อาทิตย์ก่อน ตาลุงผมเป๋สร้างความตะลึงไปทั้งโลก ตอนออกมาประกาศว่า สารเคมีฆ่าเชื้อโรค (disinfectant) ฆ่าไวรัสได้ในพริบตาแค่นาทีเดียวเท่านั้นเอง เล่นเอาทั้งโลกแตกตื่นครื้นแครงบรรเลงเพลงด่าตาลุงผมเป๋รัวๆ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ต่างออกมาประณามท่านผู้นำคนฉลาดที่แนะนำให้ฉีดสารเคมีฆ่าเชื้อโรคประเภทสารฟอกขาวเข้าสู่ปอด เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยถึงตาย เล่นเอาบริษัทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยักษ์ใหญ่อย่างไลซอลประกาศปังทันที ว่าห้ามเอาไลซอลมาดื่ม. ฉีด หรือพ่นตามตัวอย่างเด็ดขาด
ต่อมาลุงก็แก้เก้อว่าที่พูดแบบนี้ต้องการประชดนักข่าวเฉยๆ เอ๊ะ..ตำแหน่งประธานาธิบดีนี่ลุงจับฉลากมารึไงวะ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ผลสำรวจรอยเตอร์/อิปซอส พบชาวอเมริกัน ‘เกินครึ่ง’ หมดความเชื่อถือในคำพูดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับวิธีรับมือโควิด และเกือบจะ 100% รับไม่ได้ที่ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาแนะนำให้ฉีด ‘สารฟอกขาว’ หรือ ‘น้ำยาฆ่าเชื้อ’ เข้าสู่ร่างกายเพื่อกำจัดไวรัส
สายด่วนรายงานเหตุฉุกเฉินของรัฐแมริแลนด์ได้รับสายจากประชาชนหลายร้อยคน เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องที่ลุงทรัมป์บอกให้ฉีดยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา ต้องอธิบายกันสายแทบไหม้ว่า “อย่าทำ” กระนั้นก็ยังมีคนที่คิดว่า “เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย” ชายสองคนในรัฐจอร์เจียดื่มน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ด้วยความเชื่อว่าป้องกันโควิดได้ ทั้งคู่ถูกหามส่งรพ. ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว
ตอนที่เขียนต้นฉบับคอลัมน์นี้ ยอดคนป่วยและคนตายก็ยังไม่มีวี่แววจะลดน้อยถอยลงเลย ยอดคนป่วยพุ่งไปหนึ่งล้านสองแสนกว่าราย ส่วนยอดตายนั้นแตะเจ็ดหมื่น กลายเป็นประเด็นฮือฮาว่า ยอดคนตายเพราะโควิดนั้นสูงกว่าคนตายยุคสงครามเวียตนามเสียอีก แต่ละวันอเมริกันล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ที่น่าหนักใจคือทั้งที่สถานการณ์ทั้งประเทศยังไม่ดีขึ้น แต่หลายรัฐคลายการล็อคดาวน์ คาดว่าเป็นไปตามนโยบายของตาลุงผมเป๋นั่นเอง
รัฐที่มีการแพร่ระบาดหนักอย่างนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และอิลลินอยส์ ออกคำสั่งให้ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเวลาที่ออกมานอกบ้าน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องรณรงค์กันอย่างจริงจัง เพราะต้องปรับทัศนคติของอเมริกันให้ได้ว่า “คือสิ่งจำเป็น” แต่ดูแล้วก็น่าหนักใจ เพราะหัวขบวนอย่างทรัมป์เองก็ไม่คิดจะใส่หน้ากากให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่พลเมือง นักข่าวจี้ถามเท่าไหร่ ลุงแกก็ยังมั่นหน้าไม่ยอมใส่อยู่นั่นเอง
ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็ปรากฎ เมื่อรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ไปเยี่ยมโรงพยาบาลเมโยคลินิก ทุกคนสวมหน้ากากกันหมด ยกเว้นท่านรองประธานาธิบดี สุดท้ายเลยโดนเจ้าหน้าที่การแพทย์ด่าว่าเพนซ์ดูถูกการทำงานหนักและเสียสละของเจ้าหน้าที่การแพทย์ทุกคน ถึงขั้นออกมาขอโทษขอโพยเป็นเรื่องเป็นราว
ในเมื่อหัวขบวนเป็นเสียอย่างนี้ คงพอเดาออกว่าสาวกจะทำตัวยังไง แม้หลายรัฐ หลายเมือง และหลายห้างร้านขนาดใหญ่ ออกกฎว่าทุกคนต้องใส่หน้ากากในที่สาธารณะ หรือหากจะเข้ามาใช้บริการซื้อสินค้าข้าวของในห้างก็ต้องใส่หน้ากาก แต่อเมริกันนั้นไม่พอใจอย่างหนักกับคำสั่งนี้ แน่นอนว่า..อ้างเสรีภาพอีกตามเคย
ไม่ต้องดูอื่นดูไกล เมืองที่ผู้เขียนอยู่ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐอินเดียน่า มีคนป่วยและตายสูงมาก แต่ยังไม่หนักขนาดนิวยอร์ก ล่าสุดนายกเทศมนตรีเมืองนี้ออกคำสั่งใส่หน้ากากทุกครั้งที่ไปสถานที่สาธารณะ ห้างร้านหลายแห่งบังคับลูกค้าและพนักงานใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
เพจข่าวท้องถิ่นถามว่าหลายห้างให้ลูกค้าใส่หน้ากาก แล้วพวกคุณจะใส่ไหม อ่านความเห็นแล้วปวดหัว เช่น ให้ตายก็ไม่ใส่ เพราะไม่ได้ป่วย อีกคนบอก ไม่ใส่ พวกที่ใส่ดูโง่ทุกคน ความขัดแย้งเรื่องหน้ากากมาจากความแตกต่างของวัฒนธรรมแบบเอเชียกับโลกตะวันตกที่มองว่า “หน้ากากจะสวมต่อเมื่อป่วยเท่านั้น”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นายกเทศมนตรีโอกลาโฮม่าซิตี้ รัฐโอกลาโฮม่าออกคำสั่งให้ทุกคนใส่หน้ากากเวลาไปร้านค้าหรือร้านอาหาร รวมทั้งให้ลูกจ้างพนักงานใส่หน้ากาก แต่พนักงานห้างกลับโดนทำร้ายและข่มขู่ สุดท้ายต้องยกเลิกคำสั่ง
ล่าสุดเหตุเกิดในรัฐมิชิแกน ซึ่งหลายคนคงจำได้ว่ามีการประท้วงการ“อยู่บ้านหยุดเชื้อ” โดยลากปืนยาวออกมาประท้วงกันครึกโครม แต่ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนก็ยังยืนยันให้ปิดทุกอย่างล็อคดาวน์ทุกสิ่ง ลากยาวไปถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางเสียงด่าทอโวยวายไม่พอใจของกลุ่มประท้วง มิชิแกนมียอดคนป่วยคนตายสูงในลำดับต้นๆ และผู้ว่าการรัฐออกคำสั่งให้ทุกคนใส่หน้ากาก ปรากฎว่าเมื่อวานยามร้านแฟมิลี่ดอลลาร์ถูกยิงตาย เพราะไม่อนญาตให้คนที่ไม่ใส่หน้ากากเข้าร้าน ลูกค้าหัวร้อนเลยยิงยามดับ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวยาม
หนักหนาสาหัสกว่านั้นคือ การปนเปื้อนในกระบวนการผลิตอาหาร คนงาน 900 คนหรือเกือบครึ่งโรงงานไก่ไทสันในรัฐอินเดียน่าติดไวรัส จึงต้องปิดทำความสะอาดอย่างจ้าละหวั่น ส่งผลให้อาหารขาดแคลนทันที อย่างไก่ หมู หรือเนื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องจำกัดการซื้อว่าให้ซื้อได้เพียงสองแพคเล็กต่อคน
ขณะที่ลุงทรัมป์โวยวายให้เปิดโรงงานเพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาด บางชุมชนที่โรงงานไทสันตั้งอยู่ก็ไม่แคร์การฟาดงวงฟาดงาของลุง เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของคนเป็นหลัก เช่น ผู้นำชุมชนที่ตั้งโรงงานไทสันในรัฐไอโอว่าบอกว่าจะไม่เปิดโรงงาน จนกว่าจะทำความสะอาดจัดการปัญหาคนงานก่อน ไม่งั้นมีหวังตายยกประเทศแน่ เพราะไทสันเป็นโรงงานผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปอันดับต้นในอเมริกา
นอกจากอเมริกันไม่ยอมใส่หน้ากากแล้ว พลเมืองบางรัฐไม่แยแสคำสั่งผู้ว่าการรัฐ เช่น ร้านอาหารบางร้านเมินคำสั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดร้านให้ลูกค้าดื่มกินตามสบาย ไม่หวั่นโควิด แม้สถานการณ์ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่หลายรัฐก็คลายมาตรการล็อคดาวน์ท่ามกลางเสียงคัดค้านของบุคลากรการแพทย์
ชายหาดในฟลอริด้าเปิด ฝรั่งแห่ไปกันแสนเจ็ด ทั้งที่ยอดป่วยยอดตายสูงมาก สุดท้ายมีคนแต่งเป็นยมทูตไปประท้วงพวกที่แห่ไปเล่นน้ำ บางเมืองเปิดคอมเพลกมอลล์ขนาดใหญ่ เรียกว่าเปิดเมืองเปิดรัฐท้าทายโควิดกันเลย
ในขณะที่ศพกองพะเนินเทินทึก เผาไม่ไหว ฝังไม่ทัน ตายกันเป็นเบือ ภาพตัดมาที่รัฐนิวยอร์ก อันเป็นแหล่งใหญ่ระบาดในอเมริกา มีการแจ้งว่าเหม็นกลิ่นศพเน่าจนทนไม่ไหว ตำรวจเลยไปสอบสวน เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุถึงกับผงะ เมื่อพบว่า ศพเน่าเฟะนับร้อยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วในรถบรรทุกและรถตู้ที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าสถานประกอบพิธีศพแห่งหนึ่งเขตบรู๊คลิน รัฐนิวยอร์ก
สรุปสั้นๆคือ ตายจนไม่สามารถจจัดการกับศพได้ทัน พอดีตู้เย็นในรถเก็บศพดันเสีย ผลคือศพเน่าสงกลิ่นตลบเมืองดังที่เป็นข่าว
ในขณะที่ทรัมป์ทะเลาะตบตีกับจีนและองค์การอนามัยโลก ทางการสหรัฐก็สั่งทั้งโลงและถุงใส่ศพเพิ่มหลักแสน ที่หลอนกว่านั้นคือเอกสารหลุดของรัฐบาล ที่คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 คนต่อวัน อย่างช้าในวันที่ 1 มิถุนายน และตัวเลขคนตายจะเพิ่มเป็น 3,000 คนต่อวัน ตอนนี้พบคนป่วยใหม่วันละสามหมื่นคน และตายประมาณพันห้าร้อยถึงสองพันคน ไม่อยากจะคิดว่าหากไม่ใส่หน้ากากแล้วเปิดเมืองเปิดรัฐ จะเป็นอย่างไร คงไม่เฉพาะแต่ในนิวยอร์กที่กลิ่นศพจะอบอวล แต่คงส่งกลิ่นตลบทุกเมืองทุกรัฐแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี