แม้ในปัจจุบัน ประเทศไทยจะอยู่ในช่วงเวลาปรกติ ที่แปลว่าความเป็นไปในสังคมยังคงสภาพเดิมๆอย่างที่เคยเป็นมา แม้จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่บางฝ่ายพยายามจะให้รุงแรง แต่ก็แผ่วบาง ส่วนด้านเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สำหรับคนระดับล่าง แต่โดยรวมก็ไปกระเสือกกระสนไปจนได้
รัฐบาลคณะนี้จึงไม่หนักใจอะไรนักกับคลื่นลมทางการเมืองและเศรษฐกิจ และมั่นใจว่า “เอาอยู่” กับสถานการณ์ที่ท้าทายต่างๆ อันจะทำให้รัฐบาลสั่นคลอนหรือพ่ายพัง เพราะยังสามารถบริหารความขัดแย้งได้
รัฐบาลคณะนี้ ก็เช่นเดียวกับคณะที่แล้ว (รัฐบาล คสช.) แม้จะมีที่มาในการเข้าสู่อำนาจแตกต่างกัน แต่ก็ดำรงอยู่ได้ด้วยความขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่าย
หรือยังสามารถบริหารความขัดแย้งเพื่อการดำรงอยู่ของรัฐบาลได้
ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลนั้นแสดงอย่างชัดเจนเสมอมาว่าต้องการโค่นล้มรัฐบาล แถมบางกลุ่มก็ดูท่าว่าจะกระทำด้วยความรุนแรงในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย แต่คนไทยส่วนมากในประเทศนี้ยังต้องการชีวิตที่ปรกติสุข พวกเขาจึงเลือกที่จะสนับสนุนรัฐบาลคณะนี้
ถ้าฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลต่อสู้กันทางการเมืองอย่างปรกติดังที่เคยเป็นมาก่อนสมัยคุณทักษิณเรืองอำนาจ รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และจะไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากนัก
ทั้งหมดนี้บอกว่า การดำรงอยู่ของรัฐบาลนี้เป็นผลมาจากฝ่ายตรงข้าม
พูดอีกแบบก็คือ ฝ่ายตรงข้ามทำให้รัฐบาลนี้ดำรงอยู่ได้
พวกเขาเป็น “แนวร่วมมุมกลับ” ของรัฐบาล เพราะเป็นเหตุให้ประชาชนหันไปเลือกฝ่ายรัฐบาล เมื่อเป็นดังนี้ ฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การตีรวน การโจมตี ทั้งข้อมูลที่เป็นเท็จและเป็นจริง แต่ยิ่งตีเท่าไหร่ ผู้คนกลับยิ่งสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้น เพราะการโจมตีนั้นล้วนแต่บอกว่า ถ้าฝ่ายค้านมีอำนาจ ความไม่สงบจะต้องเกิดขึ้นแน่
รัฐบาลเองก็รู้ จึงดูเหมือนไม่สนใจฝ่ายค้านมากนัก แต่ผมก็เชื่อว่า “ฝ่ายความมั่นคง” นั้นเฝ้าตามติดสถานการณ์ของฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น ทั้งที่สำแดงบทบาทอยู่ในสภาและนอกสภาอยู่อย่างเงียบๆ และไม่ได้หนักใจอะไรนักกับเหตุการณ์ที่จะนำปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมืองเหมือนครั้งเสื้อแดงเรืองอำนาจ
แต่กระนั้นก็คงไม่ประมาท เป็นผมก็ไม่ประมาท เพราะความประมาทนั้นเองนำความหายนะมาให้...
ผมจำได้ว่า..ตอนที่ “กปปส.” เริ่มตั้งไข่นั้น เพื่อนเสื้อแดงของผมที่เป็นแกนนำออกมาประกาศทางทีวีอย่างหมิ่นแคลนว่า “จุดไม่ติด” เพราะเขาเคยเห็น “ม็อบเสธ.อ้าย” จุดไม่ติดมาแล้ว และ “ม็อบ พธม.” ก็ล้มเหลวมาแล้วที่จะโค่นล้มรับบาลในขณะนั้นได้
แต่เพราะประมาทและปรามาสมากเกินไป ด้วยเห็นว่าฝ่ายตนมีประชาชนสนับสนุนจำนวนมหาศาล โดยดูจากการเลือกตั้ง ส.ส. ก็มีมากจนอยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร ยกมือเมื่อไหร่ เรื่องอะไรก็ชนะ สื่อต่างๆส่วนมากก็อยู่ในมือ พร้อมเชียร์และพร้อมเลียทุกเรื่องทุกเวลา แถมยังมีทุนสู้อย่างไม่อั้น ไม่ว่าจะสู้แบบไหน
เพราะลำพองอย่างนี้ จึงกล้าทำผิดอย่างไม่สนใจใคร ผิดแล้วก็จะออกกฎหมายล้างผิด ซ้ำการพูดก็ท้าทาย เหยียบย่ำน้ำใจคน สุดท้ายม็อบ กปปส. จุดติด!
ตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลก็มีสภาพไม่แตกต่างกับรัฐบาลของคุณทักษิณในระยะเริ่มแรก คือมีประชาชนสนับสนุนมากกว่าครึ่งประเทศ ทหารสนับสนุนเต็มกำลัง จึงมีความมั่นคงพอสมควร แม้จะมีสส.ปริ่มน้ำก็ตาม
แต่จุดอ่อนก็คือ ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร นั้นพูดจาไม่แตกต่างจากคุณทักษิณตอนไม่ได้อย่างใจ คือมักจะทำให้คนฟังโกรธได้เสมอ แม้กระทั่งคนที่เชียร์อยู่ก็ยังโกรธ เพราะพวกเขามองว่าไม่ให้เกียรติคนฟัง โอหัง ลำพองตน เพราะถือว่ามีประชาชนและกองทัพสนับสนุน
จุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งคือความดื้อรั้น อยากจะซื้อเรือดำน้ำ เมื่อมีเสียงค้านมีและเสียงขอให้ชี้แจง แต่ก็ให้คำตอบแบบ “กูไม่สนมึง”
ส่วนคนที่ร่วมรัฐบาลนั้นก็มี “สันหลังหวะ” หลายคน ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากรัฐบาลของคุณทักษิณ – ยิ่งลักษณ์เลย เพราะคนที่มีอำนาจนั้นเขาคิดเหมือนกันคือจะต้องมีคน “กำจัดขยะ” แทนเขา ซึ่งก็ต้องใช้คนประเภทเดียวกัน!
พูดกันตามตรง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์นั้นเปราะบางกว่ารัฐบาลทักษิณ - ยิ่งลักษณ์ พังง่ายกว่า (เพราะเสียง สส. พอๆกับฝ่ายค้าน) แต่ที่ยังดำรงอยู่ได้ก็เพราะมีจุดแข็งคือ ยังไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์อย่างหน้าด้าน ตะกละตะกราม จึงยังไม่ได้ออกกฏหมายอะไรฟอกตัวเองให้คนโกรธแค้น แถมฝ่ายค้านก็ไม่มีพลังพอ
ประการสำคัญคือ การนำเอาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาเป็น “ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก” (ฝ่ายตรงข้ามใช้ “ประชาชน”)
ส่วนดคีความต่างๆที่เกิดกับ สส. ฝ่ายตนนั้น ส่วนมากก็เป็นเรื่องส่วนตัวและมีคดีมาก่อนที่จะมาเกิดในสมัยที่เป็นรัฐบาลปัจจุบัน ซ้ำหลายคนทำความผิดมาแต่ครั้งยังเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่ก็มีผลต่อคะแนนนิยมหรือเสียงสนับสนุนพอสมควร หากไม่จัดการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน
การที่คนใหญ่โตในรัฐบาลออกมาแสดงความเห็นแบบให้ท้าย ชี้ช่อง หรือปิดประเด็นปัญหาก็ยิ่งทำให้ผู้คนหงุดหงิด สิ่งเหล่านี้หากสะสมมากขึ้นก็กลายเป็นระเบิดในวันหน้า
ปัญหาที่จะนำความยุ่งยากมีสู่รัฐบาลนี้ก็คือ ปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือช่องว่างทางรายได้ ซึ่งฝ่ายค้านตอกย้ำอยู่ทุกวัน หากแก้ปัญหาไม่ได้ ประชาชนทั่วไปก็จะคิดว่า
“ประเทศชาติมั่นคง แต่ตนล้มเหลว” ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ก็จะคิดตามฝ่ายค้าน ว่ารัฐบาลนี้เป็นของพวกนายทุน เป็นรัฐบาลของพวกเศรษฐี - มหาเศรษฐี ที่คอยเอาเปรียบขูดรีดคนจน ไม่ใช่รัฐบาลของคนจน คนทั่วไป
ถ้าประชาชนคิดอย่างนี้มากขึ้น รัฐบาลก็สั่นคลอน
ไม่ว่าประชาชนจะโง่หรือฉลาด ถูกปั่นหัวหรือรู้แจ้งเห็นจริง แต่ม็อบก็คือม็อบ ย่อมไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น!
ถ้ารัฐบาลหลงลำพองว่าฝ่ายตนมั่นคงดี จะพูดหรือทำอะไรก็ย่อมได้ เพราะมีประชาชนและทหารสนับสนุน ก็จะเป็นเชื้อไฟให้ม็อบจุดติดง่ายขึ้น!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี