สถานการณ์ในอเมริกาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ขณะนี้มีผุ้ติดเชื้อครบ 50 รัฐแล้ว นับว่าเสมอภาคและเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง ไวรัสนี่แหละคือความเสมอภาค เพราะติดได้ไม่เลือกหน้าตั้งแต่พระราชายันยาจก ขนาดกษัตริย์อัลเบิร์ตแห่งโมนาโคยังเป็นโควิด 19 เลย ดาราและเหล่าคนดังไม่ว่าจะไทยหรือเทศ ยากดีมีจน ดังหรือไม่ดัง ต่างก็มีสิทธิ์ติดได้อย่างเท่าเทียมกัน หากไม่ยอม “กินร้อน ช้อนกู อยู่ห่าง ล้างมือ”
แรกๆ อเมริกาก็มียอดติดเชื้อไม่เท่าไหร่ แต่ด้วยความประมาทของพลเมืองที่ชะล่าใจคิดว่าไกลตัว และมีความเชื่อผิดๆ ว่าคงเหมือนไข้หวัดใหญ่ธรรมดา อย่าได้กลัว และคิด (เอาเอง) ว่าโควิด 19 มีผลกระทบร้ายแรงต่อคนป่วยและคนแก่เท่านั้น ไม่เคยคิดว่าติดกันได้ทุกคนและตายได้ทุกเมื่อ ไม่เว้นใครหน้าไหนก็ตาม
บวกความประสาทของผู้นำที่เพ้อเจ้อกรอกยาหอมประชาชนว่า ชาติเราดีที่สุด เจ๋งที่สุด แข็งแกร่งที่สุด ระบบคัดกรองดีที่สุด จนไม่ได้ป้องกันอะไร แถมยังตัดงบสาธารณสุขไปเพียบ พอเริ่มมีข่าวออกมาก็วีนแตกว่า พวกนี้คือข่าวปลอมที่แพร่ออกมาทำลายตน แล้วไงล่ะ..ไวรัสมันเลือกหน้าเสียที่ไหน วันนี้อเมริกาป่วยกันทั่วหน้า จนยอดพุ่งไปอยู่อันดับสามของโลก รองจากจีนกับอิตาลีเท่านั้น
ขณะที่กำลังเขียนต้นฉบับนี้เป็นวันอาทิตย์ ยอดคนติดเชื้อในอเมริกาพุ่งสูงถึงสามหมื่นกว่าคนแล้ว แต่ละวันเจอคนติดเชื้อเพิ่มประมาณเจ็ดพันคน และเพิ่มขึ้นทุกวันแบบฉุดไม่อยู่ ตอนนี้เรียกว่า “อเมริกาเบรคแตก” ก็ว่าได้ ตอนแรกรัฐที่น่าห่วงสุดคือรัฐวอชิงตัน เพราะยอดคนป่วยคนตายสูงสุด แต่ตอนนี้รัฐนี่น่ากลัวสุดคือนิวยอร์ก เฉพาะรัฐนี้ตอนนี้มียอดคนติดเชื้อมีถึง 16742 ราย และไม่มีใครหายป่วยเลยแม้แต่รายเดียว มีแต่ตายรายวัน
หากเรียงลำดับ 5 รัฐที่มียอดคนป่วยสูงสุดคือ รัฐนิวยอร์ก รัฐวอชิงตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐนิวเจอร์ซี่ และรัฐหลุยส์เซียน่า เมื่อยอดคนป่วยเพิ่มขึ้น หลายรัฐเลยปิดรัฐ อย่างแคลิฟอร์เนียพลเมืองสี่สิบล้านคนถูกจำกัดให้อยู่บ้าน รัฐนิวยอร์กกับคอนเนกติคัตก็ปิดรัฐ รัฐเพนซิลเวเนียก็ปิดรัฐเช่นกัน ตามมาติด ๆ คือรัฐอิลลินอยส์ เท็กซัสประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งร้อยปี
บางเมืองไม่รอผู้ว่าการรัฐหรือรัฐบาลกลางประกาศ สั่งปิดเมืองทันที เมื่อเห็นว่าจะเกิดภาวะการระบาด สั่งแบบสายฟ้าฟาดด้วย เช่น สั่งสิบเอ็ดโมงเช้า มีผลบ่ายสอง ห้ามออกนอกบ้าน ยกเว้นมาทำงาน ใครทำงานที่บ้านได้ก็ทำ ปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ห้างร้านปิดหมด เปิดเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา และร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยง
ลาสเวกัสปิดคาสิโนและบาร์ทุกแห่ง ห้ามอเมริกันออกนอกประเทศ ใครที่อยู่นอกประเทศให้รีบกลับมา ไม่ออกวีซ่าทุกชนิดให้คนต่างชาติ จำนวนคนป่วยสูงขึ้นทุกวันทุกรัฐ ทำให้ตอนนี้ขาดแคลนเลือดอย่างหนัก
ผลคือมะริกันแตกตื่นกักตุนข้าวของเครื่องใช้กันโกลาหล สินค้าหลายอย่างเกลี้ยงชั้น โดยเฉพาะกระดาษทิชชู่ ฝรั่งอั้งม้อแย่งกระดาษเช็ดก้นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หลายคนสงสัยหนัก แอบถามว่าทำไมกระดาษทิชชู่ถึงกลายเป็นสิ่งล้ำค่าขนาดนั้นในสังคมตะวันตก ตอบง่าย ๆคือฝรั่งไม่ถนัดในการใช้น้ำชำระล้างนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กก็ใช้กระดาษทิชชู่ ตลอดจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
พอโควิด 19 ระบาด ฝรั่งเลยกักตุนกระดาษทิชชู่กันจ้าละหวั่น เพราะกลัวว่าจะไม่มีอะไรเช็ดก้น ในอเมริกาถึงกับเป็นเรื่องราวข่าวใหญ่ เมื่อทุกคนกักตุน เลยขาดแคลน ห้างใหญ่ๆ อย่างคอสโกถึงกับต้องให้เข้าห้างทีละ 10 คน บางห้างก็จำกัดสินค้าให้ซื้อ เช่น ทิชชู่คนละหนึ่งแพค ไก่ 1 แพค เนื้อสับ 2 แพคเล็ก ไข่ 2 โหล สินค้าพื้นฐานของฝรั่งหมดเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นทิชชุ่ เจลล้างมือ สเปรย์ทำความสะอาด นม ไก่ ข้าวสารก็หายวับในพริบตาเช่นกัน
เมื่อกลายเป็นของหายาก เลยต้องขโมยกันดื้อๆ ในรัฐนอร์ธแคโรไลน่า เจอรถบรรทุกต้องสงสัยคันหนึ่งเลยเรียกตรวจ พอตำรวจไปดูท้ายรถถึงกับผงะ เพราะในนั้นมีทิชชู่ถึงหมื่นแปดพันม้วนที่ขโมยมาจากห้างที่ไหนสักแห่ง
ท่ามกลางความหวาดหวั่นไวรัสวายร้าย สงครามกระดาษทิชชู่ยังดำเนินต่อไป หลายห้างมีคนต่อคิวรอซื้อทิชชู่ยาวเหยียด ในห้างวอลมาร์ทที่มิสซูรี่ หญิงคนหนึ่งคลอดลูกระหว่างชั้นทิชชู่ ยังดีที่มีเจ้าหน้าที่ทำคลอดเป็น เธอคลอดลูกสาวท่ามกลางชั้นวางทิชชู่นั่นเอง นอกจากทิชชู่แล้ว สินค้าอย่างอื่นก็หมด หญิงคนหนึ่งถึงกับร้องไห้โฮเมื่อเห็นชั้นผ้าอ้อมเด็กว่างเปล่าเพราะตั้งใจจะซื้อผ้าอ้อมให้ลูกเธอ แต่ไม่มีสินค้า
พ่อค้าหัวใสในรัฐอาร์คันซอ เกิดไอเดียบอกรักด้วยช่อดอกทิชชู่ ทำช่อดอกไม้ขนาดใหญ่แต่ทำจากม้วนทิชชู่ เพื่อให้มอบแก่คนรัก แถมบอกว่าตอนนี้ให้ทิชชู่ 12 ม้วนมีค่ากว่ากุหลาบ 12 ดอกเสียอีก
นอกจากอาหารสดแห้ง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด กระดาษทิชชู่แล้ว คนอเมริกันยังยืนต่อแถวซื้อปืน ร้านขายปืนทุกแห่งมีแต่คนรอซื้อปืนและกระสุนปืน อเมริกันเชื้อสายเอเซียกังวลว่าอคติที่มีต่อคนจีนจะทำให้เกิดการทำร้ายร่างกายจึงต้องไปซื้อปืนไว้ป้องกันตัว
ขนาดวิกฤติอย่างนี้ ลุงแซมยังมีแก่ใจตะโกนด่าพญามังกร คิดเหรอว่าอาเฮียสีจะยอมให้ไอ้นกอินทรีหัวล้านด่าข้างเดียว ทั้งสองประเทศเลยยกมือชี้หน้ากันไปมาเรื่องไวรัสวายร้าย
อาเฮียบอกว่าไอ้ไวรัสร้ายนี่น่ะไม่ได้มาจากจีนหรอก แต่มาจากทหารอเมริกันเอาเข้ามาแพร่ในจีน ลุงแซมเลยฉุนขาด เรียกเอกอัครราชทูตจีนมาเตือนว่าจีนกล่าวหาลอยๆ ว่ากองทัพอเมริกันนำไวรัสไปแพร่ในจีน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศด่าซ้ำว่า เพราะลื้อนั่นแหละปิดบังข้อมูล ประเทศไอเลยป้องกันได้ไม่เต็มที่ เดี๋ยวนะ..ดูไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลกันเลย เฮียไมค์ โทษโน่นนี่ไปเรื่อย ไอ้การป้องกันการระบาดของโรคนี่เป็นหน้าที่ของสาธารณสุขของแต่ละชาติไหมน่ะ
ส่วนตาลุงผมเป๋ก็ยืดอกแถลงข่าว ทั้งที่ในโพยเขียนว่า “โคโรน่าไวรัส” แต่ลุงแกอคติจัด เปลี่ยนชื่อไวรัสใหม่เป็นไวรัสจีนซะงั้น เล่นเอานักข่าวลุกประท้วงกันวุ่น และสร้างความไม่พอใจให้ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเซียทั้งประเทศ แน่นอนว่า..จีนย่อมไม่พอใจในการเรียกขานแบบนี้
ดีชั่วอย่าไร ลุงแกก็ยอมเซ็นอนุมัติแพกเกจช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะรับรองสิทธิ์การลาป่วยโดยยังคงได้รับค่าจ้าง (sick leave) แก่ชาวอเมริกันที่เป็นโควิด 19 ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตผ่านการรับรองจากวุฒิสภาด้วยคะแนน 90 ต่อ 8
กฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้ชาวอเมริกันที่อยู่ในข่ายเสี่ยง สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองโคโรนาไวรัสได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ลาป่วยและลาดูแลครอบครัว (family leave) โดยยังได้รับค่าจ้าง และสนับสนุนวงเงินประกันการว่างงานให้แก่ชาวอเมริกันหลายล้านคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี