ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดจัดหนักของโควิด อยู่ๆประเทศที่ชาวโลกยกย่องว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้วก็กระชากหน้ากากเดินแก้ผ้าโทงๆ ให้ชาวโลกเห็นตับไตไส้พุงซะงั้น ตอนที่โควิดระบาดหนักในยุโรปชาวโลกนึกชมเยอรมันว่ารับมือกับโควิดได้ดีกว่าชาติอื่นๆ แต่วันนี้คนเยอรมันหลายพันคนประท้วงการบังคับใส่หน้ากากโดยอ้างสิทธิเสรีภาพ ที่คิดถึงแต่เสรีภาพตัวเองแต่ไม่ยักคิดถึงเสรีภาพในการป้องกันโรคของคนอื่น
นอกจากเยอรมันแล้ว ยังมีอังกฤษที่ออกมาประท้วงเรื่องนี้ส่วนอเมริกาไม่ต้องพูดถึง ขนาดบังคับให้ใส่ ยังไม่ยอมใส่กันง่ายๆอ้างโน่นนี่เสรีภาพสารพัด แถมทำหน้าโอหังว่า กะแค่ไข้เท่านั้นเป็นได้ก็หายได้ ตอนนี้ป่วยสะสมหกล้านกว่าเข้าไปแล้วมั่นใจว่าคงถึงสิบล้านก่อนปลายปีนี้แน่ๆ ผู้เขียนคุยกับเพื่อนที่เป็นพยาบาลในแอตแลนต้าทุกวันเธอต้องใส่ชุดป้องกันแน่นหนา พร้อมหน้ากากเอ็น 75 แสนอึดอัดแต่จะไม่ป้องกันก็กลัว เพราะคนอเมริกันไม่ยอมป้องกันตัวเองเธอเล่าว่าแม้จะหายจากโควิด แต่สภาพปอดจะไม่สามารถทำงานเต็มร้อย ที่สำคัญคนที่เคยเป็นแล้วก็กลับมาเป็นอีกได้
ทั้งๆ ที่โควิดระบาดจนป่วยกันถึงหกล้านนี่แหละอเมริกาก็ยังมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง จากกรณีตำรวจใช้เข่ากดคอชาวผิวดำ จอร์จ ฟลอยด์ แล้วลุกลามกลายมาเป็นการประท้วงในวงกว้างยังมีการประท้วงในหลายเมือง ยังไม่ทันไรอาทิตย์นี้เกิดเหตุการณ์คล้ายกันขึ้นอีกแล้ว และในโซนที่เรียกว่า“มิดเวสต์” เหมือนกันเสียด้วย แต่หนนี้เกิดที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซินคนที่ติดต่ามข่าวสารการเมืองอเมริกา อาจจะเคยได้ดูคลิปซึ่งเป็นคลิปที่ดูแล้วเย็นวาบไปทั้งตัว ในคลิปตำรวจระดมยิงจาค็อบ เบลควัย 29 ปี ชายผิวดำรัวๆ ถึง 7 นัดจากด้านหลัง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าลูก 3 คนที่นั่งอยู่ภายในรถยนต์ของตนเอง ทั้งที่จาค็อบไม่ได้เป็นผู้ร้ายแต่อย่างใด หากแต่จอดรถลงไปห้ามการทะเลาะวิวาทระหว่างหญิงสองรายในเวลานั้น ในคลิปที่ถูกโพสต์บนโลกออนไลน์ จะเห็นว่าเบลคเดินตัดหน้ารถเอสยูวีของตน ไปยังบริเวณประตูด้านคนขับมีตำรวจหลายนายใช้ปืนจี้เดินตามมาติดๆ พลางตะคอกใส่ทันทีที่เบลคเปิดประตู และเอียงตัวเข้าไปภายในตำรวจนายหนึ่งก็คว้าเสื้อของเบลคจากด้านหลัง แล้วรัวปืนใส่ไม่ยั้งท่ามกลางการเต้นเร่าร้องกริ๊ดของหญิงที่เห็นเหตุการณ์และเสียงกรีดร้องของลูกๆ ในรถภาพที่ปรากฎในคลิป
ทำให้คนผิวดำในเมืองเคโนชาลุกฮือประท้วงจุดไฟเผา ทุบกระจก และปะทะกับเจ้าหน้าที่ในชุดปราบจลาจลทำให้ต้องประกาศเคอร์ฟิวและระดมพลกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (NationalGuard) เข้าควบคุมสถานการณ์นักเคลื่อนไหวกลุ่ม "แบล็ก ไลฟ์ แมตเทอร์" เรียกร้องให้จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการยิงเบลคทันที ซึ่งขณะนี้ตำรวจกลุ่มนี้ถูกพักงานชั่วคราวแต่เหตุการณ์กลับลุกลามใหญ่โต เพราะบรรดาผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจปราบจราจลมีการจุดไฟเผาห้างร้านและสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งรถหลายคันตำรวจยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยางและระเบิดควันเพื่อสลายฝูงชนที่เพิ่มจำนวนขึ้นนับพันกว่าคนที่พีคมากคือ ท่ามกลางระเบิดควัน แก๊สน้ำตา และกระสุนยางมีคนผิวขาวจากรัฐอื่นเข้ามาแทรกซึม ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นในคืนที่สาม มีกลุ่มติดอาวุธปืนไรเฟิล เรียกตัวเองว่า “เคโนชา การ์ด”แต่งตั้งตนเองเป็นกองกำลังคุ้มครองท้องถิ่น โดยไม่มีใครขอร้องออกมายืนก๋าตามสถานที่ต่างๆ โดยอ้างว่ามารักษาความปลอดภัยซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ตำรวจหรือทหาร
สุดท้ายชายคนหนึ่งในกลุ่มนี้ยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงจนมีคนตายไปสองคนและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง สุดท้ายก็มีคลิปแฉโฉมหน้ามือปืน น่าตกใจมากที่มือปืนรายนี้อายุแค่17 ปี และที่โหดกว่านั้นคือ หมอนี่ไม่ได้เป็นชาวเมืองเคโนชาแต่อย่างใด หากแต่อยู่อีกรัฐอิลลินอยส์ ที่อยู่ห่างจากเมืองเกิดเหตุการที่ลากปืนไรเฟิลเข้ามาในเมืองเคโนชา คือต้องการมายิงคนเพื่อความสะใจเท่านั้นเอง พอยิงเสร็จก็หนีกลับรัฐตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นการจับกุมไปได้คาดว่าวัยรุ่นรายนี้เป็นสมาชิกของกลุ่ม “คลั่งขาว” อันเป็นกลุ่มก๊วนเดียวกับคูคลักแคลนซ์ที่เกลียดชังคนผิวดำและคนสีผิวอื่น การประท้วงเรื่องการเหยียดผิวและเลือกปฎิบัติยังกระจายไปในหลายรัฐ ตั้งแต่เดือนก่อนที่ประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ อาทิตย์นี้ยังประท้วงและปะทะกันต่อกับตำรวจในเมืองพอร์ตแลนด์รัฐออริกอน และที่เมืองลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี เพิ่งอ่านผ่านตาว่าอดีตนักข่าวสายแดงคนหนึ่งที่ลี้ภัยมาอยู่อเมริกาคุยฟุ้งว่า ประเทศอเมริกาเป็นที่มีความเท่าเทียมและเป็นประชาธิปไตยแล้วอยากหัวเราะ สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เรียกว่า “ความเท่าเทียม” และประชาธิปไตยที่ฝันถึงละหรือวันก่อนม็อบมุ้งมิ้งที่นำโดยไผ่ ดาวดิน แห่ไปโรงพักสำราญราษฎร์ ตำรวจที่ไปทำหน้าที่ล้วนเป็นตำรวจผู้น้อยทั้งสิ้น แต่ผู้ชุมนุมใช้กำลังดันแผงเหล็กใส่ตำรวจ แล้วสาดสีน้ำเงินใส่ โดยอ้างว่านี่คือศิลปะ
ก่อนหน้านั้นมีคลิปปรากฎในภาพข่าวว่าเวลาตำรวจจะไปจับตัวแกนนำม็อบมุ้งมิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเพนกวิน ไมค์ระยอง หรืออานนท์ นำภา ตำรวจจะอ่านหมายจับอย่างสุภาพแล้วใช้คำว่า “ขออนุญาตนำตัวไปโรงพักนะครับ” สุภาพขนาดนี้ยังโดนก่นด่าเสียหายแถมแกนนำบางคนก็เปรี้ยวตีน ถึงขั้นเผาหมายเรียกหมายจับต่อหน้าตำรวจบางคนก็พูดใส่หน้าว่า ตำรวจไม่มีสิทธิจับตนโดยอ้างหลักการโน่นนี่นั่นต่างๆ นานาดูแล้วอยากให้ไปทำตัวเปรี้ยวตีนกับตำรวจในประเทศเสรีประชาธิปไตยอย่างอเมริกาบ้าง เผื่อจะตระหนักสำนึกว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่รัฐบาลที่พล่ามกล่าวหาว่า เผด็จการนั้นไม่ใช้กำลังกับตนอย่างป่าเถื่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี