หลังจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่หน้าละอ่อนจากไทยแลนด์ควงนักการเมืองหญิงผู้ประกาศว่าอยากเอ็ตดูเคตชาวสภา เดินสายไปฟ้องคนนั้นคนนี้ทั้งในยุโรปและอเมริกา ให้ลิ่วล้อไปดีลไว้กับสำนักข่าวเอ็นบีซี เพื่อสร้างภาพหลอกสาวกในไทยว่า ท่านหัวหน้าได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอเมริกัน แต่กลับโอละพ่อ เพราะคำสัมภาษณ์นั้นนอกจากจะแสดงความอ่อนหัดแล้ว ยังกลายเป็นเชือกรัดคอให้ถูกก่นด่า และอาจจะถูกดำเนินคดีทางศาล ด้วยข้อความนี้
“ผมอยากให้คนทั่วไปได้รู้ว่า อยากให้โลกใบนี้ได้รู้ว่า เวลานี้ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบเผด็จการที่มีการเลือกตั้ง จึงอยากให้คนอเมริกันช่วยสร้างประชาธิปไตยให้คนไทย”
นี่เป็นการชักศึกเข้าบ้านเห็นๆ พ่อค้ามาเฟียที่ชอบแอบอ้างประชาธิปไตยไปทำมาหากินแล้วเชือดคออย่างลุงแซมได้ยินก็ยิ้มกริ่มเท่านั้นเอง แต่เพราะทั้งหมดคือการเล่นปาหี่ ข้อความนี้ก็แค่การระบายความใคร่ทางปากเท่านั้น เพราะไม่ได้มีการเผยแพร่ในอเมริกาแต่อย่างใด นอกจากเอาไว้สร้างภาพแก่บรรดาสาวก
ตดยังไม่ทันจะหายเหม็น หัวหน้าพรรคสีส้มก็ต้องงงงวยเหมือนไก่ชนถูกพีบกลางอากาศ เพราะนกอินทรีคาบจดหมายรักมาหย่อนลงตู้ปณ.ตึกไทยคู่ฟ้า นั่นคือสาส์นแสดงความยินดีหวานหยาดเยิ้ม มีใจความหลักว่า
“สหรัฐเฝ้ารอคอยที่จะร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ของไทย เพื่อกระชับความเป็นพันธมิตรระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสร้างเสริมมิตรภาพระหว่างประชาชนของเราที่ยาวนานมากว่า 2 ศตวรรษ เราสนับสนุนธรรมาภิบาลและความโปร่งใสทั่วโลก จะยังคงร่วมมือกับประชาชนไทยและรัฐบาลไทยต่อไปจนถึงที่สุด เราจะยังคงสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะผู้นำภูมิภาค ซึ่งรวมถึงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้”
น่าสงสารพ่อของฟ้า อุตส่าห์เดินสายไปฟ้องลุงแซม แต่อีตาลุงทรัมป์ผมเป๋กลับส่งจดหมายรักหวานหยดไปให้ลุงตู่แทบจะในเวลาเดียวกันนั่นเอง ที่อเมริกาหวานกับไทยเป็นพิเศษ แถมออกหมัดไวนี่ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากฉวยโอกาสกระชับมิตรพลางกระแอมกระไอให้อาเฮียพญามังกรได้รู้ว่า เฮ้ย ยังไงอั๊วก็ไม่ปล่อยไทยให้ลื้อง่ายๆ หรอกวะ
ลุงแซมกำลังจะส่งทูตคนใหม่มาประจำประเทศไทยด้วย หลังจากห่างหายไปนาน แม้จะไม่ค่อยชื่นชอบตาลุงทรัมป์ผมเป๋ แต่ก็รังเกียจทูตอเมริกาจอมจุ้นจ้านคนก่อนจากรัฐบาลเดโมแครต ไม่แน่ใจว่าทูตใหม่คนนี้จะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในแบบรายก่อนหน้าหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องที่หมู่เฮาชาวไทยต้องจับตากันต่อไป
หันกลับมามองสถานการณ์ในบ้านลุงแซมบ้าง อาทิตย์ที่ผ่านมาร้อนฉ่าทั้งอากาศจนต้องออกประกาศเตือนฮีทสโตรค และร้อนเดือดปุดๆ ในสภา เพราะตาลุงผมเป๋นี่ไง จะใครล่ะ แกว่งปากไปกัดสส.หญิงพรรคเดโมแครตจนกลายเป็นประเด็นวิวาทะลากยาวมายันอาทิตย์นี้
อาทิตย์ก่อน ลุงผมเป๋ทวิตแขวะสส.หญิงสี่คนฝ่ายเดโมแครต คือ อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ ส.ส.นิวยอร์ก, อิลฮาน โอมาร์ ส.ส.มินนิโซตา, ราชิดา ทาลิบ ส.ส.มิชิแกน และอยานา เพรสลีย์ ส.ส.แมสซาชูเซตส์ซึ่ง 3 คนเกิดในอเมริกานี่เอง ส่วนอีกคนหนึ่งเกิดในโซมาเลียแล้วย้ายมาอเมริกา แต่ทั้งสี่คนมีสัญชาติอเมริกัน เพียงแต่เธอทั้งสี่เป็นหญิงผิวสีบ้าง เชื้อสายฮิสแปนิกบ้าง และบางคนเป็นมุสลิม
นอกจากจะไม่ขอโทษพวกเธอแล้ว ลุงทรัมป์ยังจัดหนักกว่าเดิม ด้วยการออกปากไล่พวกเธอออกนอกประเทศ โดยอ้างว่าพวกเธอเกลียดชังอเมริกา ทรัมป์พูดเสียงดังฟังชัดกลางงานที่จัดขึ้นในทำเนียบขาวว่า
"ถ้าไม่มีความสุขในอเมริกาอย่างที่คร่ำครวญมาตลอด คุณก็ออกจากประเทศนี้ไปสิ"
เฮ้ย..เดี๋ยวนะ..เอาแบบนี้เลยเหรอ ลุง ตายแล้ว แบบนี้ลิเบอรัลชาวไทยไม่ขัดใจแย่เหรอจ๊ะ ที่อยู่ๆ ลุงทรัมป์ไล่นักการเมืองออกนอกประเทศเบบนี้ ไม่ได้นะ ลุ๊งงงง ต้องรักษาความเป็นประเทศที่บูชา ประชาธิปไตยหน่อยสิ
ยัง..ยังไม่หนำใจลุงทรัมป์ ลุงทวิตแขวะต่ออย่างเมามันว่า สส.ในกลุ่มนี้บางคนเกลียดยิว น่าจะหมายถึงโอมาร์และทาลิบ ซึ่งเป็นมุสลิม เสียงก่นด่าระงมไปทั่วอเมริกาว่าทรัมป์นั้นเป็นพวกเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ อ้าว ทำไมเพิ่งรู้ล่ะ น่าจะมองออกตั้งนานแล้วนะ
จริงๆ ทรัมป์ไม่ใช่คนโง่ แต่จงใจทำแบบนี้เพื่อตอกลิ่มความแตกร้าว ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในพรรคเดโมแครต พวกเดโมแครตตีกันเองในพรรคก่อนหน้านี้ พอเกิดเรื่อง เลยหันมาจับมือสามัคคีกันด่าทรัมป์อย่างพร้อมเพรียงกัน สส.หญิงทั้งสี่คนตอกหน้าทรัมป์กลับไปแรงๆ ว่า ทรัมป์นั้นเกลียดคนต่างชาติพร้อมเรียกร้องให้เดโมแครตเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี
อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตด่ากราดว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่เหยียดผิวอย่างชัดเจนและสร้างความแตกแยกมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา หากมองย้อนกลับไป ไอ้ที่ชนะเลือกตั้งมา เพราะชูนโยบายเหยียดผิวนี่แหละ จนทำให้ถูกล้อเลียนว่าเป็นหัวหน้าองค์กรคูคลักแคลนซ์คนใหม่ จึงไม่น่าแปลกใจอะไร หากลุงแกจะใช้มุขเดิมๆ เพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งปีหน้า
การทำแบบนี้สร้างโกรธแค้นในฝั่งเดโมแครต และสร้างความอึดอัดไม่สบายใจในฝั่งรีพับลิกันด้วยเช่นกัน เพราะทรัมป์สุดโต่งเกินไป ในขณะที่ชาวโลกที่ก็รุมด่ากันเสียงขรม ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์, นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดว์ของแคนาดา และเทเรซา เมย์ ผู้นำอังกฤษ
เรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนราดน้ำมันจุดไฟพรึ่บโยนเข้าไปในสภา จึงเป็นเหตุให้เกิดลงมติประณามประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พรรคเดโมแครตซึ่งครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างมตินี้ โดยมีใจความสำคัญว่า
“ขอประณามอย่างรุนแรงต่อคำพูดเหยียดเชื้อชาติของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นการกระตุ้นความรู้สึกหวาดกลัวและชิงชังชาวอเมริกันผู้มาใหม่และคนผิวสี”
แต่กระนั้นตาลุงผมเป๋ยังโนสนโนแคร์สื่อใดๆ และเสียงชาวโลก กลับตั้งหน้าตั้งตาจิกกัดไม่เลิก ในการเดินสายหาเสียงในนอร์ธแคโรไลนา ทรัมป์บอกบรรดาแฟนคลับว่า ความคิดเห็นของทั้งสส.หญิงทั้งสี่คนแห่งเดโมแครตปลุกเร้าฝ่ายซ้ายสุดโต่งที่อันตราย ฝูงชนต่างโห่ร้องตบมือชอบใจ พลางตะโกนว่า
“กลับประเทศไปซะ”
เอ้า..วางถุงกางลงก่อนนะ มะริกันชน กูเกิ้ลก็มี ทำไมไม่ใช้ สส.หญิงทั้งสี่คนเกิดและเติบโตในอเมริกาเหมือนพวกยูนั่นแหละถึงสามคน ส่วนอีกคนเกิดที่โซมาเลีย แต่มาอยู่อเมริกาแต่เด็ก แล้วพวกยูจะไล่คนที่มีสัญชาติอเมริกันไปไหนเล่า
เห็นแบบนี้แล้ว บรรดาคนที่อาศัยในอเมริกา แต่ไม่ได้มีผิวขาวเผือกผ่องก็สะบัดร้อนสะบัดหนาวไปตามกัน เมื่อเห็นกองฝุ่นมหึมาใต้ผืนธงชาติอเมริกัน ได้เห็นความจงเกลียดจงชังที่ประทุออกมา โดยมีประธานาธิบดีนำขบวน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี