อาทิตย์ที่ผ่านมาในอเมริกาถึงขั้นอลหม่าน ช่วงต้นอาทิตย์มีการดีเบตระหว่างตาลุงผมเป๋ โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกันกับโจ ไบเดน พรรคเดโมแครต ชาวบ้านร้านถิ่นต่างตั้งอกตั้งใจ รอชมการดวลบนเวทีหนแรกของสองผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ยกแรกผ่านไป ทุกคนปากอ้าตาค้างไปตามกัน เพราะอารมณ์ประมาณดูหมากัดกันยังสนุกว่านี้
การดีเบตหนนี้จัดที่คลีฟแลนด์ โอไฮโอ จริงๆ แล้วจะจัดในเมืองที่ผู้เขียนอยู่นี่แหละ แต่ยังไงไม่รู้ คาดว่าชาวเมืองคัดค้าน เลยย้ายไปโอไฮโอ อันเป็นรัฐรีพับลิกันแทน บทเวทีดีเบต ทรัมป์แหกปากโวยวายจิกกัดไม่หยุดหย่อน พูดแทรกพิธีการผู้ดำเนินรายการและโจ ไบเดน จนลุงโจที่ปกติเอาแต่ฉีกยิ้มฟันขาววาบๆ ถึงกับหลุดปากด่าโพล่งว่า
“ช่วยหุบปากหน่อยได้มั้ย”
ลุงผมเป๋ไม่หยุด แผดเสียงเถียงทั้งพิธีการและโจอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าแหกกฎ กติกา มารยทอย่างสิ้นเชิง แม้ประเด็นในการดีเบตนั้นดีงามตามท้องเรื่อง เป็นประเด็นที่อเมริกันอยากได้คำตอบ แต่ลุงทรัมป์เอาแต่ขัดแข้งขัดขา แทบไม่ต้องคำถามอะไรเลย ส่วนโจนั้นแทนที่จะแถลงนโยบายหรืออะไรก็ตามที่แสดงวุฒิภาวะที่เหนือกว่าอีกฝ่าย กลับน้อตหลุดด่ากลับไปหลายหน พลเมืองอเมริกันเลยลงความเห็นว่า “นี่คือการดีเบตที่ถ่อยสุดในประวัติศาสตร์อเมริกา”
หลังการดีเบตผ่านไปได้ไม่กี่วัน เกิดประเด็นดังปังเปรี้ยงไปทั้งโลก เพราะลุงผมเป๋ออกมาทวีตบอกโลกว่า แกกับเมียคนสวยติดโควิดซะแล้ว นอกจากแกแล้วยังมีที่ปรึกษาสาวสวย และระดับสูงอีกเพียบในทำเนียบขาว ลากยาวไปถึงนักข่าวและบาทหลวง นี่ยังไม่รวมนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ทำเนียบบขาวอีกมากมาย
เบรคตรงนี้นิดหนึ่ง รายงานสถานการณ์โควิดในอเมริกา นาทีนี้ยังไม่บรรเทาเบาบางลงเลย มีแต่จะพุ่งสูงขึ้นทุกวันทุกรัฐ ตอนนี้ยอดป่วยสะสมอยู่ที่เจ็ดล้านหกแสนกว่าๆ ตายไปสองแสนหนึ่งหมื่น หลายคนเลยไม่กล้าออกไปซื้อของตามห้างร้านต่างๆ สั่งออนไลน์เอาจากเวบ แต่มีข่าวที่หลอนหนักกว่าเก่าคืออเมซอนมีพนักงานติดโควิดถึงสองหมื่นคน นอกจากอเมซอนแล้ว คนงานในโรงงานที่ผลิตเนื้อสัตว์ ไก่ หมู เนื้อวัวยังติดโควิดกันเพียบ กระนั้นอเมริกันก็ไม่ระแวดระวังอะไร ยังออกไปลั่นล๊าใช้ชีวิตรับฤดูร้อน อย่างไม่สนสีสนแสด
พอมีข่าวยืนยันว่าทรัมป์กับเมียติดโควิด ชาวโลกก็ฮือฮา เพราะทรัมป์นี่แหละบอกพลเมืองอเมริกันว่า ไอ้โควิดนี่แค่ไข้หวัดธรรมดาเท่านั้นเอ๊งบ้าง แนะให้ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างไลซอลหรือคลอร็อกซ์เข้าร่างกายบ้าง หนักกว่านั้นบอกว่า ไอ้โรคนี้จะหายไปเองเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน หมอเฟาซี่พูดหรือเตือนอะไรก็ไม่ฟัง ไม่ยอมใส่หน้ากาก ไม่ยอมทำในสิ่งที่คณะแพทย์ห้าม แถมเปิดศึกกับองค์กรอนามัยโลก ร้ายกว่านั้นเรียกโควิดว่าไชนีสไวรัส ทำให้เกิดอคติจนกลายเป็นคดีทำร้ายคนเอเซียเชื้อสายอเมริกันไม่น้อย
เหมือนตลกร้าย ช่วงอาทิตย์นี้แหละที่เรียกว่า “โกลเด้นวีค” เพราะเป็นช่วงฉลองวันชาติของจีน ลุงคงฮึดฮัดขัดใจ ที่เห็นคนจีนเฉลิมฉลองกันทั้งโลกในช่วงที่ลุงแกนอนระทวยป่วยไข้ แสบเหมือนราดน้ำเกลือลงบนบาด แผล บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สเขียนว่า ทรัมป์กับเมียต้องจ่ายราคาที่พวกเขาปฏิเสธความร้ายแรงของโควิด-19 ข่าวนี้ทำให้เห็นว่าสถานการณ์โรคระบาดในสหรัฐฯ รุนแรงแค่ไหน ตอกหมุดฝาโลงด้วยหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีว่า
“การที่ทรัมป์มีผลตรวจเป็นบวกคือสิ่งที่ย้ำเตือนว่าไวรัสโคโรนา ยังคงแพร่กระจายออกไป แม้ทรัมป์จะพยายามอ้างว่าไม่เป็นอันตรายแล้วก็ตาม นับตั้งแต่ไวรัสได้อุบัติขึ้นเมื่อต้นปีนี้ ทรัมป์, ทำเนียบขาว และทีมหาเสียงมองข้ามความรุนแรงมาโดยตลอด ปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือแม้แต่คำแนะนำที่ออกมาจากรัฐบาลตนเอง เช่นการสวมหน้ากากในที่สาธารณะ และการเว้นระยะห่างทางสังคม ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์ยังคงจัดเวทีปราศรัยที่มีผู้สนับสนุนเข้าร่วมเป็นพันๆ คน”
สะใจแหละ ดูออก แม้จะติดโควิด แต่ตาลุงผมเป๋ก็ยังคุยโวว่า ตนนั้นยังไหว ทั้งที่ต้องต้องไปนอนโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด สถานการณ์เช่นนี้ หากลุงผมเป๋ไม่สามารถทำงานได้ ต้องให้รองประธานาธิบดีทำงานแทน หรือในกรณีที่เสียชีวิตในหน้าที่ ไมค์ เพนซ์ จะทำหน้าที่ประธานาธิบดีต่อไปจนหมดวาระ ส่วนการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ทางพรรครีพับลิกันจะเลือกจากในพรรคขึ้นมาใหม่
สถานการณ์การรักษาและอาการป่วยของลุงสับสนมาก สำนักข่าวแถลงว่า อาการไม่ค่อยดีนัก ออกซิเจนต่ำกว่าค่าปกติ แต่ทีมหมอบอกว่าลุงแกไม่มีไข้ และอาการดีขึ้นเรื่อยๆ นาทีนี้ไม่รู้จะเชื่อใครดี แต่ที่แน่ๆ คือมีการอัดยาสำหรับผู้ป่วยอาการหนักให้เพียบ ทั้งเรมเดซิเวียร์ ยาฉีดสูตรค็อกเทล REGN-COV2
ระหว่างที่มะริกันชนสับสนงุนงง สมรภุมิในโลกโซเชียลก็ร้อนระอุ สาวกทรัมป์ออกมาด่าทอกราดเกรี้ยว กล่าวหาว่าบรรดาพวกที่สะใจนั้นเป็นพวกใจดำไร้อารยธรรม แหม..ไม่ได้ดูหัวขบวนเลยนะว่าทรัมป์ทำตัวยังไงให้ชาวโลกหมั่นไส้ หากแกนำประเทศภายใต้คำแนะนำของทีมแพทย์ สถานการณ์การระบาดคงไม่เลวร้ายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แถมแกเองนี่แหละ ที่เหยียดหยามหมิ่นแคลนด่าทอว่า ข่าวเกี่ยวกับโควิดคือข่าวปลอม ในทางกลับกลับ หากคนที่ติดโควิดเป็นโจ ไบเดน คิดว่าสาวกทรัมป์จะสงบปากคำแล้วอวยชัยให้พรอย่างงั้นหรือ
ขณะที่ชาวโลกกำลังจับจ้องดูว่าทรัมป์จะหายหรือตาย ลุงผมเป๋ก็หาเรื่องให้คนเจริญพร ด้วยการนั่งรถประจำตำแหน่งพร้อมพลขับ ออกมาโบกมือโบกไม้ให้แฟนคลับแถวโรงพยาบาล จากนั้นก็กลับเข้าห้องพัก เดี๋ยวนะ..ลุง ป่วยแบบนี้ควรต้องกักตัวในห้องรักษาตัวไม่ใช่เหรอ จะเพ่นพ่านออกมาทำไม แล้วคนขับกับคนอื่นๆ ที่เข้ามาดูแลให้ลุงออกมานั่งป๋อในรถล่ะ
เรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ทันทีว่า ท่านผู้นำเอาชีวิตของพวกผู้ติดตามมาเสี่ยงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หมอในรพ.ถึงกับด่าลั่นว่า ทุกคนที่อยู่บนรถคันนั้นต้องกักตัว 14 วัน อาจจะติดโควิดจนตาย เพียงเพราะปาหี่ทางการเมืองของทรัมป์
ในฐานะพลเมืองที่นี่ แอบคิดว่าการเจ็บไข้ได้ป่วยของลุงผมเป๋หนนี้ คงทำให้แกได้คิดบ้างไม่มากก็น้อย ว่าโควิดไม่ใช่ข่าวปลอม ทุกคนสามารถติดได้ มีข่าววงในลือมาว่า ตอนที่ลุงจะต้องไปโรงพยาบาล แกถามที่ปรึกษาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ตนจะตายเหมือนเพื่อนนักอสังหาริมทรัพย์ที่สนิทกันชื่อสแตนลี เชรา ที่เสียชีวิตเพราะโควิดเมื่เดือนเมษายนที่ผ่านมาไหม แสดงว่าลึกๆ คงกลัวไม่ใช่น้อย
แต่พอแกรับยา ไม่รู้ว่าโดนตัวไหนเข้าไปบ้าง แกก็ทวีตรัวๆ อีกตามธรรมชาตินิสัยทำนองว่าแกเก่งที่เอาชนะโควิดได้ ทั้งที่หมอบอกว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย โม้อีกว่าอย่าไปกลัวมัน ตบท้ายจะได้กลับทำเนียบขาวเร็วๆ นี้ คือเข้าโรงพยาบาลได้ 3 วันจะให้ออกจากรพ.นี่แปลกเกินไปแล้ว ลุง หากหายขาดจากโรค ขอให้ดูแลออกมาตรการป้องกันให้พลเมืองบ้างก็แล้วกัน อย่าเอาแต่เล่นปาหี่การเมืองอย่างที่เป็นมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี