สถานการณ์ในอเมริกายังน่าปวดหัว โควิด 19 ยังไม่บรรเทาเบาบาง ยอดป่วยยอดตายยังสูงลิ่ว ยืนหนึ่งมาหลายเดือนสมเป็นเจ้าโรค อาทิตย์นี้พุ่งไปหกล้านกว่า แถมด้วยไฟป่าที่ไหม้โหมอย่างหนักในแคลิฟอร์เนีย
เพื่อนคนไทยหลายคนในรัฐนั้น เก็บข้าวของเตรียมย้ายออกจากบ้านได้ทุกเมื่อ เพราะไม่แน่ใจว่าไฟจะลามมาถึงบ้านตัวเองไหม ลำพังโควิดก็สาหัสอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอไฟป่าอีก แถมอากาศร้อนจัดอย่างชนิดที่เรียกว่าร้อนบรรลัยโลก โดยเฉพาะซานฟรานซิสโก เมืองริมมหาสมุทร ที่ขึ้นชื่อว่าอากาศดีตลอดปี ไม่น่าจะร้อนจัดได้ขนาดนั้น แต่ก็เป็นไปแล้ว
ส่วนตอนกลางของประเทศพะบู๊กันวุ่นวาย ประท้วงที่นั่นที่นี่ไม่หยุดหย่อน การประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ยังไม่จบลงง่ายๆ ด่ากันไปม็อบกันมาจนลากถึงคืนที่หนึ่งร้อยเข้าไปแล้ว หนักสุดก็ที่พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ม็อบกันไปมาเลยกลายเป็นการฟัดกันนัว ระหว่างกลุ่มสนับสนุนตาลุงผมเป๋กับกลุ่มสนับสนุนแบล็คไลฟ์แมตเธอร์ ที่ดุเดือดถึงขั้นยิงกันจนตาย
ทั้งๆที่ประท้วงกันอย่างดุเดือด ดันเกิดกรณีจาค็อบ เบลค ที่ถูกตำรวจยิงพรุนจากข้างหลัง ต่อหน้าต่อตาลูกๆ ทั้งสามของจาค็อบในเมืองเคโนชาเมื่ออาทิตย์ก่อน ทั้งๆที่จาค็อบแค่ลงไปห้ามบรรดาสาวผิวสีไม่ให้ตบกันเท่านั้นเอง แม้จะไม่ตาย แต่ก็กลายเป็นเชื้อให้ประทุกระจายไปทั้งมิดเวสต์ ผสมโรงให้หนักเข้าไปอีก
อาทิตย์นี้ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย ไฟป่าก็ยังแผ่ลามไปทั่วทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย ไอ้ที่ตีกันก็ยังตีกันเหมือนเดิม แถมเกิดกรณีใหม่ๆ คล้ายกันเพิ่มขึ้นด้วย นั่นคือตำรวจนิวยอร์กกลุ่มหนึ่ง เอาถุงคลุมหัวดาเนียล พรูด ที่ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าเปล่าเปลือยบนถนนสายหนึ่งในเมืองโรเชสเตอร์ นิวยอร์ก ท่ามกลางหิมะโปรยปราย นับว่าโหดจัดปลัดบอก จริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่เพิ่งเผยแพร่คลิปเมื่ออาทิตย์ก่อน เล่นเอาชาวเมืองนั้นและเมืองอื่นลุกฮือประท้วง เพราะผลการชันสูตรพบว่าคาเนียลตายเพราะขาดอากาศหายใจ
ที่เล่าๆ นี่คือเฉพาะที่ปรากฎเป็นข่าว แต่ที่ไม่ปรากฎเป็นข่าวยังมีอีกหลายเคสทั่วอเมริกา แค่อ่านข่าวรายวันก็เหนื่อยใจแล้ว ขณะที่ตาลุงผมเป๋ก็เปรี้ยวตีนไม่หยุด ล่าสุดประกาศปังว่าจะแจกวัคซีนโควิดปลายเดือนตุลาคมนี้ ทั้งๆที่ยังไม่ผ่านการทดลองจนมั่นใจว่าปลอดภัย เล่นเอาชาวโลกด่าระงม
วันนี้เป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการในอเมริกา เพราะคือวันที่เรียกว่า “เลเบอร์เดย์” ซึ่งแตกต่างไปจากวันแรงงานของชาวโลกทั้งหลาย ผู้เขียนขอเปลี่ยนมาเล่าเรื่องเบาๆ คั่นสถานการณ์ในอเมริกาที่หนักหนาสาหัสบ้าง อย่างน้อยในยามวิกฤติบนแผ่นดินแปลกหน้า ยังมีแง่มุมรื่นรมย์เล็กๆ ให้พักใจ
วันที่กำหนดให้เป็นวันเลเบอร์เดย์ในอเมริกาคือวันจันทร์แรกของเดือนกันยายนของทุกปี ถือเป็นวันหยุดสุดท้ายในช่วงฤดูร้อนก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง นั่นหมายถึงนัดล้างตาของการจัดบาร์บีคิวปาร์ตี้นอกบ้าน
อเมริกามี 4 ฤดูชัดเจน ไม่เหมือนเมืองไทยที่มีแค่ 2 ฤดูคือร้อนกับร้อนมาก บางรัฐมีฤดูหนาวอันยาวนาน อย่างรัฐที่ผู้เขียนอยู่ พอถึงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน เพราะอุดอู้อยู่บ้านมานานตลอดหน้าหนาว คนที่นี่นิยมจัดปาร์ตี้ในสนามหลังบ้าน ชวนเพื่อนฝูงมากินดื่มรื่นเริง ปิ้งย่างไส้กรอกมั่ง แฮมเบอร์เกอร์มั่ง ซี่โครงหมูบ้าง ตามแต่จะชอบใจ ยาวไปจนเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ที่อากาศจะเริ่มหนาวอีกครั้ง
วันเลเบอร์เดย์นี่แหละคือวันสุดท้ายที่จะจัดปาร์ตี้กันโดยถือเป็นวันสิ้นสุดความสำราญแห่งการปิ้งย่างในสนามหลังบ้าน ใครไม่จัดงานก็ออกไปช้อปกันสนั่น เพราะข้าวของลดราคากันเพียบ แต่คงไม่ใช่ปีนี้ เพราะสถานการณ์โควิดขวิดจนอ่วม
นอกจากจะเป็นวันสุดท้ายนัดล้างตาในการจัดปาร์ตี้ปิ้งย่างและช้อปกระจายแล้ว เลเบอร์เดย์มีความหมายอื่นอีกมากมาย และหลายคนสงสัยว่าทำไมเลเบอร์เดย์ที่นี่ถึงแตกต่างจากวันแรงงานของโลก
จุดเริ่มต้นของเลเบอร์เดย์ในอเมริกา เริ่มต้นมาพร้อมระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั่นเลยเชียว คือเริ่มมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 1800 ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีการเรียกร้องให้มีวันหยุด เพื่อระลึกถึงคนงานที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจอเมริกา
จากนั้นรัฐต่างๆ ก็เริ่มประกาศวันหยุดแรงงานของแต่ละรัฐเอง เรียกว่าสะดวกวันไหนก็เอาวันนั้นเลยจ้า จนในที่สุด รัฐสภาต้องยื่นหน้ายื่นมือออกมาจัดระบบ ด้วยการรับรองอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1894 ว่า เอาวันจันทร์แรกของเดือนกันยายนก็แล้วกันนะ พวกยู จากนั้นเป็นต้นมา วันจันทร์แรกของเดือนกันยายนเลยเป็นวันแรงงานในอเมริกา
ส่วนวันที่ 1 พฤษภาคมถือเป็นวันแรงงานสากลแห่งโลกก็จริง แต่จุดกำเนิดก็เริ่มจากในอเมริกานี่แหละ โดยเกิดขึ้นจากการระลึกถึงเหตุการณ์ระเบิดที่จตุรัส Haymarket ในชิคาโก เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1886 ในขณะที่กลุ่มแรงงานกำลังเดินขบวนเพื่อเรียกร้องชั่วโมงการทำงานเพียง 8 ชม.ต่อวัน
นึกย้อนไปในปี ค.ศ.นั้น น่าจะตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ของไทยเรา การระเบิดครั้งนั้นทำให้ตายไป 11 ราย และกลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก เพื่อเป็นการระลึกถึงคนงานเหล่านั้นจึงกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นวันแรงงานสากล
ทีนี้อาจจะงงว่า อ้าว..แล้วทำไมอเมริกาถึงมีวันแรงงานตั้งสองวัน ประเด็นคือวันแรงงานสากลหรือเมย์เดย์เนี่ย มักถูกลากไปโยงการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มซ้ายจัดหรือพวกที่เรียกตนเองว่าลิเบอรัล ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ต้องการให้มี "วันแรงงานสหรัฐฯ" จึงตัดสินใจเลือกวันอื่นแทนวัน May Day เพราะไม่ต้องการยึดโยงถึงการเมือง และเหตุการณ์ระเบิดที่ชิคาโกดังกล่าว ไม่ต้องแปลกใจหรอก เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในอเมริกา มีวันนั้นวันนี้ไปหมด วันฉลองโดนัทยังมีเลย
เลเบอร์เดย์ปีนี้เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด ทุกปีจะได้กลิ่นย่างเนื้อย่างไก่หอมฟุ้งไปทั่วบริเวณย่านพักอาศัย บางบ้านมีรถจอดเรียงกันเป็นตับ เพื่อนฝูงญาติมิตรมากินเลี้ยงสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน หน้าบ้าน เด็กๆ ออกมาวิ่งเล่นบ้าง ขี่จักรยานเล่นบ้าง เป็นสีสันยามบ่ายทุกปีเมื่อมาถึงวันนี้ แต่ปีนี้ทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีเสียงหัวเราะร่าเริง ไม่มีกลิ่นหอมของเนื้อย่างไส้กรอกย่างอย่างที่ควรจะเป็น เหลือเพียงความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วทุกหย่อมย่าน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี