ร้อยกว่าวันหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาแล้ว เป็นคนเดิม ที่เป็นนายกจากการทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
คราวนี้มาในมาดใหม่ มาโดยพรรคการเมืองเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ส่วนใหญ่ๆ และกระทรวงต่างๆก็ต้องจัดสรรให้กับพรรคร่วมรัฐบาล จะใช้นิ้วจิ้มเอาคนนั้นคนนี้เหมือนตั้งรัฐบาล คสช. ย่อมไม่ได้
และก็เป็นธรรมดาของนักการเมือง ทั้งที่จัดตั้งพรรคขึ้นมาสนับสนุน ทั้งที่มาเข้าร่วมพรรค และทั้งที่นำพรรคมาร่วมรัฐบาลต่างก็จะพูดให้ดูดีไว้ก่อนว่า ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้คิดหวังตำแหน่งแห่งที่แต่อย่างใด หากแต่มาเพื่อสนับสนุนให้ “ท่าน” เป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อไป เพราะทอดตาไปทั่วแผ่นดินแล้วก็ไม่เห็นมีใคร จะเหมาะสมเท่าท่าน
แต่พอพรรคได้โควต้ารัฐมนตรีมาตามจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนที่ตัวมี ก็จะพูดอีกแบบ เป็นต้นว่า ตัวมีความสามารถเป็นพิเศษเรื่องเกษตรกรรม เรื่องชาวนาชาวไร่เรื่องการเลี้ยงโค ภริยาตัวก็เก่ง ในเรื่องฝายกั้นน้ำ ตัวจึงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นรัฐมนตรีเกษตร หรือไม่เรื่องป่าไม้ เรื่องอุทยานนี่ไม่มีใครเกินผม ถ้าหากผมไม่ได้ทำงานด้านนี้ก็เห็นจะต้องทบทวน
การแต่งตั้ง รัฐมนตรีจึงค่อนข้างจะล่าช้า อันเนื่องมาจากพรรคที่เข้ามาร่วมรัฐบาลช่วงชิงกระทรวงกันก่อน โดยอาศัยเหตุผลว่า พรรคของตนถนัดงานด้านนี้ ตอนที่หาเสียงพูดเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ได้กระทรวงนั้น กระทรวงนี้ ไม่รู้ว่าจะคุยกับประขาชนอย่างไร
ความจริงคือ กระทรวงที่ต้องการเป็นกระทรวงใหญ่เกรดเอ มีงบประมาณมากมาย มีการจัดซื้อจัดจ้างมาก มีโอกาสได้เงินทอน มีโอกาสแต่งตั้งข้าราชการ มีโอกาส สร้างอิทธิพล มีโอกาสวางรากฐานในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป
ได้กระทรวงมาแล้ว แต่ละพรรคก็มามีปัญหาในพรรคอีก จะให้ใครเป็นรัฐมนตรี ส.ส. แต่ละคนต่างก็คิดว่า ตัวมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีได้ทั้งนั้น
ยิ่งประเทศไทยเคยมี นายบรรหาร นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มาแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ ให้เกิดขึ้นกับ ส.ส. แต่ละคนมากยิ่งขึ้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ดี รัฐมนตรีก็ดีหมูมาก
เพราะฉะนั้นในแต่ละพรรค ก็ต้องมาเกลี่ยกันให้เกิดความเหมาะสม โดยไม่ได้พิจารณาไปที่ความรู้ความสามารถสักเท่าไหร่หรอกครับ หากพิจารณาความสำคัญอันดับแรกคือ ตอนเลือกตั้งน่ะลงขันมาเท่าไหร่ มากน้อยแค่ไหน ระหว่างหาเสียงเล่า ดูแลผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วยกันกี่คน และได้มาสักเท่าไหร่ ในพรรคมีเสียงสนับสนุนเยอะไหม ?
ใครเคยเป็นมาแล้ว ใครเป็น ส.ส. นานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้เป็นรัฐมนตรี
หรือพิจารณากระทั่งว่า เอ ตอนจะนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็คัดค้าน แต่พอเข้าร่วมแล้ว ทำไมดิ้นรนจะเป็นรัฐมนตรีกันนะ
อย่างนี้ก็มี
นี่แหละครับที่เราได้ยิน สามหมาสามแมวขู่ว่าจะพา ส.ส.ถอนตัวออกไปสัก 30 คน หากไม่ได้ตำแหน่งนั่นตำแหน่งนี่
จนกระทั่ง พลเอก ประยุทธ์ ต้องออกมาแถลงการณ์ขอโทษประชาชน แล้วมีประโยคหนึ่งบอกว่า
“อย่าให้กลับมาแก้ปัญหาแบบเดิมอีก”
อย่างไรคือการแก้ปัญหาแบบเดิม ?
การแก้ปัญหาแบบเดิมของ พลเอก ประยุทธ์ก็คือการแก้ปัญหา อย่างที่ได้ทำมาแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั่นก็คือ เมื่อฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่เวลานั้นคือรัฐบาลรักษาการของพรรคเพื่อไทย กับฝ่าย กปปส. ตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องยึดอำนาจ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ เพราะไม่มีทางออกอื่น เลือกตั้งก็ไม่ได้ รัฐบาลก็บริหารไม่ได้ ประชาชนที่ชุมนุมก็ตายเกือบทุกวัน ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก็ชุมนุมบ้าง
ปล่อยไปก็เป็นสงครามกลางเมือง !
นั่นคือการแก้ปัญหาแบบเดิม
เงื่อนไขอย่างปี 2557 ไม่มีในวันนี้ ในปี 2562 แล้วครับ
จำไม่ได้หรือครับ หลังเดือนพฤษภาคม 2557 บอกว่า ขอเวลาอีกไม่นาน จะคืนความสุขให้กับประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก ไม่ถูกใจก็ร่างใหม่ เลื่อนไปเรื่อยจน 5 ปีจึงได้เลือกตั้ง
เลือกตั้งแล้ว ได้นายกรัฐมนตรีแล้ว จัดตั้ง คณะรัฐมนตรีแล้วเกิดปัญหาแย่งตำแหน่งกันเองแย่งโควต้ากันเอง ภายในพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล ภายในพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจะสนับสนุนพลเอก ประยุทธ์เอง
ก็ต้องแก้ที่ตัวปัญหา
ตัวปัญหาที่พลเอก ประยุทธ์ เคยถามประชาชนว่า เลือกตั้ง เลือกมาแล้วได้นักการเมืองเลวๆเข้ามาจะทำอย่างไร
จะทำอย่างไร ? ก็เป็นเรื่องที่จะต้องใช้วิถีทางของประชาธิปไตยแก้ไข นั่นก็คือ ไปไม่รอดก็ต้องลาออก ให้คนที่เขาคิดว่าจะพาบ้านเมืองต่อไปได้ นำพาประเทศชาติต่อไป
หรือไม่ก็ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ซึ่งก็จะเจอแบบเดิมอีก
เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลซึ่งพูดกันอย่างเป็นธรรมก็ทำหลายด้าน ทั้งประมง การบิน สาธารณูปโภคใหญ่ๆ
ที่ไม่ทำเลยคือ ปฏิรูปการเมือง รัฐบาลคสช. ไม่แตะเรื่องนี้เลย
และในที่สุดยังเสพย์สมพรหมพรกับนักการเมืองโสโครกอีกต่างหาก
เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
ยังจะมาข่มขู่ว่าจะเอารถถังออกมาแก้ปัญหาแบบเดิมๆ อีก
แค่คิดก็ผิดแล้วครับ!
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี