เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะกรณีเงินกู้ 191 ล้านของธนาธรนั้นผิดกฎหมายหลายมาตราภายใต้รัฐธรรมนูญปี 60 จริง
อย่าคิดว่าพลพรรคส้มเปรี้ยวจะยินยอมรับคำวินิจฉัยศาลแต่โดยดี ยังมีการเดินเกมต่อด้วยการประกาศกราดเกรี้ยวว่า จะขอเป็นปีศาจหลอกหลอนพวกโลกเก่า สงสัยปิยบุตรคิดว่าตัวเองเป็นสาย สีมา พระเอกเรื่อง “ปีศาจ” ของเสนีย์ เสาวพงศ์ แถมประกาศก่อตั้งคณะอนาคตใหม่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นคณะแบบคณะราษฎร์หรือคณะละครวิทยุเกศทิพย์ที่เล่านิยายเพ้อฝันรายวัน
ทีนี้หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ทั้งธนาธรและปิยบุตรนั้นมีเพื่อนฝูงเป็นฝรั่งมังค่ามากมาย อีกทั้งปิยบุตรมีภรรยาเป็นฝรั่งเศส แม้จะไม่ปรากฎเงาของพลพรรคอนาคตใหม่ในศาลรัฐธรรมนูญ เพราะนัดไปรวมพลกันที่ตึกไทยซัมมิท แต่ที่นั่งกันหน้าสลอนคือบรรดาฝรั่งบ้าง แขกบ้าง มั่งฟังคำวินิจฉัยภาษาไทยกันเพียบ
ปรากฎการณ์แบบนี้น่าสนใจมาก เพราะก่อนหน้าวันอ่านคำวินิจฉัย มีการทำแคมเปญล่ารายชื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการกระทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ะไร เพราะทักษิณเคยทำก่อนหน้ามาแล้วในปี 2544 ช่วงที่ศาลจะตัดสินคดีซุกหุ้น การที่พลพรรคอนาคตใหม่ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากทักษิณนั่นแหละ ปากบอกว่าเคารพประชาธิปไตย แต่กลับพยายามทำให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
พอกดดันไม่เป็นผล นอกจากเอาไว้พล่ามกันเองในหมู่ติ่งส้มและซอมบี้ ก็ยืมมือฝรั่งมากดดัน จะว่าไปก็ทำมาตลอดทุกครั้ง ตั้งแต่ตอนไปรับฟังข้อกล่าวหาที่โรงพักโน่นแล้ว กะอีแค่ไปรับฟังข้อกล่าวหา พี่ธรกับสหายยังพาฝรั่งมาสังเกตุการณ์เพียบ หนนี้เลยยืมมือฝรั่งโม่แป้งเหมือนเดิม โดยพันธมิตรหน้าเก่าคือ เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกา บีบีซี และแอมเนสตี้
แล้วก็เป็นไปตามคาด เพราะมหามิตรอย่างอเมริกาออกแถลงการณ์แบบทันทีทันควัน แถลงการณ์ลงวันที่ 22 ก.พ. มีใจความว่า
“เรารับทราบเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญไทยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ สหรัฐอเมริกาส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ในทุกประเทศทั่วโลก และชื่นชมประเทศไทยที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยวิถีแห่งประชาธิปไตยเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ถือข้างหรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดในประเทศไทยเป็นพิเศษ แต่ประชาชนกว่า 6 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงเลือกพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา คำพิพากษาให้ยุบพรรคอนาคตใหม่อาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิ์ของผู้ลงคะแนนเสียงเหล่านั้น และทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะยังคงมีสิทธิ์มีเสียงในระบบการเลือกตั้งของไทยหรือไม่”
สรุปสั้นๆ ตรงๆ คืออเมริกายื่นจมูกมาเสือกระบบศาลบ้านเรา โดยบอกว่าคำตัดสินนี้จะลิดรอนสิทธิของประชาชน 6 ล้านคนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ เดี๋ยวนะ..แล้วอีก 60 กว่าล้านคนที่ไม่เลือกอนาคตใหม่นะ อย่าลืมสิ ลุงแซม เอียงข้างอนาคตใหม่อย่างเห็นได้ชัด ก็เพราะมีคอนเนกชั่นกันอยู่นั่นแหละ
นี่ไม่ใช่หนแรกที่อเมริกาแทรกแซงกฎหมายบ้านเรา แถมเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดเสียด้วย อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส อ้างว่าไม่รู้กฎหมายอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะบ้านไอไม่มีกฎหมายแบบนี้ อย่ามาตอแหล ยังไงก็ไม่เนียน
อเมริกาเองมีกฎหมายเรื่องการรับเงินบริจาคทางการเมืองอยู่ มีองค์กรกำกับดูแลชัดเจน นั่นคือองค์กรรัฐที่เรียกว่า Federal Election Commission หรือ FEC หรือกกต.แห่งอเมริกา ทำหน้าที่ตรวจสอบแหล่งทุนในการจัดทำแคมเปญหาเสียงของผู้สมัครระดับแคนดิเดท คือมีการผ่านความเห็นชอบจากการทำไพรมารีโหวตในพรรค องค์กรนี้จะตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมือง และผู้สมัคร Candidate ในการหาเสียงเลือกตั้ง
องค์กรในอเมริกาที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องทรัพย์สินการเลือกตั้ง มี 2 องค์กรคือ FEC คือนักการเมืองระดับแคนดิเดทต้องยื่นทรัพย์สินและรายได้จากการระดมทุนเพื่อทำแคมเปญหาเสียง ส่วนอีกองค์กรหนึ่งคือ สำนักงานการตรวจสอบจริยธรรมแห่งอเมริกา ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและรายได้ส่วนตัวของนักการเมือง
กฎหมายของ FEC ระบุว่า คนทั่วไบริจาคเงินให้แก่นักการเมืองที่เป็นแคนดิเดทได้ไม่เกินรายละ 2,700 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณแปดหมื่นหนึ่งพันบาท ส่วนเอกชน บริษัท ห้างร้าน หรือแม้แต่สหภาพต่าง ๆ ห้ามบริจาคให้อย่างเด็ดขาด
เมื่อได้รับบริจาคแล้ว นักการเมืองต้องนำเอกสารหลักฐานตรงนี้มาให้ FEC ตรวจสอบ หากพบว่า มีการรายงานข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือมีการรับเงินเกินจากที่กำหนดไว้ จะมีบทลงโทษแตกต่างกันไป ส่วนมากคือถูกปรับหลักหมื่นถึงแสนเหรียญ ถ้าพบว่ามีการกระทำในเชิงอาชญากรรมทางการเงินหรือคดีอาญา องค์กรนี้จะส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการสอบสวนต่อไป เพราะฉะนั้น อย่ามาทำหน้าซื่อใจคด ทำเป็นไม่เข้าใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทย
หลังออกแถลงการณ์ เพจสถานทูตอเมริกาก็ลุกเป็นไฟ เพราะดูอย่างไรก็เห็นว่าเอียงข้างพรรคอนาคตใหม่ แถมแทรกแซงระบบศาลของไทยอย่างชัดเจน
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศถ้อยแถลงตอบกลับว่า ประเทศไทยรับทราบความสนใจของบางประเทศต่อกรณีต่อยุบพรรคอนาคตใหม่ ส่วนคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย พรป. ในรัฐธรรมนูญโดยปราศจากอคติ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก็ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการทำประชามติมาแล้ว ประเทศไทยยังคงเสริมสร้างค่านิยมของประชาธิปไตย และการเมืองพหุนิยม แถมตบท้ายว่า
“ในฐานะมิตรประเทศ ก็ควรเคารพอธิปไตยของประเทศไทย และสนับสนุนไทยในการปฏิบัติตามกฎหมายสูงสุดของประเทศเหมือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่ประเทศไทย ที่ให้การปฏิบัติต่อสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ”
แปลสั้นๆ ว่า “อเมริกาอย่าเสือก”
ไอ้การเลือกข้างนี่ อเมริกามหามิตรไม่ได้ทำหนแรก แต่ทำมาตลอด อยากให้ย้อนความจำกันหน่อย ว่ามหามิตรทำพิษอะไรไว้บ้าง ไม่กี่ปีมานี้เอง ทูตอเมริกันเชิญสื่อและนักการเมืองไปร่วมงานวันชาติ นำทีมโดยนางคริสตี้ แต่ไม่ยักเชิญรัฐบาลคสช.ไปร่วมงาน แล้วพวกที่นางคริสตี้เชิญไปนั้น เห็นอย่างชัดเจนว่าสังกัดระบอบทักษิณ ชินวัตรทั้งสิ้น
โดยมารยาทแล้ว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็จำเป็นต้องเชิญรัฐบาลในเวลานั้นไปร่วมงานด้วย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปีถัดมา สถานทูตอเมริกาส่งจดหมายเชิญ ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ โดยจ่าหน้าซองว่า “Anti-Thaksin Activist” หรือ “นักเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณ”
เรื่องนี้ถือว่าเป็นมารยาทที่ต่ำทรามมากทางการทูต อยู่ๆ ไปเที่ยวแปะป้ายกลางกบาลคนนั้นคนนี้เสียอย่างงั้น เมื่อศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ถามนายดับเบิลยู. แพทริค เมอร์ฟีอุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาว่าสถานทูตเชิญพลเอกประยุทธ์ด้วยไหม แต่ไม่ได้คำตอบ จึงถามซ้ำถึงสามหนว่าเชิญมาด้วยไหม แต่มหามิตรก็ไม่ยอมตอบ
นี่คือการปากหวานก้นเปรี้ยวของเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันอย่างชัดเจน ในทางการทูตแล้ว อย่างไรเสียก็จำเป็นต้องเชิญผู้นำรัฐบาลในเวลานั้นไปร่วมงาน ไอ้คำสวยหรูอย่างประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชนนี่ ลุงแซมใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันประเทศต่างๆ เท่านั้นแหละ อเมริกาที่อวดอ้างว่าเป็นดินแดนเสรีประชาธิปไตยมักเอาคำหรูๆ แบบนี้ไล่บี้ประเทศเล็กประเทศน้อยอยู่เนืองๆ
อเมริกายังยึดนโยบายเดิมคือทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศตัวเอง ร่วมมือกับเอ็นจีโอ นักการเมือง และนักวิชาการที่แอบซ่อนข้างหลังนักศึกษาให้ออกหน้ามาเป็นตัวหมากเบี้ยบนกระดานเกมการเมืองมาตลอดจนวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี