไทยนั่นแหละ
บวกกับปัญหาคนจนกับคนรวย และช่องว่างที่ห่างกันมากที่สะสมมานาน และห่างกันมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งนโยบาย – กฎหมายต่างๆที่ออกมาเพื่อเอื้ออำนวยแก่พวกคนรวยและพวกนายทุนก็จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกแรงหนึ่ง
ทุกวันนี้ปัญหาดังกล่าวยิ่งมากขึ้น และเสียงของผู้คนที่ไม่พอใจก็ดังขึ้นทุกวันด้วย
พวกนักการเมือง ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือยึดอำนาจก็ล้วนแต่สร้างเชื้อไฟนี้ไว้ทั้งนั้น
เชื้อไฟที่เกิดจากการ “เอาใจชาวบ้านด้วยนโยบายประชานิยม” และ “เอาใจนายทุนด้วยการออกกฎหมาย” ที่อำนวยประโยชน์แก่พวกเขา
พวกนักการเมืองเอาใจทั้งสองฝ่าย ก็เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก แต่ประกาศว่าเป็นผลประโยชน์ของประชาชน ทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ!
จึงกลายเป็น 3 ฝ่ายแห่งผลประโยชน์ คือ “นักการเมือง นายทุน ประชาชน” ซึ่งในที่สุดก็จะเหมือนปลวกที่รุมกัดกินประเทศจนผุพังไป
เราคอยดูกันต่อไป ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในประเทศนี้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี