เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้หมดกระแสแล้ว แต่ผมเห็นว่าถ้าไม่เขียนไว้เป็นหลักฐานในที่สาธารณะก็จะขาดการบันทึกความคิดเห็น...ทั้งผู้สร้างประเด็นและของผม ในฐานะเป็นสมาชิกคนหนึ่งในประเทศนี้
นั่นคือประเด็นที่ คุณกุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่อภิปรายในการประชุมสภาวาระว่าด้วยเรื่องข้อบังคับการประชุมสภา ที่ต้องการให้ใช้ภาษาถิ่นในการอภิปรายในสภา เพราะเห็นว่า “การใช้ภาษาเดียวเท่านั้น เหมือนการกดขี่เชิงอัตลักษณ์”
ดูความหมายของคำว่า “อัตลักษณ์” กันก่อน
“อัตลักษณ์” หมายถึงลักษณะเฉพาะตน เฉพาะกลุ่ม เฉพาะชุมชน เฉพาะสังคม เฉพาะประเทศ แม้กระทั่งเฉพาะโลก (ถ้ามองจากสัตว์โลกอื่นๆหรือมองจากมนุษย์ต่างดาว) ซึ่งส่วนมากเราจะมองด้านกายภาพ เช่นการแต่งกาย ภาษา ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา และความเชื่อต่างๆ เช่นการไหว้ผีบรรพบุรุษ (แสดงความกตัญญูกตเวที) การไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย (เป็นวิธีอนุรักษ์โลกธรรมชาติ)
เรื่อง “ภาษาถิ่น” เป็นเรื่องทางวัฒนธรรม แสดงถึงอัตลักษณ์ของแต่ละชนชาติหรือคนในท้องถิ่น ซึ่งในชีวิตประจำวันต่างก็ใช้กันอยู่แล้ว แม้แต่ภาษากลางหรือภาษาของคนกรุงเทพฯก็เป็นภาษาถิ่น มีนักวิชาการบอกว่า “เหน่อ” อีกต่างหาก
ไม่มีใครบังคับใครให้พูดภาษาใดภาษาหนึ่ง
เมื่อคุณกุลธิดาประกาศในสภาว่า “การใช้ภาษาเดียวเท่านั้น เหมือนการกดขี่เชิงอัตลักษณ์” จึงเป็นเรื่องความเห็นเฉพาะตัวของเธอ “ที่ไม่จริง”
นอกจากไม่จริงแล้วยังไม่ถูกกาลเทศะอีกด้วย เพราะในสภาพเป็นสถานที่เฉพาะแห่งหนึ่งที่มีไว้สำหรับแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของประเทศชาติ โดยผ่านการออกกฎหมาย รวมทั้งการอภิปรายฝ่ายรัฐบาลเพื่อให้การบริหารประเทศชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งประเทศ
ปัญหาของการใช้ภาษาถิ่นในสภาจะนำความยุ่งยาก เพราะมีหลากหลายภาษา เข้าใจยากทั้งคนในสภาและประชาชนที่ฟังอยู่นอกสภา ถ้าบอกว่าก็มีล่ามซิ ก็จะยิ่งปัญหาซับซ้อนสับสนขึ้นอีก
นอกจากประเด็นเรื่องภาษาแล้ว พรรคอนาคตใหม่ก็ยังมีประเด็นเรื่องการแต่งกาย ทั้งของ ส.ส.ส่วนกลาง และที่เป็นชนเผ่าด้วย คือต้องการให้ทุกคนแต่งกายด้วยชุดชนเผ่า และตามเพศสภาพ (ในที่นี้หมายถึงเมื่อร่างเป็นชายใจเป็นหญิง หรือร่างเป็นหญิงใจเป็นชายก็แต่งตามที่ใจตนเองเป็น)
ซึ่งไม่ใช่เรื่องปัญหาของประเทศชาติหรือของประชาชนแต่อย่างใด เป็นปัญหาของชาวพรรคอนาคตใหม่ที่อยากจะแต่งกายตามใจตัวเอง แต่อ้างสิทธิเสรีภาพ ซึ่งก็ผิดกาลเทศะอีกนั่นแหละ
เรื่องการแต่งกายนั้นผมไม่ซีเรียส แต่ในฐานะคนเสียภาษีคนหนึ่งก็ขอเพียงว่า “ขอให้พอเหมาะพองาม” (ถ้าไม่ใช้วิจารณญาณระดับคุณปิยบุตรก็น่าจะรู้ว่าแค่ไหน อย่างไร)
แต่ที่ซีเรียสคือ
1. คุณธนาธร...ที่ประกาศไม่เอาขนบธรรมเนียมประเพณี อย่างพิธีไหว้ครู และการใช้สรรพนามของสังคมไทยที่หลากหลาย เช่น พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา ฯ ซึ่งทั้งหมดให้ความรู้สึกถึงความเป็นเครือญาติกัน ส่งผลให้สังคมไทยมีความเกื้อกูล ผ่อนหนักผ่อนเบา หรือกล่าวโดยรวมก็คือช่วยให้เกิดความสามัคคี ปัญหาที่มีก็ผ่อนคลาย (เพราะรู้สึกเป็นญาติกัน) แต่คุณธนาธรบอกว่าใช้แค่ “ผม – คุณ” ก็พอแล้ว ให้เกียรติกันมากพอแล้ว!
2 คุณธนาธรบอกว่า คนไทยยิ้มไม่มีจุดยืน ที่หลายคนแปลความว่า “คนไทยยิ้มโง่ๆ” แต่ชาวต่างชาติบอกว่าเป็นเอกลักษณ์(อัตลักษณ์)ของคนไทย ที่เรียกกันว่า “ยิ้มสยาม”
จึงอยากถามคุณกุลธิดาว่า “คุณธนาธรกดขี่เชิงอัตลักษณ์หรือไม่?”
ถ้า “ไม่” (ซึ่งก็แน่อยู่แล้ว!) ประเทศนี้ก็ย่อมไม่มีการกดขี่เชิงอัตลักษณ์อะไรเช่นกัน!
เมื่อไม่มีการกดขี่อัตลักษณ์กัน ก็อย่าสร้างประเด็นปัญหา อย่าใช้คำที่ทำให้เกิดความแตกแยก
ผมสังเกตว่านับแต่พรรคอนาคตใหม่เข้าสภาก็สร้างแต่ประเด็นปัญหาที่ไม่จำเป็นเรื่อยมา โดยเฉพาะเรื่อง “เสื้อผ้าหน้าผม”...ทำเรื่องที่ไม่มี - ให้มี ทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง - ให้เป็นเรื่อง
ทำให้เสียเวลา เสียโอกาส เสียทรัพยากร เสียสุขภาพจิต โดยไม่ได้ประโยชน์อันใด
ทำเพื่ออะไร?
ผมเชื่อว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการตอกย้ำให้คนในสังคมเชื่อว่ามีกดขี่ทางวัฒนธรรม(ภาษา -การแต่งกาย)อยู่จริง ซึ่งแปลว่า สังคมไทยมีชนชั้น คือ ชนชั้นผู้กดขี่กับชนชั้นผู้ถูกกดขี่ และ ชนชั้นผู้ถูกกดขี่จะต้องยืนหยัดต่อสู้อยู่กับพรรคของตน!
ไม่ใช่เรื่องผิดที่ใครจะพูดเสนอประเด็นปัญหาของสังคม แต่อย่าจงใจทำให้แตกแยก อย่าใช้ถ้อยคำที่สร้างปัญหาขึ้นมาอีก (อย่างคำว่า กดขี่) และจะดีกว่าที่สร้างปัญหากันอยู่ก็คือ “ทำหน้าที่ของ ส.ส.” ให้เต็มความสามารถ เพราะประเทศนี้มีปัญหามากมาย...มีมากเกินกว่าจะเสียเวลาพูดเรื่อง “การสนองงตัณหา” เฉพาะของพวกตน
อย่าให้ลัทธิ – อุดมการณ์ใช้คุณเป็นเครื่องมือจนมองไม่เห็นความจริงเลยครับ.
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี