กว่า 2 ทศวรรษแล้วครับที่เราใช้งบประมาณแผ่นดินลงไปกับการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ว่าไปแล้วมากกว่าสามจังหวัด ปัตตานี นราธิวาส ยะลา เพราะบางครั้งก็ลามมาสงขลา แต่ปัญหาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น
เรามองเห็นปัญหากันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัย จอมพล ป. ที่พยายามจะไปเอาคนอีสานจากสุรินทร์ ศรีสะเกษ ไปอยู่นิคมสร้างตนเอง มีที่ทำกินให้ มีทุนให้ส่วนหนึ่งตั้งแต่ก่อน 2500 เสียด้วยซ้ำ ซึ่งสถานการณ์ก็ค่อยๆ ดีขึ้น
มาหนักเอาตอนที่มีการปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ซึ่ง นายกรัฐมนตรี สมัยนั้น คือ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เข้าใจ (เอาเอง) ว่า เป็นโจรกระจอก ใช้วิธีการของตำรวจ แป้บเดียวมันก็จบ
แต่ความจริงที่เห็นและเป็นอยู่ มันไม่จบ
มันสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาลตั้งแต่วันนั้น (ความจริงก่อนหน้านั้น) มาจนทุกวันนี้
เหตุการณ์ที่ว่านี้ นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ และคนเดียวกับ สายลับคนหนึ่งในกองทัพเรือ คือ คุณภาณุมาศ ทักษณา นำปัญหามาเขียนในรูปแบบของนวนิยาย สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น โดยหยิบเอาปัญหาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืน เมื่อต้นเดือนมกราคม 2547 ในยุคสมัยที่นายกรัฐมนตรี ดร . แสนหล้า บริหารประเทศไทย
เอาเถอะ จะสมมติตัวละครชื่ออะไรก็ตาม แต่ปัญหาที่ผู้เขียน คือ ภาณุมาศ สะท้อนออกมา ในนามของ รามสูร หน่วยข่าวกรอง ที่ต่างไปจากหน่วยข่าวกรองอื่นๆ ประดามีในประเทศไทย นั้นไม่ใช่เรื่องสมมติหรือเพ้อฝันแน่นอน
สมควรที่จะรับฟัง
ราสูร (หน่วยข่าวกรองในเรื่อง) ไม่เชื่อว่าเหตุเกิดขึ้นจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน จะเป็นผู้ลงมือ แต่น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของคนบางกลุ่ม เพื่อลดความน่าเชื่อถือของอำนาจรัฐ สร้างความกดดันเจ้าหน้าที่ สร้างความหวาดระแวงหวาดกลัวในหมู่ประชาชน
สอง น่าจะเกิดจากกลุ่มที่เบี่ยงเบนทางศาสนา ไม่ยอมรับการอยู่ภายใต้การปกครองคนนอกศาสนา แล้วคนกลุ่มนี้นำหลักการศาสนาอิสลามไปบิดเบือน
สาม น่าจะเป็นฝีมือคนนอกกฎหมาย พวกค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ ค้าของเถื่อน ไปจนค้ามนุษย์
และสุดท้าย เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ต้องการยกระดับตัวเอง เป็นนักการเมืองระดับชาติ
ทั้ง 4 ประเด็นที่สะท้อนออกมาในรูปของนวนิยายนี้ เชื่อว่าน่าจะอยู่ในความคิดความอ่านของผู้ที่สนใจปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งคนที่สนใจปัญหา และผู้ที่แก้ไขปัญหาโดยตรง
ทำไมเราจึงแก้ปัญหาไม่สำเร็จ แก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งที่แต่ละปีถมงบประมาณลงไปไม่น้อย สูญเสียชีวิตทหาร ตำรวจ ไม่ใช่น้อยๆเลย นอกจากนี้ ประชาชนที่บริสุทธิ์ก็พลอยสูญเสียไปด้วย ทั้งชีวิต ทั้งทรัพย์สิน
ฝ่ายที่ก่อเหตุก็สูญเสียด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งชีวิต ทรัพย์สินของเขา ไม่ต่างกัน
ไม่มีข้อเสนอ ไม่มีข้อเรียกร้อง ไม่มีกลุ่ม ไม่มีขบวนการใดๆ ออกมารับผิดชอบหรือยื่นเงื่อนไข ยื่นข้อเรียกร้องต่อทางการ (รัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมือง) คือ รบกันไป ฆ่ากันไป ทำให้เกิดความเสียหายกันไปเรื่อยๆ ไม่จบ ไม่สิ้น
ไม่ว่าจะเกิดด้วยเหตุใด ต้นเหตุ หรือผู้ก่อเหตุนั้นโหดร้ายกับประชาชนมาก ตรงที่ไม่ยอมบอกวัตถุประสงค์ ความเรียกร้องต้องการ เพราะถ้าบอก ถ้าทำให้รู้ เราก็จะได้แก้ปัญหาได้ เป็นต้น ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก็จะได้รู้ว่าฝ่ายไหน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ ก็จะได้แก้ไข ต้องการแยกดินแดนหรือ ? จะเอาจังหวัดไหน ก็จะได้รบกันให้ชัด
ทุกวันนี้เหมือนรบกับปีศาจ ไม่รู้จะจบอย่างไร
เคยมีคนตั้งข้อสังเกต (ต่างไปจากเรื่องนี้) ว่า มีบางหน่วยงาน เลี้ยงไข้ เลี้ยงสถานการณ์
ผมว่าออกจะโหดร้ายไปมาก
ใคร ขบวนการไหนมันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้
ผมไม่เชื่อ ประชาชนไม่ยอมหรอกครับ !
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี