ไวรัสโคโรน่าหรือชื่อใหม่เก๋ไก๋ว่าไวรัสโรคโควิด 19 แปลงเป็นชื่อไทยเก๋ๆว่า “โกวิท” ยังระบาดไปทั่วโลก ตอนนี้ไปไกลถึงอียิปต์แล้ว นับเป็นชาติแรกในทวีปแอฟริกา ขณะนี้มีผู้ป่วยทั้งหมดเจ็ดหมื่นกว่าคน ส่วนมากอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ รองลงมาคือญี่ปุ่น ทั้งที่ระบบการแพทย์ญี่ปุ่นดีมาก แต่พอเจอเรือสำราญที่ไม่สำราญไดมอนด์ปรินเซสมาจอดเทียบท่าโยโกฮาม่า เล่นเปาดเหงื่อ เพราะคนติดไวรัสกันเป็นร้อย นาทีนี้เลยครองอันดับสอง ตามมาติดๆ ด้วยสิงคโปร์ ส่วนฮ่องกงก็ใช่ย่อย การแพร่ระบาดนั้นลามไวเหมือนไฟลามทุ่ง มาเก๊าถึงกับปิดคาสิโนกันเลยทีเดียว
ทีนี้ประเด็นอยู่ที่โรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด19 นี้เริ่มต้นจากจีน ฝรั่งเลยพาลหวาดผวาคนหน้าตาจีนๆ จนกลายเป็นอคติไปหมด ช่วงไวรัสโคโรน่าระบาดไปทั่วโลก ฝรั่งหลายชาติแสดงความรังเกียจคนเอเซียอย่างชัดเจน ปกติแล้ว คนอเมริกันเหยียดคนผิวดำกับเม็กซิกันมากกว่าเหยียดคนจีน แต่ช่วงนี้ คนขับอูเบอร์ที่เป็นคนเอเซีย โดยเฉพาะที่หน้าตาจีนๆ ในอเมริกาถูกผู้โดยสารเลือกปฎิบัติอย่างชัดเจน โดยปฎิเสธที่จะใช้บริการ และเริ่มมีภาพล้อเลียนตามโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องนี้ประปราย
สายการบินหลักของอเมริกาคือยูไนเต็ดแอร์ไลน์ อเมริกันแอร์ไลน์ และเดลต้าแอร์ไลน์ งดเที่ยวบินไปจีนทุกเที่ยวบิน และห้ามคนชาติอื่นที่เคยไปจีนเข้าประเทศ แต่คงไม่หนักหนาสาหัสเท่าเดนมาร์กที่วาดภาพไวรัสเหลืองแทนดาวทองบนธงชาติจีน ซึ่งนั่นคือการทำร้ายจิตใจคนจีนทั้งโลกที่หัวเราะล้อเลียนในยามวิดฤติเช่นนี้ แถมไม่ยอมขอโทษโดยอ้างสิทธิเสรีภาพอีกด้วย อยากจะบอกว่าสิทธิและเสรีภาพทุกเรื่องจำเป็นต้องมีขอบเขตจำกัด ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพชัดเจน ทุกคนมีเสรีภาพในการโบกมือ แต่ถ้าโบกมือแล้วไปฟาดปากหรือกบาลคนอื่นนั่นคือเกินจากขอบเขตเสรีภาพแล้ว เพราะเสรีภาพต้องประกอบด้วยความรับผิดชอบคู่กัน
ไม่ใช่แค่ในอเมริกาที่เจอปัญหา ในฝรั่งเศสเองก็หนักหนาสาหัสจนคนเอเซียถึงขั้นติดแฮชแทค #Jenesuispasunvirus (ฉันไม่ใช่ไวรัส) เพราะถูกเหยียดถูกเลือกปฎิบัติอย่างน่าเกลียด สื่อหลายสื่อเลือกใช้คำที่แสดงอคติ อย่าง nouveau peril jaune หรือ“ไอ้หลืองอันตรายตัวใหม่” หญิงเอเซียในฝรั่งเศสคนหนึ่งถูกเหยียดบนรถประจำทางว่าเป็นต้นตอการแพร่เชื้อไวรัส เพียงเพราะเธอมีเชื้อสายจีน ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอให้สัมภาษณ์ว่า
“ไวรัสไม่มีสัญชาติ แต่ไวรัสที่ร้ายที่สุดคิอการเหยียดชาติ”
ในอิตาลี มีคนอิตาเลี่ยนถุยน้ำลายใส่นักท่องเที่ยวจีนในเวนิช บรรดาแม่ๆ ในมิลานทั้งหลายก็กระซิบบอกลูกๆ ของตนให้อยู่ห่างๆ เพื่อนนักเรียนในห้องที่หน้าตาจีนๆ ให้ไกลที่สุด จนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นต้องส่งหนังสือถึงทุกโรงเรียน เนื้อหาใจความมีว่า “ไม่จำเป็นต้องจำกัดสิทธิและเสรีภาพของนักเรียนจีนในโรงเรียน”
ปรากฎการณ์เหยียดชาติเช่นนี้เรียกว่า “ปรากฏการณ์กลัวคนต่างชาติ” (Xenophobia) กำลังแพร่กระจายไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า จะมีก็แต่คนไทยเรานี่แหละที่โอบอ้อมอารีกับคนทุกชาติทุกภาษา ขออย่างเดียว อย่าทำตัวเป็น “ม้าอารี” แบบเขมรที่กำลังเจอปัญหาใหญ่ เพราะดันอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวเรือเวสเตอร์ดาม ที่ทางเขมรอ้างว่าตรวจโรคแล้ว ไม่มี๊ไม่มีคนเป็นโรคหรือติดเชื้อเลย แต่กลับโอละพ่อเมื่อผู้โดยสารอเมริกันบินไปมาเลเซีย พบว่าติดเชื้อโควิด19 จากในเรือสำราญเวสเตอร์ดาม ซึ่งไม่มีชาติไหนในเอเซียยอมให้เทียบท่า นอกจากกัมพูชา เด็ดกว่านั้นสมเด็จฮุนเซ็นเล่นใหญ่รัชดาลัย ด้วยการโอบกอดและแนบแก้มผู้โดยสารทุกคนเสียด้วย ขอให้พระเจ้าคุ้มครองฮุนเซ็น
วกกลับมาที่อเมริกา เหตุเกิดข้างบ้านคนเขียนนี่เอง ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อพลีมัธ ซึ่งมีแต่ทุ่งข้าวโพดสุดลูกหูลูกตา หนุ่มม้งกับครอบครัว คือบริเวณที่ราบทางตอนเหนือของอเมริกาที่เรียกว่า “มิดเวสต์” นี้เป็นชุมชนชาว ม้งอพยพชุมชนใหญ่ทีเดียว โดยหนุ่มม้งที่ว่านี่เดินทางมาเมืองนี้เพื่อซื้อรถยนต์ คาดว่าเป็นดีลเลอร์รถนี่แหละ ตอนนั้นเป็นช่วงเกือบตีสี่แล้ว พอแจ้งความประสงค์ขอพัก พนักงานโรงแรมไม่ยอมให้พัก เพราะคิดว่าหนุ่มม้งรายนี้มาจากจีน ฟังจากสำเนียงแล้วบอกได้ว่าม้งรายนี้เกิดในอเมริกานี่แหละ หากเอาไปซ่อนในห้องแล้วให้พูดนี่ไม่รู้หรอกว่าเป็นคนเอเซีย เพราะสำเนียงเป๊ะมาก
พนักงานโรงแรมอ้างว่า จะไม่ให้พักเพราะเป็นคนจีน หนุ่มม้งเลยถามว่ามีกฎระเบียบห้ามไว้แบบนี้หรือไง ขอคุยกับสำนักงานใหญ่หน่อย หรือหาเอกสารมาให้ดูด้วย พนักงานบอกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นคนจีน ต้องถูกกักตัว 14 วันนะ ถ้าไม่อยากมีปัญหา ไปนอนที่อื่นดีกว่า หนุ่มม้งถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน แล้วไปอีกโรงแรมหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าพักเช่นกัน เพียงเพราะหน้าตาหนุ่มม้งรายนี้ดูเหมือนคนจีน
ไม่ใช่แค่กรณีนี้กรณีเดียว แต่เกิดเรื่องคล้ายแบบนี้ทั่วอเมริกา ที่นี่ใครใส่หน้ากากอนามัยจะถูกมองว่าเป็นคนป่วยและเป็นตัวแพร่เชื้อโรค คนอเมริกันเชื้อสายอเซียถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวง หลายชุมชนบอกต่อกันว่า อย่าไปร้านคนจีน ในแอลเอ นักเรียนอเมริกันเชื้อสายเอเซียถูกทำร้ายร่างกาย เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวแพร่เชื้อโรคในโรงเรียน ในนิวยอร์ก ดีไซเนอร์อเมริกันเชื้อสายจีนชื่อเหยียงยู ใส่หน้ากากอนามัยเดินออกนอกออฟฟิศ ปรากฎว่ามีหญิงอเมริกันคนหนึ่งตะโกนใส่ว่า
“แกจะบ้าเหรอ กลับประเทศแกไปเลยนะ”
แม้จะหวาดระแวงคนเอเซีย โดยเฉพาะคนจีน แต่อเมริกันก็ยังคงไม่ยอมใส่หน้ากาก และมองว่าคนใส่หน้ากากอนามัยเป็นคนป่วย สถานการณ์การแพร่ระบาดในอเมริกาถือว่าต่ำ เพราะตอนนี้มีคนติดเชื้อ 15 คนกระจายตัวในหลายรัฐ แต่ถ้าเทียบกับจำนวนพลเมืองในอเมริกาก็ยังถือว่าน้อยมาก ความหวาดกลัวคนจีนเลยกลายเป็นอคติรูปแบบใหม่ล่าสุดในสังคมอเมริกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี