ขณะนี้รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ระหว่างเฟ้นหาตัวรัฐมนตรีใหม่ จำนวน 6 คนที่ลาออกไป การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่ จะปรับเพียง 6 ตำแหน่งที่ลาออกไป หรือจะต้องปรับนอกเหนือไปจากตำแหน่งที่ว่าง เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายจับตามอง
ไม่ได้มองว่าจะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของชาติบ้านเมืองหรอกครับ เอาใครไปอยู่ตำแหน่งไหน อย่างไรก็เหมือนกันทั้งนั้น คือ ถูลู่ถูกังกันไป
เพราะ พลเอก ประยุทธ์เลือกที่จะให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้
ตอนที่ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พลเอกประยุทธ์บอกว่า ขอเวลาอีกไม่นาน จะคืนความสุขให้กับประชาชนคนไทย หลังจากนั้น ก็ตั้งคำถามกับประชาชนว่า ถ้าเลือกตั้งมาแล้ว ได้นักการเมืองเลวมาจะทำอย่างไร ?
คำถามของพลเอกประยุทธ์ในตอนนั้น ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า อย่างไรเสีย ก็จะต้องมีการปฏิรูปในหลายๆด้าน เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง. เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญมีการเลือกตั้ง เราจะได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ พรรคการเมืองทั้งหลายจะได้ปรับสภาพพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นที่รวมของนักการเมืองที่มีความคิดความอ่าน เสียสละ เพื่อประเทศชาติ ประชาชน
แต่เปล่า พลเอกประยุทธไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรในการปฏิรูปประเทศแม้แต่น้อย ท่านไปให้ความสำคัญกับโครงการใหญ่ ๆ ลงทุนสูงๆต่อเนื่อง เป็นต้นรถไฟความเร็วสูง เขตอุตสาหกรรม สนองความต้องการของบรรดานายทุนใหญ่ๆ แทนการปฏิรูปตำรวจ ก็ไปให้อำนาจ นายตำรวจระดับพลตำรวจโทใหญ่คับประเทศ เป็นต้น
แต่พอรัฐธรรมนูญเสร็จ จะต้องมีการเลือกตั้ง อย่างเลี่ยงไม่ได้ ท่านก็ไปคบหาสมาคมกับนักการเมืองที่ท่านเป็นห่วงว่า ประชาชนเลือกมาแล้วจะเป็นอย่างไร เสียเอง แล้วก็มีมือใหม่หัดขับ ที่เรียกกันว่า 4 กุมารออกมาตั้งพรรค ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่า เพื่อสนับสนุนให้ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
คนที่เตรียมการจริงๆสำหรับการเลือกตั้งหลังรัฐธรรมนูญกลับเป็น ทักษิณ ชินวัตร ทั้งๆที่ตุหรัดตุเหร่หนีคุกอยู่ต่างประเทศ ยังเอารัฐธรรมนูญมากางดูจะเอาชนะอย่างไร ต้องแยกพรรค แยกส่งผู้สมัครระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อ
รวมทั้งส่งชื่อใครเป็นแคนดิเดท นายกรัฐมนตรี
ดีว่าแผนชั่วของทักษิณไม่ประสบความสำเร็จก่อนเลือกตั้งหรอก ไม่อย่างนั้น ?
เพราะการไม่ปฏิรูปการเมือง ไม่ปัดกวาดบ้านเรือน การเมืองก็เข้ารูปเดิม นักการเมืองเลวๆที่พลเอกประยุทธ์ เคยวิตกกังวลนั่นเองแหละ ที่พลเอกประยุทธ์ต้องอาศัยมือของมัน ยกให้ หรือสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
และก็ต้องตอบแทนมันด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี
ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องให้โควต้ามันไว้ให้มันเอาใครมาเป็นก็ได้
นี่คือคำว่า ก็ถูลู่ถูกังกันไปอย่างที่พูดเอาไว้
จะไปได้นานแค่ไหน ?
นาน หรือไม่นาน ไม่ใช่ปัญหาแล้วตอนนี้
พรรคการเมืองหลักที่ตั้งขึ้นมาสนับสนุน แม้ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค(หัวหน้าพรรคเลขาธิการพรรค) ลาออก สมาชิกคนอื่นๆก็ยังอยู่ปกติ เหมือนกลุ่มการเมืองแห่งซอยราชครูเลยตั้งพรรคชาติไทย หลัง 14 ตุลาคม 2516 แต่เมื่อเปลี่ยนคนออกสตางค์เยอะมาเป็น นายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติไทยก็เปลี่ยนจากซอยราชครูมาอยู่สุพรรณบุรีได้
ไม่ไหวจริงๆ ก็ยุบสภา เลือกตั้งกันใหม่
ถูลู่ถูกังกันใหม่
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี