ระหว่างอยู่ที่เหมือง ผมมีโอกาสไปเดินชมตลาดเช้าบ้านหาน ซึ่งอยู่ห่างจากเหมืองออกไปไม่ไกลนัก เป็นตลาดเล็กๆ ที่ชาวบ้านจะทำอาหารและขนมจากบ้านมาวางขาย บ้างนำผักผลไม้ บ้างนำไก่ ปลา เนื้อ และหมูมาขายให้กับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนทำงานในเหมือง เป็นตลาดเช้าเล็กๆ แต่มีสีสัน และมีความหมายกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนงานที่ต่างพกพาความฝันของตนเดินทางเข้ามายังเหมืองแห่งนี้
รถที่พาผมไปยังตลาดบ้านหาน เป็นรถกระบะ 4W คันใหญ่ เขลอะด้วยฝุ่นโคลนอันเป็นเอกลักษณ์ของรถเหมือง เวลาลงจากรถ ถ้าไม่ต้องการให้ขากางเกงเปื้อนโคลนที่อยู่ตรงบันไดใต้ประตูรถ เราจำเป็นต้องเขย่งขา และดีดตัวลงมาให้พ้นบันได และด้วยการลงรถแบบนี้แหละ เป็นเหตุให้ iPhone ของผมร่วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงโดยไม่รู้ตัว เมื่อล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบมันออกมาบันทึกภาพเช้าของตลาดแล้วไม่เจอ ก็นึกว่าลืมมันไว้ที่แคมป์ของเหมือง แต่เมื่อกลับถึงเหมือง หาเท่าไรก็ไม่เจอ จึงรู้ว่าทำมันหล่นหายไปแล้วที่ตลาด
วันนั้นทั้งวัน ผมทำงานอย่างไม่มีความสุข กินอะไรก็ไม่อร่อย แม้แต่กาแฟที่ชื่นชอบ ค่าที่บันทึกแทบทุกอย่างที่จำเป็นไว้ในโทรศัพท์มือถือ เมื่อมันหายไป ชีวิตก็ดูเหมือนจะเดินต่อไปลำบาก ยังดีที่มีไลน์อยู่ในโนตบุ๊ค จึงยังพอติดต่อผู้คนได้ เรื่องที่จะมีใครเก็บได้แล้วเอามาคืน ดูจะเป็นเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้น
แต่แล้วบ่ายวันนั้น ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง ลุงคนขับรถรับส่งพนักงานอีกบริษัทหนึ่งซึ่งเป็นคนลาวเก็บมือถือผมได้ที่ตลาดแล้วให้หลานชายซึ่งทำงานด้าน IT อยู่ที่เดียวกันไปโพสต์ลง Facebook เพื่อตามหาเจ้าของ บังเอิญหลานชายคนนั้นเป็นเพื่อนใน Facebook กับพนักงานลาวคนหนึ่งในบริษัทที่ผมไปทำงานให้ พวกเขาจึงส่งข่าวมายังผม และพาผมไปยังบ้านของลุงหลานชาวลาวคู่นั้น
เมื่อรถจอดที่หน้ารั้วบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากท้องทุ่งอันสงบและเป็นธรรมชาติ ภาพแรกที่ผมเห็นคือเด็กหนุ่มท่าทางกระฉับกระเฉงยิ้มแย้มแจ่มใสคนหนึ่งวิ่งออกมาต้อนรับ พร้อมหยิบ iPhone 7 Plus ออกมาให้ และบอกว่า คนที่เก็บได้ไม่ใช่เขา แต่เป็นลุง เขาบอกว่า ตอนเก็บได้ก็รู้ว่าเจ้าของคงอยากได้คืน จึงช่วยเอาไปโพสต์หาเจ้าของให้ จากนั้นจึงพาผมไปหาลุงของเขา พร้อมกับเล่างาน IT ที่เขาทำที่เหมืองให้ผมฟังอย่างมีชีวิตชีวา ผมกล่าวขอบคุณและตอบแทนน้ำใจเขาไปตามความเหมาะสม ก่อนจะอำลากลับด้วยความรู้สึกชื่นชมในน้ำใจและความดีงามของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ภาพเด็กหนุ่มท่าทางทะมัดทะแมง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยืนเล่าเรื่อง software ที่เขาทำให้ผมฟังอย่างมีรสชาติ ทำให้ผมมองเห็นอนาคตอันรุ่งโรจน์ของ สปป. ลาวที่มีเยาวชนเช่นเขา
วันแรกที่ผมกลับมายังประเทศไทย และแวะไปกดเงินที่ตู้ เอ.ที.เอ็ม. แถวบ้านซึ่งอยู่แถบบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ขณะหยิบเงินออกจากเครื่อง สายตาเหลือบไปเห็นบัตร เอ.ที.เอ็ม. ของใครไม่ทราบอีกใบวางอยู่ ตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเป็นเย็นวันอาทิตย์และไม่มีใครอยู่ในธนาคาร จะทิ้งไว้ตรงนั้น ก็เกรงหากมิจฉาชีพมาเจอ เจ้าของบัตรจะเดือดร้อน ครั้นจะหยิบบัตรสอดเข้าไปใต้ประตูกระจกของธนาคาร ก็เกรงจะไม่ปลอดภัย ในที่สุดตัดสินใจเก็บบัตรไว้ แล้วโทรไปแจ้งที่ Call centre ของธนาคาร สักพักเจ้าหน้าที่ Call centre ก็สามารถประสานหาเจ้าของบัตรตัวจริงได้ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าที่อยู่ไม่ไกลจากธนาคารมากนัก หลังจากนัดแนะกันแล้ว รุ่งเช้าก่อนไปทำงาน ผมจึงแวะรถนำบัตรไปให้เขาที่ร้าน เจ้าของบัตรดีใจไม่คิดว่าจะมีคนเก็บได้แล้วเอามาคืน เขากล่าวขอบคุณและพยายามยัดเยียดเครื่องดื่มชูกำลังและอะไรอีกสักอย่างมาให้ผม ซึ่งผมไม่ได้รับไว้ บอกเขาว่าไม่เป็นไร พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่ผมทำมือถือหายแล้วมีคนเก็บเอามาคืนที่ สปป.ลาว ให้เขาฟัง พร้อมกับลงท้ายว่า บางครั้งปาฏิหาริย์ก็มีจริง
ครับ ในท่ามกลางความเลวร้ายของสังคม ปาฏิหาริย์ดีๆ ก็มีได้ ถ้าใจเราจะมุ่งมั่นทำมันขึ้นมา !
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี