นายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน) มหาดเล็กในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ได้แต่งนิราศเมื่อคราวตามเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ ไปรับทัพพม่าที่ยกมาตีเมืองถลางและชุมพรเมื่อ พ.ศ. 2352 หรือราวต้นสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งต่อมารู้จักกันดีในชื่อ “นิราศนรินทร์” อันถือเป็นนิราศชั้นครูที่มีความงดงามเชิงภาษาเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์วรรณคดีไทย ความตอนหนึ่งของนิราศมีว่า
โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ แลโลม โลกเอย
แม้ว่ามีกิ่งโพยม ยื่นหล้า
แขวนขวัญนุชชูโฉม แมกเมฆ ไว้แม่
กีดบ่มีกิ่งฟ้า ฝากน้องนางเดียว
โฉมควรจักฝากฟ้า ฤๅดิน ดีฤๅ
เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน
ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา
ทราบสยมภูวจักรี เกลือกใกล้
เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่
โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง
ถ้อยคำออดอ้อนรำพึงรำพันของนายนรินทร์ธิเบศร์ที่ต้องจากนางอันเป็นที่รัก และคิดไม่ตกว่าจะฝากนางไว้กับใครดี จะแขวนนางไว้กับกิ่งฟ้า ก็ไม่มีกิ่งฟ้ายื่นลงมาให้แขวน จะฝากฟ้าฝากดินหรือ ก็เกรงว่าผู้เป็นใหญ่แห่งฟ้าและดินจะลักลอบมากรายกล้ำ ครั้นจะฝากลม ก็เกรงลมจะพัดพาลอยขึ้นบนไปทำให้นวลเนื้ออันสุดรักแสนหวงต้องถูกโลมไล้ชอกช้ำด้วยแรงลม ครั้นจะฝากนางไว้กับพระอุมาและพระลักษมีเล่า ก็เกรงว่าหากความทราบถึงพระอิศวรกับพระวิษณุ นางก็ต้องถูกพระอิศวรกับพระวิษณุเข้ามาเกลือกใกล้ สุดท้ายผู้ประพันธ์สรุปว่า ตนได้คิดทบทวนทั่วทั้งสามโลกแล้วเห็นว่า ควรฝากนางอันเป็นที่รักไว้กับใจของนางเองจะดีกว่าฝากไว้กับใครทั้งปวง
ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะฤดูกาลฝากความหวังกำลังมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง !
มาเยือนเหมือนทุกครั้งที่กำลังมีการเลือกตั้ง
มาเยือนเหมือนเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว ที่ประชาชนจำนวนมากเคยฝากความหวังไว้กับกลุ่มทหารที่เข้ามายึดอำนาจการปกครองประเทศไปจากกลุ่มอำนาจที่ชักใยโดยทักษิณ !
และมาเยือนในวันเวลานี้ ที่นักเลือกตั้งจำนวนมากกำลังบอกให้ประชาชนฝากความหวังไว้กับการเลือกตั้ง ฝากความหวังไว้กับพวกเขา และผู้นำที่พวกเขาหามา !
โฉมควรจักฝากฟ้า ฤๅดิน ดีฤๅ ??
เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ประชาชน โดยเฉพาะปัญญาชนที่มีแนวคิดไปทางสังคมนิยม เคยฝากความหวังไว้กับพรรคไทยรักไทย และ ทักษิณ ชินวัตร ตามหลักคิดที่ว่า “ทุนใหม่ดีกว่าทุนเก่า” เอย, “ทุนใหม่เป็นตัวแทนพลังการผลิตที่ก้าวหน้ากว่าทุนเก่า” เอย กระทั่ง “ทักษิณให้โอกาสฝ่ายก้าวหน้ามากกว่าพวกศักดินา” เอย แต่แล้วในที่สุดพวกที่เคยฝากความหวังไว้กับพรรคไทยรักไทย และ ทักษิณ ส่วนหนึ่งก็กลับต้องออกมาเดินขบวนขับไล่ทักษิณเสียเอง บางคนในนั้นถึงกับส่งเทียบเชิญให้ทหารมาช่วยยึดอำนาจด้วยซ้ำไป ส่วนพวก “ฝ่ายก้าวหน้า” ที่ยังทำงานให้ทักษิณ ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกจ้างที่ทำงานให้เจ้าของบริษัท จะสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ทำไม่ถูกใจ โดนทักษิณดุด่าแดกดันเผยแพร่ผ่านสื่ออย่างไม่เกรงใจ ก็โดนมาแล้ว กระทั่งสั่งให้ไปทำงานเป็นลูกน้องของคนที่อุดมการณ์ทางการเมืองตรงข้ามกับตน และเคยต่อสู้เป็นศัตรูกันอย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว ก็ต้องยอม เพราะเวลานั้นทักษิณ ไม่เพียงมีอำนาจ แต่ยังมีเงิน
เมื่อราว 5 ปีที่แล้ว เคยฝากความหวังไว้กับคณะรัฐประหาร เคยหวังว่าแม้ประชาธิปไตยไทยจะถอยหลังเข้าคลองไปหลายปี ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ประเทศชาติถึงทางตัน ปล่อยให้คนทุจริตโกงกินยังนั่งปล้นบ้านครองเมือง แต่เกือบ 5 ปีผ่านไป สิ่งที่เคยตั้งความหวังไว้ กลับไม่เป็นดั่งว่า คำมั่นสัญญากลับเป็นเพียงบทเพลงพรรณาที่ไม่กล้านำกลับมาเปิดอีกต่อไป
มาวันนี้ การเลือกตั้งต้นปีที่หลายคนพยายามทำให้เห็นว่าเป็นความหวังของประเทศชาติและประชาชน จะหวังได้เพียงไรเมื่อผู้เล่นบนเวทีการเมืองของเราเป็นอย่างนี้
ฝ่ายหนึ่งคือ กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ที่ยังคงอยู่ในอาณัติของทักษิณ ที่ยึดถือทักษิณเป็นเสมือนบิดาบังเกิดเกล้า มันจะโกง มันจะชั่ว ก็ไม่สนใจ เพราะมันมีเงิน มันให้ผลประโยชน์ ถ้าไม่โดนมันหักหลังตรง ๆ อย่างกรณีที่ถูกมันปล่อยให้ติดคุกโดยไม่สนใจใยดี ก็ยังยินดีจะรับใช้มันต่อไป
ฝ่ายหนึ่งคือ กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ในอาณัติของคณะรัฐประหารและที่สนับสนุนรัฐบาลของคณะรัฐประหาร ที่ตลอด 4-5 ปี ที่ปกครองประเทศโดยมีกองทัพและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหนุนหลังอยู่ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสำคัญของประเทศชาติ ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ตนเคยยกขึ้นมาเป็นเหตุผลในการยึดอำนาจ ทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะในระบบราชการ หรือแม้ในกลุ่มพี่ ๆ น้อง ๆ ของตนเองที่สังคมเขาวิพากษ์วิจารณ์กัน
ฝ่ายที่เหลือคือ ฝ่ายพรรคการเมืองเก่าแก่ ที่เลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่ได้เสียงข้างมากกับเขา กับ พรรคการเมืองใหม่ ที่พยายามทำตัวเป็นอนาคตใหม่ของประเทศ ต่อต้านรัฐประหาร แต่ไม่เห็นต่อต้านพวกโกงกิน
เช่นนี้แล้ว ประชาชนจะไปฝากความหวังอะไรไว้กับการเลือกตั้งที่มีนักการเมือง หรือคนที่อยากลงเล่นการเมืองแบบนี้ ?
จริงอยู่ ประเทศไทยเรานั้นมีอะไรดี ๆ หลายอย่าง ประเทศของเราไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง เพียงแต่การเมืองไทยนั้น มันแย่ และแย่เอามาก ๆ
ความจริงแล้วจะโทษนักการเมือง หรือคนที่อยากลงเล่นการเมืองทั้งหมดก็ไม่ถูก เพราะคุณภาพของการเมืองและคุณภาพของนักการเมือง แยกไม่ออกจากคุณภาพของประชาชนที่เลือกนักการเมืองเหล่านั้นเข้ามา
ถ้าอยากให้การเมืองมีคุณภาพและนักการเมืองมีคุณภาพ ประชาชนต้องมีคุณภาพก่อน
ประชาชนต้องรู้จักแยกถูกแยกผิด แยกดีแยกชั่ว รู้จักเลือกระหว่างถูกกับผิด ดีกับชั่ว ไม่ใช่เลือกว่าจะยืนอยู่กับใคร อยู่กับฝ่ายทหาร หรืออยู่กับฝ่ายทักษิณ
ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน ถ้าจะฝากความหวังก็ต้องฝากไว้กับตัวประชาชนนั่นแหละ ฝากไว้กับการพัฒนาคุณภาพของประชาชน ไม่ใช่ไปฝากไว้กับใครที่ไหน เมื่อประชาชนไทยได้รับการพัฒนาทั้งทางความคิดและจิตสำนึกเยี่ยงประชากรในประชาคมที่ระบอบประชาธิปไตยพัฒนามั่นคงแล้ว ที่ไม่เลือกพรรคเลือกพวก แต่เลือกเอาสิ่งที่ถูกต้อง เป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชน พวกเขาก็จะสร้างสังคมประชาธิปไตยที่ไม่มีที่สำหรับการเมืองและนักการเมืองด้อยคุณภาพอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้
ไม่ต้องคิดฝากความหวังไว้กับใครหรอก ฝากไว้กับคุณภาพของตนเองนั่นแหละ
โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง !
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
สำนักที่ปรึกษาร้อยชักสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี