รัฐบาลผสม และยิ่งผสมหลายพรรคก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ประกาศถอนตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระแล้ว หนึ่งพรรคบังเอิญว่าเป็นหนึ่งพรรค\ที่มีหนึ่งเสียง และอาจจะเป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญอยู่แล้วรัฐบาลผสมของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเฉยๆ ไม่กระทบกระเทือน ไม่ออกอาการเสียงที่ปริ่มน้ำอยู่แล้ว ถ้าหากจะปริ่มอีกสักนิดจะเป็นไรไปรัฐนาวา โดย พลเอกประยุทธ์ จึงยังแล่นต่อไป
ถามว่า น่าวิตกไหม ?
น่าวิตกตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาลสิบกว่าพรรคที่มีเสียงชนะฝ่ายค้านอยู่เพียง 5 - 6 เสียงแล้วละครับถ้ามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสำคัญๆ เป็นต้นว่าพิจารณาร่างงบประมาณแผ่นดินพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ที่รัฐบาลจะแพ้โหวตไม่ได้ ก็ต้องไม่มีใครเจ็บใครป่วยระแวดระวังกันแม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำเชียวแหละครับ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ชวนให้เกิดการงอแงขึ้นได้แต่ละพรรคจะต้องเข้มงวดกวดขันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดของตัว ซึ่งนี่แหละครับสมาชิกของแต่ละพรรคเขาก็จะทำให้ตัวเองมีค่า มีราคา เขาไม่ไปต่อรองกับพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีหรอกครับ เขาจะงอแงในพรรค หรือแสดงท่าทีออกมาให้เห็นเป็นต้นว่า เรื่องที่ควรจะพูดในพรรค ก็พูดมันเสียนอกพรรค มีเรื่องอันใดที่จะดิสเครดิสรัฐบาลก็ทะลึ่งพูดออกมาให้รัฐบาลเสียหาย เป็นต้น เมื่อเกิดมีคนร้ายวางระเบิด ก็โวยวายออกมาว่า “อ้าวไหนว่าเลือกพลเอกประยุทธ์แล้วไม่มีระเบิด !” หรือ ไหนว่าเลือกพลเอก ประยุทธ์แล้ว ราคายาง ราคาปาล์มจะต้องดีกว่านี้ ?
อยู่ร่วมรัฐบาลแล้วพูดไม่ได้หรือ ?
ก็ต้องพูดได้ แสดงความคิดความเห็นได้มีเหตุระเบิดวางที่นั่นที่นี่ ผู้แทนราษฎรก็ต้องห่วงใยความสงบสุขของบ้านเมืองบ้านเมืองไม่สงบก็กระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็ต้องสะท้อปัญหาออกมาให้รัฐบาลแก้ไข
แต่เมื่ออยู่ร่วมรัฐบาลซึ่งจะต้องเป็นผู้แก้ไข ก็ต้องสะท้อนปัญหาภายในรัฐบาลปัญหาราคายาง ปัญหาราคาปาล์ม หรือปัญหาอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องให้รัฐบาลแก้ไขเมื่อพรรคอยู่ร่วมรัฐบาลก็ต้องสะท้อนปัญหาให้พรรครับรู้ พรรคจะได้นำปัญหาไปพูดในที่ประชุม ระดับรัฐบาลสมัยก่อนนี้ พลเอก ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี มีพรรคสหประชาไทย เป็นแกนนอกจากจะประชุมเฉพาะพรรคสหประชาไทยแล้ว พรรคที่จอมพลถนอม เชิญมาร่วมรัฐบาลก็จะมีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาลอีกต่างหาก เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละพรรคที่ร่วมรัฐบาลรับรู้ทิศทางว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร เดินไปทางไหน
ซึ่งก็มีข้อเสียคือ สมาชิกสภาผูแทนราษฎรพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลสามารถแสดงอาการงอแงกับจอมพลถนอม
กิตติขจร ได้
โดยตรงนี่อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ทนไม่ได้ ต้องยึดอำนาจตัวเอง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514
รัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ปล่อยให้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลประชุมกันเอง ให้วิปหรือผู้คุมเสียงในแต่ละพรรคทำหน้าที่ ซึ่งก็ไปได้ดีอาจเพราะสถานการณ์ช่วงนั้นความขัดแย้งทางความคิดของพรรคการเมืองก็ดี ของประชาชนก็ดี ไม่ได้ขัดแย้งหนักหน่วง รุนแรงเหมือนเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พยายามที่จะใช้รูปแบบเช่นเดียวกับ พลเอกเปรม นั่นก็คือปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลว่ากันไป (ตามนโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลวางไว้) แต่วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป พรรคร่วมรัฐบาลมากจนเกินไปแล้วยังรวมเสียงได้แบบปริ่มน้ำอีกต่างหาก
ขณะที่ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ไม่ลดราวาศอกยังกับแค้นมาเป็นชาติเป็นภพ ซึ่งก็ดีถือเป็นการตรวจสอบ ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนโอกาสที่จะใช้อำนาจ โอกาสที่จะเป็นเผด็จการ วันนี้ไม่มีแล้วครับ
อย่าว่าแต่จะสืบทอดเลย
250 เสียงของวุฒิสมาชิกนั้นช่วยให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เท่านั้นเอง
จะอยู่ได้ อยู่ไม่ได้นั้นต้องอาศัยความสามารถล้วนๆ แล้วละตอนนี้
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี