ช่วงนี้ชาวโลกไม่เป็นอันทำงานต่างจับจองพื้นที่ปูเสื่อสาดใต้ต้นซากุระ นั่งซดชาเชียว คีบซูชิเข้าปากสลับกับการเงี่ยหูฟัง ว่าบรรดาพี่เบิ้มที่มารวมตัวกันที่โอซาก้าจะมีข้อตกลงอะไรบ้างแน่นอนว่างานระดับนี้ประธานาธิบดีผมเป๋แห่งอเมริกาต้องไปร่วมงานด้วยเช่นกัน ขนาดอยู่ระหว่างการประชุมไอ้นกอินทรีหัวล้านยังแผลงฤทธิ์แผลงเดชใส่ชาวโลก ด้วยการขู่ฟ่อๆสะท้อนความหน้าไหว้หลังหลอกอย่างชัดเจน อาทิตย์ก่อนลุงแซมหันไปตะคอกใส่ตุรกีที่สั่งซื้ออาวุธจากพี่หมีขาวทำนองว่า การที่ตุรกีซื้อเครื่องบินรบจากอเมริกาแล้วก็ไม่ควรซื้อเครื่องบินรบจากรัสเซียอีกหากยังคิดจะซื้ออาวุธจากพี่หมีขาวล่ะก็ ไอจะคว่ำบาตรยูนะพอลุงทรัมป์ผมเป๋ไปร่วมงานจี 20 ก็ทำเมิน เดินเชิดใส่นายโมดินายกรัฐมนตรีอินเดียซะงั้น เพราะไม่พอใจที่อินเดียสั่งซื้อจรวดจากรัสเซียแถมทำสัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะเล่นเอาลุงแซมขบเขี้ยวเคี้ยวโรตีแหลกเป็นจุณ ลุงแกเลยทำหน้ามึนใส่อินเดียด้วยความเหวี่ยงระดับสิบแบบเด็กขาวีน โถใครๆ ก็รู้ว่าอเมริกาเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ลูกค้าหนีไปซบอกพี่หมีขาวแบบนี้ ย่อมมีเคืองเป็นธรรมดา
แต่ใครที่อุดหนุนอาวุธจากอเมริกามาโดยตลอดอย่างลูกหาบอันดับหนึ่งอย่างซาอุดิอาระเบีย พ่อค้าอาวุธอย่างลุงแซมจะโผเข้ากอดคอโอบบ่าอย่างรักใคร่พลางประกาศก้องโลกว่า “นี่คือเพื่อนแท้ของอเมริกา” ทันทีไม่เชื่อมาดูบทรักหวานซึ้งระหว่างลุงทรัมป์กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บินซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ ดูก็ได้เจ้าชายซาอุพระองค์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคาช็อกกีซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ที่เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุฯและเจ้าชายโมฮัมเหม็ดอย่างถึงพริกถึงขิง แม้ทางสภาคองเกรสจะก่นด่าและขัดขวางมาตลอดเรื่องการขายอาวุธให้ซาอุ โดยอ้างถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แต่ลุงทรัมป์ไม่แยแสเพราะซาอุดิอาระเบียสั่งซื้ออาวุธจำนวนมหาศาลจากลุงแซม เห็นแล้วย้อนแย้งเป็นบ้าใครซื้ออาวุธลุงแซมก็กลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้ใครที่ไม่ซื้อหรือซื้อของลุงแซม แต่ไปอุดหนุนพี่หมีขาวด้วยลุงแซมก็จะหันไปด่าทอ แล้วหาทางคว่ำบาตรด้วยมาตรการต่างๆนานา เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นเดือดร้อนแสนสาหัสเป็นการสั่งสอนทันทีแต่ไฮไลต์ในการประชุมหนนี้ อยู่ที่การเผชิญหน้าระหว่างสองมหาอำนาจอย่างไอ้นกอินทรีหัวล้านกับพญามังกรแห่งบูรพาทิศมากกว่า ชาวโลกต่างก็จับตามองพลางคนวาซาบิจิ้มซูชิไปพลางระหว่างรอฟังข่าวเพราะทั้งไอ้นกอินทรีหัวล้านกับพญามังกรต่างไม่ลดราวาศอกให้กันเลย ในสงครามการค้าที่กำลังระอุโลก
จะว่าไปแล้วจุดเริ่มต้นมาจากลุงแซมเองนี่แหละ ที่เปรี้ยวใส่อาเฮียแกก่อนแม้เฮียแกจะเอาแต่ทำมาค้าขาย แต่ถ้ามีใครมาขากถุยใส่ก่อนเฮียแกก็พร้อมจะรำมวยจีนสวนกลับทันที ย้อนความเดิมนิดหนึ่ง เผื่อหลายคนจะไม่ได้ว่าไอ้คู่นี้ตีกันได้ยังไงแรกเลยลุงแซมด่าอาเฮียว่าขโมยทรัพย์สินทางปัญญามาหลายปีดีดัก อาเฮียถอนหายใจส่ายหน้าเป็นพัดลม ปฎิเสธว่า อั๊วม่ายล่ายขโมยน่ออาลุงแซมเอ๊ย อั๊วจะทำปายทามมายแต่ลุงแซมเต้นเร่าๆ แถมฮึกเหิมกล่าวหาอีกว่าอาเฮียนั้นเบี้ยวสัญญาที่ได้ตกลงกันไปแล้ว ด่าจบลุงแซมก็กระทืบหางพญามังกรด้วยการสั่งเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์เพิ่มจาก 10% เป็น 25%
งานนี้เล่นเอาอาเฮียกระอักเลือดกันเลยทีเดียวไอ้นักเลงคุมโลกอย่างลุงแซมไม่ยอมหยุด แผดเสียงด่าอาเฮียอีกว่าบริษัทหัวเว่ยของจีนเป็นภัยต่อความมั่งคงของอเมริกา โดยอ้างว่าอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมของหัวเว่ยอาจ ถูกใช้เป็นอาวุธในสงครามไซเบอร์ และสั่งแบนหัวเว่ยทันทีเล่นเอาสาวกหัวเว่ยร้องอ้าวเป็นชะนีกันทั้งโลก พออาเฮียได้ยินข้อกล่าวหาก็ถอนใจอีกรอบแล้วยิ้มเย็นๆประกาศให้โลกรู้ว่า นี่เป็นการกล่าวหาลอยๆโดยไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน การที่ลุงแซมพยายามไล่กระทืบหัวเว่ยเพราะต้องการสกัดกั้นหัวเว่ยไม่ให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม 5 จี อั๊วบอกเลยว่าเทคโนโลยีของหัวเว่ยดีกว่าและถูกกว่าเทคโนโลยี่ของอเมริกามาก
แต่การแบนหัวเว่ยกลับทำให้ลุงแซมกระอักเลือดเสียเองผลกระทบกระเด้งหวือกลับมาตบหน้าบรรดาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกาอย่างแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการในซิลิคอนวัลเลย์ ส่วนอาเฮียยังคงผิวปากเพลงเหมยฮัว พลางยักคิ้วประกาศว่างั้นอั๊วเอาระบบปฏิบัติการ “หงเมิ่ง” เมดอินไชน่ามาแทนก็แล้วกันเล่นเอาลุงแซมปากอ้าตาค้างเพราะคิดไม่ถึงว่าเฮียจะมีทีเด็ดหมกเม็ดไว้ในกอไผ่แถมมาตรการหักคออาเฮียอีกมุขหนึ่งก็แป้กนั่นคือประกาศสงครามการค้ากับจีน ด้วยการขึ้นภาษีอาเฮียยักไหล่แล้วประกาศเลิกซื้อถั่วเหลืองและหมูจากฟาร์มลุงแซม
คราวนี้ชาวไร่ถั่วเหลืองมะริกันถึงกับเอามือทึ้งผมไปมาพลางตีอกชกหัว เพราะจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดนั่นเองตอนแรกลุงผมเป๋จะช่วยเหลือชาวไร่ถั่วเหลือง ด้วยการเอาเงินอุดหนุน
แต่ชาวไร่เหล่านั้นบอกว่าไม่อยากได้เงินภาษีของคนอเมริกันอื่นๆแต่หากจะให้ดี ทรัมป์ช่วยยุติสงครามหนนี้จะดีกว่าผลการพบปะกันที่ญี่ปุ่นหนนี้ของลุงทรัมป์กับอาเฮียสีดูราบรื่นผิดหูผิดตา เพราะลุงทรัมป์เริ่มพูดจาหวานหูตามแบบเซลล์แมนจอมกะล่อนสุดท้ายก็ตกลงกันที่การถอยคนละก้าว
โดยที่อเมริกาเลิกแบนหัวเว่ยและระงับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% ไว้ก่อน อาเฮียสีเลยบอกว่างั้นอั๊วก็ซื้อถั่วหลืองกับหมูของลื้อเหมือนเดิมก็แล้วกันนะแถมตบท้ายอย่างน่าฟังว่า “ความร่วมมือและการพูดคุยย่อมดีกว่าความขัดแย้งและการเผชิญหน้า”
จริงๆ แล้วลุงทรัมป์นั้นเป็นพวกตาเฒ่าหัวดื้อแบบยอมหักไม่ยอมงอแต่ที่จำเป็นต้องถอย เพราะสงครามการค้าหนนี้ทำให้อเมริกาเสียหายมาก แม้ว่าทางจีนจะได้รับผลกระมบแต่ไม่มากเท่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้านลุงแซมลุงทรัมป์ เป็นคนมีสันดานเซลล์แมนดีดลูกคิดโป๊กเป๊กไปมาในสมองเรื่องกำไรขาดทุนทุกนาทีจึงไม่น่าแปลกใจอะไร หากจะยอมพลิกลิ้นเพื่อแก้เกมที่เพลี่ยงพล้ำหนนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี