อีกไม่ถึงเดือนแล้วครับ ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ก็จะได้ใช้สิทธิ เลือกตัวแทนเข้าไปนั่งในสภา กาเบอร์เดียวได้ทั้ง ส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
การได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อหนนี้แปลกกว่าครั้งก่อนๆ
คะแนน ส.ส. เขต ทั้ง 350 จะเป็นคะแนนที่เอามาคำนวณ ส.ส. ได้คะแนนรวมเท่าไรเอา 500 หาร เช่นคะแนนทุกพรรค รวมกันได้ 40 ล้าน หารด้วย 500 ก็จะได้ 80,000
คราวนี้ก็มาพิจารณาแต่ละพรรค ได้คะแนนเท่าไร ก็เอา 80,000 ไปหาร ก็จะได้จำนวน ส.ส. ที่พรรคนั้นจะพึงมี
สมมติ ตัวเลขกลมๆ พรรคประชาธิปัตย์ได้ 12 ล้านคะแนน เอา 80,000 หาร พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมี ส.ส. 150 คน
แต่ถ้าประชาธิปัตย์ชนะได้ ส.ส.เขตมา 120
พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมี ส.ส. บัญชีรายชื่อได้อีก 30 เป็นอันครบ 150 คน
แต่ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้ง ส.ส. เขต 160 มากกว่าที่คำนวนไว้แต่แรกคือ 150 พรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ได้ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว
พรรคเพื่อไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทย และพรรคเล็กพรรคน้อยอื่นๆ ก็จะมีวิธีคิด วิธีคำนวนเช่นเดียวกันนี่แหละครับ
ตั้งแต่ที่เรามีการเลือกตั้งครั้งแรก เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2476 ที่ใช้วิธีเลือกโดยให้ประชาชนเลือกผู้แทนตำบลก่อน แล้วให้ผู้แทนตำบลไปเลือกผู้แทนราษฏรแทน เรื่อยมาจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 เราได้มีการปรับเปลี่ยน การเลือกตั้งเรื่อยมา ทั้งจากเลือกแบบรวมเขตเลือกตั้งทั้งจังหวัด เช่น พระนคร มีผู้แทนราษฎรได้ 9 คน ก็ให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งเลือกได้ 9 คน
ซึ่งประชาชนนนทบุรี. สมุทรสาคร ระนอง ฯลฯ เลือกได้คนเดียว เพราะมีพลเมืองน้อย ก็ปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีแบ่งเขตจังหวัด ให้เหลือเขตละ 3 คนบ้าง 2 คนบ้าง
ต่อมาจึงใช้วิธีเพิ่ม ส.ส.อีกประเภทคือ บัญชีรายชื่อ เผื่อคนอยากเป็นผู้แทนราษฎร. แต่ไม่อยากลงสมัครแบบเขต เพราะต้องสู้กันหนัก ด่ากันหนัก (แต่เอาเข้าจริงๆ เอาไว้ให้นายทุนพรรคเสียมากกว่า)
ดูจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองที่มี ทักษิณ ชินวัตร บัญชาการหรืออยู่เบื้องหลัง เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้มากกว่ากลุ่มอื่นใด ดังจะเห็นว่า พวกเขาใช้วิธีแตกไลน์ ไปหลายพรรค พรรคหลัก เอา ส.ส.เขตเป็นหลัก พรรคบริวารอื่นๆ มุ่งเน้น ที่ บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์
นี่เพราะความมุ่งมั่นที่จะเอาอำนาจรัฐให้ได้ ด้วยหวังว่า การได้อำนาจรัฐอาจจะช่วยพรรคพวกที่หนีคดีบ้าง ถูกดำเนินคดีอยู่บ้าง ติดคุกและกำลังจะติดอยู่อีกหลายคน ให้รอดได้บ้างจากชะตากรรมอันเลวร้ายนั่นเอง
พวกเขาจึงกระทำในสิ่งที่สุ่มเสียง เพื่อจะชนะ เพื่อจะได้อำนาจรัฐ
ไม่ต้องหวังว่าจะได้ 5 ล้าน 10 ล้านเสียงหรอกครับ ขอให้ ได้คะแนน 1 แสน 5 แสน ก็จะมี ส.ส. บัญชีรายชื่อในสภาแน่ บัญชีอันดับ 1 2 3 มีโอกาสเข้าสู่สภาค่อนข้างสูง
พรรคประชาธิปัตย์ รู้ไหม ?
พรรคเจ้าหลักการประชาธิปัตย์ทำไมจะไม่รู้ นักกฎหมายออกมากมาย แต่ไม่สนใจ ดังจะเห็นจาก นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีคะแนนเสียงค่อนข้างหนาแน่นเป็นแสนเสียงถ้าลงสมัคร ส.ส.เขต ซึ่งจะเป็นคะแนนมาเพิ่มจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ท่านเหล่านี้กลับไม่สนใจ
มีบางพรรคที่ออกมาหาเสียงโดยบอกว่า รัฐธรรมนูญนี้ออกแบบมาให้พวกเขา ปลุกปลอบคนในพรรคให้ฮึกห้าวเหิมหาญ แต่ดูแล้วก็ไม่เห็นจะได้เปรียบอันใด สิ่งที่ดูได้เปรียบ กลับจะติดลบเสียอีก เพราะ คุณภาพของนักการเมืองออกจะสั่วๆ ไร้คุณภาพ
การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 เป็นความหวังหนึ่งของประชานคนไทยส่วนหนึ่ง ที่คาดหวังว่าประเทศชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น
ดูจากนโยบาย ดูจากการโฆษณา พรรคการเมือง นักการเมือง ดูจะมีความมุ่งมั่น รับใช้ชาติบ้านเมือง รับใช้ประชาชน ที่เคยโกง เคยทุจริต ก็บอกว่าจะขจัดคอร์รัปชั่น จะซื่อสัตย์สุจริต จะรับใช้ประชาชนสุดจิตสุดใจ จะขจัดการเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ
อย่าไปตั้งความหวังเอาไว้สูงนัก เพราะเลือกตั้งครั้งก่อนๆหน้านี้ นักการเมือง มันก็พูดกันอย่างนี้ โฆษณากันอย่างนี้ทั้งนั้น
เข้าคูหา กาคะแนนพรรค และคนที่เราคิดว่า มันใช้ได้
แต่เลือกแล้ว ก็ตามไปดู มันเลว มันชั่ว มันทุจริต ก็คัดค้านมัน ไม่ให้มันทุจริต ไม่ให้มันกร่าง ไม่ให้มันใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
บ้านเมืองเป็นของพวกเราทุกคน !
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี