ก่อนพูดถึง CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership) หรือ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก เราลองมาอ่านข้อความต่อไปนี้กันก่อน
“ความต้องการที่จะขยายแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์อยู่เรื่อยๆ บังคับให้ชนชั้นนายทุนต้องวิ่งเต้นไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ชนชั้นนี้ต้องไปตั้งหลักแหล่งทั่วทุกแห่ง ไปเปิดกิจการขึ้นทั่วทุกแห่ง และไปสร้างความสัมพันธ์แบบ "โลกาภิวัตน์" ขึ้นทั่วทุกแห่ง .......
“ชนชั้นนี้บีบบังคับให้ประชาชาติทั้งปวง (ถ้าประชาชาติเหล่านั้นไม่ต้องการสูญพันธุ์ ) ใช้แบบวิธีการผลิตของชนชั้นนายทุน ชนชั้นนี้บีบบังคับประชาชาติเหล่านั้นดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่าระบอบอารยธรรมในหมู่พวกเขาเอง ซึ่งก็คือกลายเป็นระบอบนายทุน กล่าวโดยสรุปก็คือ ชนชั้นนี้สร้างโลกของตนขึ้นโลกหนึ่งตามรูปโฉมของตนเอง.....”
ข้อความข้างต้นนี้ เขียนไว้เมื่อเกือบสองร้อยปีที่แล้ว โดยเด็กหนุ่มชาวเยอรมันวัย 27-30 ปี สองคนที่ชื่อ คาร์ล มาร์กซ์ กับ ฟรีดริช เองเกลส์
ทุกวันนี้ สิ่งที่เขียนไว้ ยังคงเป็นความจริงทุกประการ
ปี พ.ศ. 2390 ที่มาร์กซ์ กับ เองเกลส์ เขียนนั้น ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ก่อนหน้านั้น 20 ปี คือ พ.ศ. 2369 อังกฤษได้ส่งนายเฮนรี เบอร์นี มาทำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ฉบับแรกกับสยาม มีเนื้อหาบางส่วนที่สะท้อนถึงความต้องการเข้ามาขยายฐานการค้าของอังกฤษ กล่าวคือ ให้สิทธิพ่อค้าทั้งสองฝ่ายค้าขายตามเมืองต่างๆ ของอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างเสรี และให้สิทธิแก่พ่อค้าในการขอตั้งห้าง เรือนและเช่าที่โรงเรือนเก็บสินค้าในประเทศอีกฝ่ายหนึ่งได้ ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้อังกฤษเข้ามาทำการค้ากับสยามได้สะดวกขึ้น ส่วนพ่อค้าสยามนั้น จะมีสักกี่รายที่สามารถไปค้าขายที่อังกฤษหรือดินแดนในบังคับของอังกฤษ
พ.ศ. 2376 สหรัฐอเมริกาก็ทำสนธิสัญญาฉบับแรกกับสยาม หลังจากที่เรือสินค้าอเมริกันหลายลำเข้ามาค้าขายอยู่ในน่านน้ำสยามแล้วเป็นเวลานาน
อีก 22 ปีต่อมา คือในปี พ.ศ. 2398 สมัยรัชกาลที่ 4 อังกฤษ ได้ใช้นโยบายเรือปืน ส่งเซอร์จอห์น เบาว์ริง เข้ามาทำสนธิสัญญาอีกฉบับ ที่เรียกว่าสนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกภาษีปากเรือ โดยมีภาษีร้อยชักสามเข้ามาแทน กล่าวคือ สยามจะเก็บภาษีสินค้าขาเข้าได้ไม่เกินร้อยละ 3 ส่วนฝิ่นนั้นสามารถนำเข้ามาได้โดยไม่ต้องเสียภาษี สำหรับสินค้าส่งออกให้มีการเก็บภาษีชั้นเดียว โดยเลือกว่าจะเก็บภาษีชั้นใน (จังกอบ ภาษีป่า ภาษีปากเรือ) หรือภาษีส่งออก พ่อค้าอังกฤษได้รับอนุญาตให้ซื้อขายโดยตรงได้กับเอกชนสยาม นอกจากนี้ คนในบังคับอังกฤษยังได้รับสิทธิในการค้าขายอย่างเสรีในเมืองท่าทุกแห่งของสยาม สามารถซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ภายในอาณาเขตสี่ไมล์ (สองร้อยเส้น) แต่ไม่เกินกำลังเรือแจวเดินทางในยี่สิบสี่ชั่วโมงจากกำแพงพระนคร ทั้งสามารถพำนักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครเป็นการถาวร และอยู่ภายใต้อำนาจควบคุมของกงสุลอังกฤษ ไม่ต้องขึ้นศาลสยาม
สนธิสัญญาดังกล่าวฉบับนี้ ทำให้เราสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางศุลกากรและทางตุลาการอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก และเป็นต้นแบบของสนธิสัญญาไม่เสมอภาคที่อีกกว่าสิบชาติมหาอำนาจในยุโรปและสหรัฐอเมริกาใช้ทำกับสยามในเวลาต่อๆ มา
ตลอดสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 เราเสียดินแดนให้อังกฤษและฝรั่งเศสถึง 10 ครั้ง เพื่อแลกกับเอกราชของชาติไว้ ในขณะที่ประเทศรอบบ้านเราถูกสองชาติมหาอำนาจดังกล่าวยึดครองเป็นอาณานิคมอย่างเปิดเผยตามวิถีพัฒนาของระบอบทุนนิยมที่ต้องการยึดครองครอบงำเพื่อสร้างโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามรูปโฉมของมัน
ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การรุกรานและครอบงำของระบอบทุนนิยมเป็นไปในรูปแบบที่ทั้งเปิดเผยและซ่อนเร้น ที่ไหนส่งกองทหารไปยึดครองได้ก็ทำ ที่ไหนทำไม่ได้ก็มาในรูปของการทำสนธิสัญญาเป็นพันธมิตร ภาพเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนทั่วโลกโดยเฉพาะในยุคสงครามเย็น ประเทศไทยเรา แม้ไม่ถูกยึดครองโดยเปิดเผย แต่ฐานทัพอเมริกา และพันธมิตรหัวแดงของเราเต็มบ้านเต็มเมือง
หลังยุคสงครามเย็น ค่ายสังคมนิยมล่มสลายจากการเปลี่ยนแปลงไปของสหภาพโซเวียตและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบอบทุนนิยมยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เพราะแม้ประเทศที่ระบอบการเมืองเป็นแบบสังคมนิยม แต่ระบอบเศรษฐกิจก็รับเอาทุนนิยมเข้ามาอย่างเต็มที่
การขูดรีดในระบอบทุนนิยมไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะทำโดยประเทศที่การเมืองเป็นระบอบประชาธิปไตยชนชั้นนายทุน หรือทำโดยประเทศที่อ้างตนเป็นสังคมนิยม แต่ใช้ระบอบทุนนิยมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เพราะธาตุแท้ของเศรษฐกิจในระบอบทุนนิยมแต่ไหนแต่ไรมาก็คือ เบียดขับ กลืนกิน ผูกขาด ครอบงำ และสร้างโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามรูปโฉมของมัน ให้โลกทั้งโลกยอมรับอารยธรรม เทคโนโลยี และกติกาของมัน ภายใต้เสื้อคลุมของอารยธรรม ความช่วยเหลือ และความร่วมมือที่ระบอบทุนนิยมเร่ขายอยู่ในปัจจุบัน
CPTPP หรือ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ก็คือสิ่งนี้
รายละเอียดเนื้อหาและอันตรายของมัน วันนี้คงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะมีหลายองค์กร หลายบุคลากรที่ห่วงใยชาติบ้านเมืองออกมาอธิบาย ท้วงทิ้งและเปิดโปง จนรัฐมนตรีพาณิชย์ต้องตัดสินใจชลอการนำเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ครม. เมื่อวานนี้
แต่กระนั้นก็อย่าเพิ่งไว้วางใจ เพราะเรื่องนี้ รัฐมนตรีที่คุมนโยบายการเงินการคลังและเศรษฐกิจของชาติ รวมทั้งนักการเมืองและนายทุนอีกจำนวนหนึ่งพยายามผลักดันมาโดยตลอด
โชคดีที่มีองค์กรและบุคลากรที่ห่วงใยประเทศชาติคะคานไว้
ที่อยากจะพูดถึง ณ ที่นี้ คือนอกจากอันตรายของการเข้าร่วม CPTPP เฉพาะในด้านเกษตรกรรม ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เกษตรกรของเราต้องเป็นข้าทาสเขาตลอดไป ไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ของตน เพราะต่างชาตินำพืชพันธุ์ของเรา ซึ่งควรจะเป็นสมบัติจากธรรมชาติที่มนุษย์สามารถใช้ร่วมกัน ไปต่อยอดพัฒนาแล้วจดทะเบียนเป็นนวัตกรรมของเขาแล้ว
ทุกวันนี้ แม้ไม่มี CPTPP เกษตรกรของเราส่วนใหญ่ ก็ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดการขายเมล็ดพันธุ์ทุกครั้งที่ลงมือเพาะปลูก เนื่องจากเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นถูกนายทุนผูกขาดใช้ความเจริญทางเทคโนโลยีทำให้เป็นหมัน ปลูกแล้วไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูกาลเพาะปลูกต่อไปได้ ถ้าจะปลูกใหม่ก็ต้องเอาเงินไปซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นอีก
ความจริงข้อนี้ ดำรงอยู่มาหลายปีดีดัก โดยไม่มีใครพูดถึง และดูเหมือนจะยอมรับกัน ซึ่งความจริงยอมรับไม่ได้ เพราะนี่คืออาชญากรรม
เป็นการทำลายผลประโยชน์ที่ธรรมชาติมอบให้มวลมนุษยชาติไว้ใช้ร่วมกันมาแต่ไหนแต่ไร ใครที่มันบังอาจใช้ความได้เปรียบทางวิทยาการมาทำหมันเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรต้องพึ่งเมล็ดพันธุ์ที่มันผลิตมาขาย มันผู้นั้นคืออาชญกรที่ทำร้ายธรรมชาติ คืออาชญกรของมนุษยชาติทั้งมวล
คุณจะไม่เศร้าและสะเทือนใจหรือ ที่แม้แต่ม้งที่อยู่บนยอดดอยสูง ห่างไกลจากสังคมเมือง ต้องตะเกียกตะกายลงจากยอดภู บางครั้งต้องนั่งรถข้ามจังหวัดเพื่อไปหาซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกกิน เพราะพืชผักที่ตนปลูกนั้น ถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ทำให้เป็นหมัน ไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อได้
คุณจะนิ่งดูดาย ไม่คิดต่อสู้ เพื่อให้สมบัติจากธรรมชาติกลับคืนมาเป็นสมบัติร่วมกันของมวลมนุษย์หรือ
ทุกวันนี้ เท่าที่ทราบ ยังพอมีเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา บางแห่ง เก็บเมล็ดพันธุ์ของตนเอาไว้ แม้จะมีไม่มากก็ตาม โดยไม่ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ถูกทำหมันจากตลาด
ผู้ปกครองท้องถิ่น ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด เกษตรจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน น่าจะร่วมมือกัน สำรวจ พัฒนา และขยายการเก็บเมล็ดพันธุ์ตามธรรมชาติที่ว่านี้ออกไปให้กว้างขวางที่สุด มั่นคงที่สุด เพื่อที่เกษตรกรจะได้พึ่งตนเองได้ ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างนายทุนอีกต่อไป
วันนี้ นอกจากต้องปฏิเสธ CPTPP แล้ว ยังต้องเอาเมล็ดพันธุ์ธรรมชาติกลับคืนมาเป็นสมบัติร่วมกันของมวลมนุษย์อีกด้วย
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
เมษายน 2563
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี