ไม่ว่าปัญหาใดที่เกิดขึ้นในโลกนี้ แม้กระทั่งเกิดในเมืองไทย แทนที่มันจะถูกนำมาเป็นความร่วมมือหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน มันกลับถูกนำมาเป็นเรื่องการเมืองเพื่อทำลายล้างกัน อย่างปัญหาฝุ่นควันและปัญหาโรคไวรัสโคโรนาระบาดตอนนี้
โรคไวรัสโคโรนาระบาดนั้นต้นกำเนิดไม่ได้อยู่ในเมืองไทย แต่ในยุคตลาดเสรี เชื้อโรคก็ย่อมเสรีตามระบบตลาดด้วย ดังนั้นมันจึงไปได้ทุกที่ที่มีคนไป เพราะมันอาศัยคนเป็นพาหะไปสู่กันด้วยการสัมผัส ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ยังดีที่แค่สัมผัสหรือแค่อยู่ใกล้ชิดกัน ถ้ามันสามารถล่องลอยไปในอากาศก็ย่อมกระจายไปได้ทั่วโลก เช่นเดียวกับฝุ่นควันหรือสายลม คงมีผู้คนล้มตายกันมากกว่าที่ปรากฎเป็นข่าวอย่างในปัจจุบัน
แต่ไม่มีอะไรในโลกนี้แน่นอน เมื่อคนมีพัฒนาการ สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็มีพัฒนาการได้เช่นกัน คงอีกไม่นานจะต้องมีโรคที่กระจายอยู่ในอากาศและน้ำ แม้กระทั่งตามผืนดิน รวมทั้งฝุ่นละควันในระดับนานาชาติ!
ถึงตอนนั้นผู้คนในสังคมไทยคงก่นด่ากันไป พร้อมกับป่วยไข้และตายไปด้วย
คงสะใจที่ฝ่ายตรงข้ามป่วยและตายมากกว่าฝ่ายตน!
เพราะในปัจจุบันนี้เราก็เป็นกันอย่างนั้นอยู่แล้ว
เรื่องเชื้อไวรัสโคโรนาทำให้เราได้เห็นว่า ผู้คนในสังคมไทยและสังคมโลกเป็นอย่างไร มีจิตสำนึกต่อตัวเองและส่วนรวมแค่ไหน...ตลอดช่วงเวลาที่เชื้อโรคนี้ระบาดก็มีการสร้างข่าวเท็จขึ้นและแชร์กันมากมาย เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง (เรื่องอำนาจและผลประโยชน์)
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนระดับคุณหญิง!
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนระดับยอดปิรามิดของสังคมไทย!
ไม่เว้นกระทั่งสื่อระดับสถาบัน!
คนระดับต้นไม้ใบหญ้านั้นมีมากและบ้าไวรัสมากหน่อย...บ้างก็หวังยอดไลค์ - ยอดแชร์เท่านั้น บ้างก็โง่หรือรู้ไม่เท่าทัน แต่ส่วนมากรู้ว่าเป็นข่าวเท็จแต่ก็แชร์ เพราะอยากทำลายรัฐบาล เพราะพวกเขามีฝักฝ่ายทางการเมืองอยู่แล้ว
แต่ไม่ว่าจะคนระดับไหน แบบไหน สิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ได้ทำลายรัฐบาลเลย แต่มันทำลายโอกาสของคนไทยทั้งประเทศที่จะได้รับรู้ข่าวสารที่เป็นจริง เพื่อจะได้ประเมินและรู้เท่าทันสถานการณ์ตามที่เป็นจริง
ไม่ใช่แต่เพียงคนไทยเท่านั้นที่สร้างข่าวเท็จ แม้แต่ในต่างประเทศและประเทศที่เกิดโรคระบาดก็สร้างข่าวเท็จด้วยเช่นกัน อย่างเช่นบอกว่าหมาแมวเป็นพาหะนำโรค ผลก็คือเจ้าของหมาแมวฆ่าหมาแมวทิ้ง (ผมไหว้วอนอยู่ในใจขอให้ข่าวนี้เป็นเท็จ สงสารหมาแมวที่ถูกฆ่า เพราะคนชั่วและคนโง่)
ซ้ำร้ายในฮ่องกงก็มีพวกที่ถือโอกาสสร้างประเด็นทางการเมืองให้ปั่นป่วนขึ้นอีก เช่นจะปิดเกาะเพื่อป้องกันไวรัส
คนนั้นสร้างเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ใช้เนรมิตหลายสิ่งหลายอย่างได้น่าอัศจรรย์ แต่ใจคนจำนวนมากก็ชั่วโฉดและโง่เขลาอย่างน่าอัศจรรย์เช่นกัน เพราะได้ใช้เทคโนโลยี่นั้นทำลายและทำร้ายคนด้วยกัน จนพวกเขาเป็นตัวเชื้อโรคไวรัสอีกชนิดหนึ่งที่ชั่วโฉดมากกว่าไวรัสชนิดใดในโลก
ดังนั้น เมื่อมองตามสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจริง คนจึงเป็นทั้งเครื่องมือหรือพาหะของเชื้อโรค และเป็นตัวเชื้อโรคเสียเอง
เมื่อมองมาจากสายตาและทัศนะจากสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีสติปัญญา (เช่นมนุษย์ต่างดาว) ก็จะเห็นได้ว่าคนก็เป็นตัวเชื้อโรคเช่นกัน มันทั้งขยายและแพร่พันธุ์ ทั้งกลืนกินและทำลายล้างสิ่งมีชีวิตอื่น ทำลายกระทั่งโลกที่มันอาศัย แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์และตัวมันเอง
โลกธรรมชาติที่วิบัติมาจนทุกวันนี้ก็เพราะไวรัสที่ชื่อว่าคน และมันเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากตัวมันเองไม่หยุดหย่อน
มีเพียงไวรัสที่แข็งแรงเท่านั้นที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้นานหน่อย แต่ไม่ตลอดไป
มีเพียงไวรัสที่มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง และจะดำรงอยู่ได้ตลอดไป
ไวรัสที่มีสติปัญญานั้นจะอยู่เหนือโลก - อยู่เหนือความเป็นไปของโลก...ดังที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้
เป็น “ไวรัสอาริยะ”
ส่วนไวรัสปุถุชนอย่างเราก็ทำได้แค่มีสติ รู้เท่าทันข่าวสารและรู้เท่าทันพวกไวรัสอันธพาล และดูแลตัวเองให้ดี.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี