คนเราเมื่อหลงใหลใครก็มักจะมองไม่เห็นความบกพร่องของคนๆนั้น ไม่เฉลียวใจด้วยซ้ำว่า “เป็นตัวตน” ของเขาจริงหรือไม่ เพราะแต่ละคนก็มักจะแสดงบทพระเอก – นางเอก บ้างก็แสดบทผู้สูงส่ง เพื่อให้อีกคนอื่นนิยมชมชอบตน
คนหนุ่มสาวรักกันก็เป็นเช่นนี้ พออยู่กินกันไปจึงได้รู้นิสัยว่าเป็นอย่างไร ถ้าโชคดีได้อยู่กินกับคนที่นิสัยไปกับตนได้ ชีวิตสมรสก็ราบรื่น แต่ถ้าไม่...ชีวิตก็มีแต่ความทุกข์ ต้องจำใจอยู่กันต่อไป หรือเลิกรากันไป
ในเรื่องการเมืองก็เช่นกัน...นักการเมืองทุกคนต่างก็ “แสดง” บทคนดี มีความรู้ มีความสามารถที่จะปกครองดูแลบ้านเมืองได้เหนือคนอื่น โดยการสร้างภาพลักษณ์ – การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีสื่อเป็นเครื่องมืออย่างดี ที่ใช้สร้างภาพลักษณ์ตนได้อย่างมีประสิทธิผล สร้างให้คนหลงใหลได้ปลื้มอย่างไรก็ได้ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้สนใจจะศึกษาว่านักการเมืองแต่ละคนนั้นมีธาตุแท้เป็นอย่างไร คิดอะไร มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึกอย่างไร และมีเป้าหมายอะไรที่ซ่อนเร้นไว้
พวกเขากำลังเล่นเกม(กลยุทธ์)อะไรและอย่างไร เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ตนและพวกพ้อง
นักการเมืองมักตีสองหน้า สามหน้า พูดอย่างใจอย่าง เรื่องแบบนี้เรารู้กันดี แต่เมื่อคนนิยมชมชอบก็มักจะไม่สนเรื่องเหล่านี้ ยังคงเชียร์และยกยอปอปั้นกันอย่างหลงใหลได้ปลื้ม จนลืมไปว่าเรื่อง “การเมือง” เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ เป็นเรื่องผลประโยชน์สำหรับทุกคน ไม่ใช่เรื่องเชียร์กีฬาหรือดารา
ไม่ใช่เชียร์อย่างเดียว แต่กลับออกรับ ปกป้อง แก้ต่าง ตอบโต้ ก่นด่าแทนนักการเมืองที่ตนหลงใหลได้ปลื้ม หรือคนที่มีความเห็นต่างกันตน
ลองดูตัวอย่างที่ผมยกมาข้างล่างนี้...
"คุณธนาธรเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ชาตินี้เขาจะหาความสุขสบายส่วนตัวยังไงก็ได้ แต่เขากลับเสียสละมาทำงานการเมือง เพื่อกอบกู้ประเทศไทยให้พ้นจากความด้อยพัฒนา เขาจะสร้างสังคมที่มีความยุติธรรม ทุกคนเท่าเทียมกัน"
"คุณธนาธรเป็นมหาเศรษฐี แต่ยังไปตักอาหารมากินเองเลย"
"รถเมล์ คุณธนาธรก็ขี้นมาแล้ว"
"คุณธนาธรเป็นคนหนุ่มที่เป็นความหวังของประเทศเรา อยากให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ เราสิ้นหวังกันมานานเกินไปแล้วกับพวกคนหัวเก่า"
(ตอนนี้คุณธนาทรกำลังโดนลิ้นตัวเองรัดคอจากความเก่งและแสนดีเลิศล้ำ....ก็มีคนบอกว่าเขาโดนพวกเผด็จการรวมหัวกันกลั่นแกล้งเพื่อกำจัดเขา!)
ไม่ใช่แค่คุณธราธรคนเดียวที่ได้รับการยกยอปอปั้น หรือมีคนหลงใหลได้ปลื้ม...คุณอภิสิทธิ์ก็ด้วย (ตอนนี้คลายมนตร์ขลังลงบ้าง) พล.อ.ประยุทธ์ก็ใช่
ผมไม่ได้หมายความว่าเราจะชื่นชมหรือหลงใหลได้ปลื้มนักการเมืองไม่ได้ แต่อยากบอกว่า เราต้องศึกษาและตรวจสอบนักการเมืองด้วย เพื่อให้รู้เท่าทันพวกเขา เพราะพวกเขามีอำนาจ มีผลประโยชน์อยู่กับมือ (จากการเลือกตั้งของเรา) จึงไม่ควรไว้ใจ และคอยปกป้องพวกเขาจนมองไม่เห็นว่า “พวกเขาทำอะไรและอย่างไร”
การเอาแต่เชียร์ ออกรับ ปกป้อง แก้ต่าง ตอบโต้ ก่นด่าแทนนักการเมืองที่ตนหลงใหลได้ปลื้มนั้นทำให้พวกนักการเมืองได้ใจ แทนที่พวกเขาจะเป็นตัวแทนหรือเครื่องมือของเรา เรากลับเป็นเครื่องมือของพวกเขาแทน
แล้วเราก็โวยวายว่านักการเมืองน้ำเน่า มีแต่พวกโกงกินและบ้าอำนาจ การเมืองไทยไม่พัฒนา ทั้งที่เราเองมีส่วนทำให้พวกเขาเป็นอย่างนั้น
“รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ผมว่าสำนวนไทยนี้ยังใช้ได้ดีกับนักการเมืองครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี