อาจเพราะความเครียดจากการระบาดของโควิด - 19 ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเผชิญความยากลำบากในการดำรงชีวิต ต้องเจอปัญหาปากท้อง การดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป การเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้คนส่วนหนึ่งขาดการใช้เหตุใช้ผล ใช้ความคิด ใช้สติปัญญา
เมื่อเกิดโรคระบาดทั่วโลก เราเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถสู้กับการระบาดของไวรัสได้เป็นอย่างดี (มองในด้านสาธารณสุข) เราคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยกว่า 3 แสนคน มีผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายนี้ 6-7 พันคน ตอนนั้นเราต่างวิตกวิจารณ์กันว่า จะหาสถานพยาบาลที่ไหนรองรับ จะมีแพทย์ มีพยาบาลที่ไหนมาสู้รบปรบมือ
เอาเข้าจริงๆมีผู้ป่วย 3 พันกว่าราย และมีผู้เสียชีวิต 58 ราย
เราได้รับการยกย่องจากประเทศอื่นๆว่า แก้ปัญหาได้ดี
เราเชื่อว่า ประเทศจะเอาชนะโรคร้ายนี้ได้
มีคนถามว่า ชนะอะไร ?
ต้องอธิบายว่า ชนะที่เอ็งยังมีชีวิตอยู่นี่ไง มีชีวิตให้เห่าหอน ให้ดูถูกเหยียดหยามประเทศอยู่นี่ยังไง
พอมีผู้ป่วยน้อย มันก็บอกว่า ตรวจน้อยก็เจอน้อย
ครั้นถามว่า แล้วไหนล่ะคนที่ติดเชื้อโควิด - 19 ที่ไม่ได้ตรวจ ไหนล่ะคนเจ็บ ไหนล่ะคนตาย
เรื่องอย่างนี้มันปิดบังกันไม่ได้
ครั้นเห็นตัวเลขคนติดเชื้อน้อย คนตายน้อย มันบอกว่า รัฐบาลเอาโควิด-19 มาเป็นข้ออ้างในการใช้ พรก. ฉุกเฉินรัฐบาลกลัวการชุมนุมของประชาชน รัฐบาลนี้เป็นเผด็จการทหาร กลัวฝ่ายประชาธิปไตย
พวกเขาเรียกร้องให้เปิดประเทศตั้งแต่ 2-3 เดือนที่แล้ว รัฐบาลไม่ตอบสนอง เพียงแต่ใช้วิธีปลดล็อคเรื่อยๆ ให้ร้านค้าพาณิชย์เปิดได้ สถานที่สุ่มเสี่ยงเปิดทำการได้เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนั้นก็เตือนประชาชนให้ระมัดระวัง การ์ดอย่าตก !
2-3 วันเกิดเหตุลูกเรือเครื่องบินทหารอียิปต์จำนวนหนึ่งเข้ามาที่อู่ตะเภา เข้าระยอง และลูกหลานทูต ประเทศซูดาน เข้าประเทศ
นัยว่า 2 กรณีนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19
เท่านั้นแหละครับไม่ต้องสืบสาวราวเรื่องให้กระจ่างชัดว่า ความเป็นมาอย่างไร ไม่ฟังเหตุฟังผลกันล่ะ
เมื่อเป็นทหารอียิปต์เข้ามา ก็ต้องด่า ผบ. ทบ. ประเทศไทย ด่านายกรัฐมนตรีประเทศไทย (เพราะเป็นทหารยศพลเอก) ด่านายกรัฐมนตรีที่เป็นทหาร พลเอกอีกเหมือนกัน
วานนี้ (14 กรกฎาคม) พล.อ.ท. พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย รองเสนาธิการกองทัพอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีกองทัพอากาศเปิดน่านฟ้าให้อากาศยานทหารประเทศอียิปต์เข้ามายังประเทศไทย ว่า ต้องเข้าใจระบบขั้นตอน โดยสถานทูตของประเทศนั้นๆ จะติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าเป็นเครื่องบินทหาร ก็จะประสานมายังกองทัพอากาศพิจารณาว่ามีความขัดแย้งเรื่องความมั่นคงหรือไม่ หลังกองทัพอากาศตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคงและเคยมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงตอบกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศว่าไม่ขัดข้อง ถือเป็นการทำหน้าที่ตามปกติของกองทัพอากาศที่ต้องพิจารณาในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ
กองทัพอากาศได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิจารณาในกรณีที่เป็นเครื่องบินทหาร ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และเมื่อเครื่องมาลงในพื้นที่แล้ว ทุกอย่างต้องเข้าสู่มาตรการที่ได้กำหนดไว้ โดยกองทัพอากาศมีอำนาจพิจารณาอยู่ในขอบเขตที่จำกัด
นั่นคือที่มาของเครื่องบินทหารอียิปต์
มาแล้วก็จะไม่ให้ตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก็ไม่ยอม ติดต่อสถานทูตอียิปต์ จนกระทั่งตรวจพบว่ามีผู้ติดเชื้อ ก็ขอให้เขากักบริเวณ
แต่เขาทะลึ่งออกมาเดินห้าง ! โดยที่เรามารู้ทีหลัง และก็ตามแก้ปัญหากันอยู่
กรณีลูกหลานทูตซูดาน นั่นก็เหมือนกัน ตรวจแล้ว พบแล้วที่สนามบิน และให้เขากักตัวแล้วที่สถานทูตซูดาน
ใครจะไปคิดว่าญาติพี่น้องจะพามานอนคอนโด
นึกว่าเขาจะเข้าใจกติกา มารยาท
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ คุณหมอ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ซึ่งเป็นโฆษกของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งไม่มีอำนาจอะไรเลย นอกจากมาทำหน้าที่ชี้แจงว่าในแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อเท่าไร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลเท่าไร หายแล้วกี่คน เท่านั้นเอง
เผด็จการ นี่ก็มีหลายรูปแบบนะครับ มีตั้งแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ พัฒนามาจนกระทั่งด่าพ่อล่อแม่ได้สนุกปาก
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี