การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ในเวลานี้ เป็นวิกฤตของโลก และเป็นวิกฤตของชาติ
ขณะนี้มีประเทศที่มีประชากรติดเชื้อไวรัส โควิด-19 แล้วรวม 171 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศทั่วโลก
มียอดผู้ติดเชื้อรวม กว่า 3 แสนคน รักษาหายแล้วราว 9 หมื่นกว่าคนเสียชีวิตไปแล้ว กว่า 1 หมื่น 3 พันคน
ในประเทศไทย ตัวเลขที่เปิดเผยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 188 ราย รวมสะสม 599 รายเสียชีวิต 1 รายรักษาหายและกลับบ้านแล้ว 45 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล553 ราย ในจำนวนนี้7 ราย อาการหนัก
การพบผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ส่งสัญญาณให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศเรากำลังอยู่ในระยะที่แพร่กระจายไปในวงที่กว้างขึ้นทุกที
ไม่ใช่ไวรัสธรรมดา ไม่ใช่ไวรัสกระจอก อย่างที่เคยมีการปรามาส
วันที่ 15 มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 32 ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 114 ราย
วันที่ 16มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 33ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 147ราย
วันที่ 17มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 30ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 177ราย
วันที่ 18มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 35ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 212ราย
วันที่ 19มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 60ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 272ราย
วันที่ 20มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 50ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 322ราย
วันที่ 21มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 89ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 411ราย
วันที่ 22มีนาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 188ราย รวมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 599ราย
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในระยะแรกๆ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกโจมตีมากทั้งจากประชาชนและนักการเมืองฝ่ายค้าน เพราะดูไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรค สินค้าที่จำเป็น อาทิ แอลกอฮอล์ เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย ขาดแคลน หาซื้อไม่ได้ แม้จะซื้อในราคาแพง แต่รัฐบาลกลับยืนยันว่ามีเพียงพอ ในขณะที่มีข่าวคนใกล้ชิดพัวพันกับคนสนิทหรือคนทำงานใกล้ชิดกับบุคคลในคณะรัฐมนตรีมีการกักตุนและส่งออกหน้ากากอนามัย ในช่วงแรกๆ นั้น ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก วันๆ มีแต่คำพูดประเภทหาเสียงเอาใจ แต่ไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติที่เป็นจริง อาทิ “ทุกโรงพยาบาลต้องมีเตียงรองรับผู้ป่วยไวรัสโควิด” ทั้งที่ความจริงในบางโรงพยาบาลของรัฐตั้งแต่ยังไม่มีไวรัสโควิดแล้ว คนไข้ประเภทที่ไม่ค่อยมีสะตุ้งสะตังค์ ยังต้องเสริมเตียงนอนกันนอกห้องก็มี
อย่างไรก็ดี ในระยะหลังๆ จนถึงทุกวันนี้ เราได้เห็นถึงความพยายามแก้ไขปัญหาของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการปรึกษาหารือและรับฟังคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ การออกมาแถลง ให้ความรู้ ให้ความจริง รวมทั้งการทำงานหนักของบุคลากรและทีมงานทางการแพทย์ทุกระดับ ช่วยดึงความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนมา ทำให้ประชาชนมั่นใจ และเห็นหนทาง เห็นอนาคตในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคร้ายครั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐออกมาบังคับใช้ เพื่อยับยั้งการกระจายตัวของโรค แม้จะสร้างปัญหาให้กับการดำรงชีวิตของทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงาน แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องจำเป็นที่สามารถเข้าใจได้ เพียงแต่รัฐบาลจะต้องรีบออกมาตรการมาชดเชยและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะคนทำงานรายวัน คนหาเช้ากินค่ำ หมอนวด เด็กเสิร์ฟ ฯลฯ ซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม แต่ต้องหยุดทำงานเป็นเวลา สองสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรืออาจมากกว่านั้น หากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคยังไม่ดีขึ้น ซึ่งวงการแพทย์คาดว่า อาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะมีวัคซีนออกมาให้ประชาชนต่อสู้ป้องกันไวรัสตัวนี้
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งเป็นทั้งวิกฤตของโลก และวิกฤตของชาติอยู่ขณะนี้ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือ ความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าวิกฤตร้ายร่วมกันนี้ไปให้ได้ ให้ประเทศชาติของเราและประชาชนเรา รวมทั้งประชากรโลก อยู่รอดปลอดภัย
ความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ และการเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค และปัญหาผลกระทบที่ตามมาโดยเฉพาะการมีชีวิตรอดจากการไม่มีรายได้เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปทำงาน เป็นความสำคัญอันดับแรกที่ต้องกระทำ
นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กวันนี้ (22 มีนาคม) เสนอแนะถึงการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายหลัง กทม.มีคำสั่งปิดหลายกิจการ ว่า
“เมื่อสั่งปิดหลายกิจการในกรุงเทพฯ แล้ว ผมขอเตือนว่า ต้องมีแผนดูแลกลุ่ม "คนว่างงานฉับพลัน" โดยเร็ว!
สามสิ่งนี้จะตามมาทันที คือ
รัฐบาลควรมีความชัดเจนในมาตรการจูงใจให้ชาวต่างจังหวัดอยู่กับที่ ไม่เดินทางกลับบ้านหลังจากมีคำสั่งปิดหลายจุดในกรุงเทพฯ
อยู่กรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายสูง หากดูแลเขา เขาถึงจะอยู่ และการกลับบ้านจะมี "ความเสี่ยงกับผู้สูงอายุ" ที่บ้านของพวกเขาด้วย ช่วงนี้ยิ่งไม่ควรกลับอยู่ด้วยกัน
หากไม่ทำอะไร การประกาศยกเลิกสงกรานต์ เสียของหมดครับ ย้อนแย้งกับคำสั่งนั้นโดยสิ้นเชิง
รัฐสามารถ ดูแล "คนว่างงานฉับพลัน" ผ่านสถานประกอบการที่เป็นนายจ้าง จ่ายได้เลยวันละ 300 บาท ให้ทุกคนที่ไม่ได้ทำงาน จากเหตุที่รัฐประกาศปิดห้างร้าน แต่ต้องไม่เคลื่อนไหว อยู่ให้นิ่ง รักษาระยะห่างทางสังคมให้ไม่แพร่ระบาด”
นั่นคือ คำแนะนำของนายกรณ์ จาติกวณิชว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่เอี่ยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่ง
ที่นี้ลองมาดูคำแนะนำของคนรุ่นใหม่อีกกลุ่มหนึ่ง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจกล่าวขณะเฟซบุ๊กไลฟ์แถลงเปิดตัวคณะก้าวหน้า ผ่านเพจที่ใช้ชื่อว่า “คณะก้าวหน้า - Progressive Movement” เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ว่า
“การแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล มีมาตรฐานในการกักกันตัวของกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 มีการเลือกปฎิบัติระหว่างคนไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังอุ้มกลุ่มทุนร้านค้า ออกมาตรการที่ไม่รอบคอบ เกิดการคัดค้านจากสังคม และยังไม่มีการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาด การนำมาตรการ social distancing มาใช้ ไม่สามารถใช้ได้เพราะต้องออกไปทำมาหากิน และยังพบการทุจริตเกี่ยวกับการกักตุนหน้ากาก
จากเหตุการณ์ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่เชื่อมั่น รัฐบาลไม่มีเอกภาพในการทำงาน ขาดความเด็ดขาด ทำให้เกิดความสับสนจากประชาชน จึงขอเสนอโรดแมฟให้นายกรัฐมนตรีลาออก และให้สภาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยุบสภาเลือกตั้ง ได้สสร.มาทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้สภาชุดใหม่และรัฐบาลใหม่ และแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ”
วันที่ 22 มีนาคม (วันนี้) น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ PannikaWanichเกี่ยวกับการจัดตั้ง “คณะก้าวหน้า โดยระบุว่า
“คณะก้าวหน้า ก่อตั้งขึ้นเพื่อสานต่ออุดมการณ์สร้างสังคมที่คนไทยเท่าเทียมกัน ยุติวงจรรัฐประหาร เราเสนอแก้วิกฤตชาติด้วย
3 ยุบ ยุบศาลรัฐธรรมนูญ กกต. และส.ว. แต่งตั้ง
เลิก รธน.มาตรา 279 ที่ให้นิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร
แก้ รธน. มาตรา 265 เปิดทางร่างรธน.ใหม่โดยตัวแทนของประชาชน
โรดแมปไปสู่การแก้วิกฤตชาติ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติทุกวิกฤต ไม่ใช่แค่โควิด-19
พลเอกประยุทธ์ลาออก>สภาเลือกนายกฯรักษาการณ์ เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ>ตั้งสภาร่างรธน.ที่มาจากการเลือกตั้ง>ได้รธน.ฉบับประชาชน>ได้รัฐบาลที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง”
ท่าทีและจิตสำนึกในการแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ท่ามการวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคนรุ่นใหม่ 2 กลุ่มนี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน !
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
มีนาคม2563
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี