นาทีนี้ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลยแม้แต่น้อย สถานการณ์ในอเมริกาเต็มไปด้วยความสับสน วุ่นวาย และหวาดกลัว ขณะที่เขียนต้นฉบับคอลัมน์นี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ ยอดคนป่วยสะสมล่อไปเก้าแสนหกหมื่นกว่าราย คาดว่าวันจันทร์คงถึงหลักล้าน
มาดูตัวเลขปลายอาทิตย์ที่สามของเดือนเมษายนกัน ตอนที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์นี่เป็นช่วงเช้าวันอาทิตย์ แต่ละรัฐยังส่งยอดคนป่วยคนตายไม่ครบ งั้นตอนนี้ถือเป็นยอดถึงวันเสาร์ที่ 25 เมษายนก็แล้วกัน
ยอดป่วยสะสมอยู่ที่ 964,075 ราย ตายไป 54,375 ราย แต่ละวันยอดคนป่วยเพิ่มแตะสองหมื่นห้าถึงสามหมื่นราย ตายประมาณสองหันห้าร้อยคน จัดอันดับรัฐที่มีคนป่วยคนตายมากสุดหนึ่งถึงห้าคือ รัฐนิวยอร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐแมสซาจูเซตต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐอิลลินอยส์
ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กและอีกหลายรัฐ เช่น รัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐมิชิแกนและรัฐอิลลินอยส์ออกคำสั่งให้พลเมืองต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหากไม่มีหน้ากากอนามัยก็ต้องใช้ผ้าพันคอคลุมปากก่อนออกจากบ้านเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ เพราะรัฐเหล่านี้ยอดพุ่งทั้งยอดตายและยอดป่วยเพิ่ม โถ..กว่าจะมาออกคำสั่งก็วอดวาย ตายเป็นเบือ
ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อยอดคนป่วยคนตาย ยังไม่วายมีอเมริกันบางกลุ่มแหกปากก่นด่าเรียกร้องให้เปิดเมืองเปิดรัฐทั่วอเมริกา แม้ดร.เฟาซี่ หรือเรียกง่ายๆ ให้เข้าใจสั้นๆ คือหมอคนนี้เทียบได้กับคุณหมอยงในเมืองไทย เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อกมาแถลงข่าวเตือนประชาชนทุกวัน
หมอเฟาชี่ออกมาเตือนให้กระจายการตรวจโควิดเพิ่มทั้งอเมริกาก่อนคิดเปิดรัฐเปิดประเทศ แต่อเมริกันชนก่นด่ายับอ้างเสรีภาพบ้าง อ้างโน่นนี่นั่นสารพัดว่าให้หยุดแพร่ความกลัว เศรษฐกิจย่อยยับไม่รู้หรือไงวะ หมอ เห็นแล้วถึงกับอึ้ง ความเน่าในของอเมริกาลุกลามกัดกินประเทศตัวเองยากเยียวยา
พวกที่ออกมาประท้วงส่วนมากเป็นสาวกทรัมป์และสนับสนุนพรรครีพับลิกัน มีการหยิบยกรัฐธรรมนูญมาอ้างว่าคำสั่งของผุ้ว่าการรัฐที่ปิดรัฐให้ “อยู่บ้านหยุดเชื้อ” เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา แถมตอนมาประท้วง พี่แกลากปืนยาวมาครบมือประกาศศักดาไปทั่ว ในขณะที่ยอดคนป่วยคนตายยังพุ่งสูงไม่หยุดแทบทุกรัฐ บุคลากรทางการแพทย์หลายรัฐออกไปยืนประจัญหน้าคัดค้านพวกที่มาประท้วง เรียกว่าประท้วงในประท้วงน่าจะได้
ท่ามกลางการประท้วงของสองฝ่าย แทนที่ตาลุงผมเป๋จะสงบศึกห้ามปราม ให้เห็นแก่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ กลับสาดน้ำมันในกองเพลิงด้วยการทวิตรัวๆ “ปลดปล่อยรัฐมิชิแกน มินนิโซตา และ เวอร์จิเนีย” ซึ่งล้วนเป็นรัฐของผู้ว่าการสังกัดพรรคเดโมแครต แสดงจุดยืนสนับสนุนพลเมืองในรัฐเหล่านี้ที่กำลังประท้วงต่อต้านคำสั่งหยุดอยู่แต่ในบ้าน
อาทิตย์นี้เองที่ตาลุงผมเป๋สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยการออกมาประกาศว่า สารเคมีฆ่าเชื้อโรค (disinfectant) ฆ่าไวรัสได้ในพริบตาแค่นาทีเดียวเท่านั้นเอง เล่นเอาทั้งโลกแตกตื่นครื้นแครงบรรเลงเพลงด่าตาลุงผมเป๋รัวๆ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างออกมาประณามท่านผู้นำคนฉลาดที่แนะนำให้ฉีดสารเคมีฆ่าเชื้อโรคประเภทสารฟอกขาวเข้าสู่ปอด เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยถึงตาย เล่นเอาบริษัทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยักษ์ใหญ่อย่างไลซอลประกาศปังทันที ว่าห้ามเอาไลซอลมาดื่ม. ฉีด หรือพ่นตามตัวอย่างเด็ดขาด
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของอเมริกาที่ดังๆ มีหลายยี่ห้อ แต่ยอดนิยมจะมีสองยี่ห้อคือคลอร็อคซ์และไลซอล ซึ่งตอนนี้ขาดตลาด เพราะทุกคนซื้อไปทำความสะอาดหรือฉีดพัสดุสิ่งของก่อนนำเข้าบ้าน ไอ้สองยี่ห้อนี้คงเทียบได้กับวิกซอลและเป็ดในเมืองไทยนั่นแหละ เทียบแบบนี้คงพอเห็นภาพคร่าวๆ
เดือดร้อนถึงหมอทั่วโลกต้องออกมาเตือนว่าการดื่มหรือฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านี้ มีอันตรายที่อาจถึงเสียชีวิต อย่าทำตามคำแนะนำของลุงทรัมป์อย่างเด็ดขาด ดร. วิน กุปตา (Dr. Vin Gupta) คัดค้านอย่างหนัก ซ้ำตบท้ายว่าคนที่ฆ่าตัวตายเท่านั้นแหละที่จะใช้น้ำยาพวกนี้ฉีดเข้าร่างกาย
หลายคนคิดว่าคนอเมริกันคงไม่บ้าจี้ทำตามท่านผู้นำหรอก มาดูเคสนี้เลย เมื่อเดือนก่อนนี้เอง ชายชาวแอริโซน่าตายหลังจากกลืนยาคลอโรควินฟอสเฟต (Chloroquine phosphate)โดยเชื่อว่าจะช่วยป้องกันจากการติดเชื้อไวรัสได้ เมียผู้ตายบอกว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาแถลงยานี้ว่าป้องกันโควิด 19 ได้จริง
พอถูกชาวโลกด่าระงม ลุงทรัมป์ก็ออกมาแถสีข้างว่า การแนะนำให้ฉายแสงยูวีหรือฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยโควิด-19 แค่เสียดสีผู้สื่อข่าว ยาสูตรนี้คงชื่อยาทรัมป์ใจสินะ เออ..เอาเข้าไป นี่ลุงพูดไม่คิดเลยนะ หรือมีหัวเอาไว้แค่ให้ผมงอกเท่านั้นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี