ลุงทรัมป์ผมเป๋เหมือนเด็กงอแงโวยวาย หลังผลการนับคะแนนเลือกตั้งที่พ่ายแพ้หมดรูป กลับไม่ยอมรับว่าตัวเองแพ้ หนักกว่านั้นคือพยายามปลุกฝูงพราวด์บอย ที่เป็นกลุ่มคลั่งขาวขึ้นมาสนับสนุนตนเอง ตอนนี้กำลังประท้วงกันอยู่ในวอชิงตันดีซี แต่ละคนไม่ใส่หน้ากากกันเลย ทั้งที่สถานการณ์โควิดในอเมริกาเรียกได้ว่าเหมือนฝันร้าย ล่าสุดป่วยสะสมไป 11 ล้านคน ตายสองแสนห้า ระบาดจัดหนักจากฝั่งตะวันตก ลงใต้ แล้วพุ่งมาสู่มิดเวสต์ ซึ่งทั้งอิลลินอยส์และมิชิแกน รวมทั้งรัฐที่ผู้เขียนอยู่ล้วนงอมพระรามไปตามกัน
แม้ว่าตาลุงผมเป๋จะตีอกชกหัวด่าทอใครต่อใครอย่างไร ก็ไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าตาลุงแกแพ้ลุงโจ ไบเดนไปได้ ยิ่งผลสรุปล่าสุดคือลุงโจได้คะแนนทั้งสิ้น 306 เสียง ทิ้งห่างลุงทรัมป์ที่มี 232 ไปไกลลิบ แถมลุงผมเป๋ยังมีเรื่องน่าปวดหัวตามมา พูดบ้านๆ คือเมียคนสวยขอหย่า ชาวโลกจับตาดู พลางป้องปากซุบซิบเม้ามอยลั่นโลกว่าผลจะออกหัวหรือก้อย
สำนักข่าวหลายสำนักต่างลงประวัติโจ ไบเดนกันครึกโครม แต่ส่วนมากเป็นเรื่องการเมืองและตำแหน่งทางการเมืองทั้งสิ้น น้อยคนจะรู้ว่ากว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ ลุงโจต้องฝ่าฟันและผ่านความสูญเสียอะไรมาบ้าง
มารู้จักลุงโจหน่อยดีไหม เม้ามอยกันข้างแถ้วกาแฟแบบไม่ซีเรียส ไหนๆ จะมาคุมบังเหียนอเมริกาสี่ปีจากนี้ไป หลายคนคุ้นชื่อ โจ ไบเดนจากยุคสมัยประธานาธิบดีโอบาม่า เพราะเคยเป็นรองประธานาธิบดีถึง 8 ปี ลุงโจขึ้นชื่อเรื่องการประนีประนอม สามารถทำงานได้กับทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนออกมาสนับสนุนลุงโจอย่างเปิดเผย ในการแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้
โจ ไบเดน หรือชื่อเต็มคือโจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน เกิดที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย พ่อแม่ลุงโจไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นชนชั้นกลางเชื้อสายไอริช ลุงโจเป็นพี่คนโตของน้องๆ อีกสามคน แต่ก่อนพ่อแม่ลุงโจก็พอมีฐานะอยู่บ้าง แต่ธุรกิจดันเจ๊ง เลยจนทันตาเห็น สุดท้ายพ่อแม่ต้องหอบลูกๆ ไปอาศัยบ้านตายาย ชีวิตวัยเด็กของลุงโจจึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่นอนอัดกันหลายคนในห้องนอนที่บ้านหลังนั้น
นอกจากชีวิตลำบากแล้ว ลุงโจในวัยเยาว์ยังพูดติดอ่างขนาดหนัก จนถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน แต่แทนที่เด็กชายโจจะท้อแท้ กลับยิ่งพยายามฝึกการบังคับและผ่อนคลายกล้ามเนื้อครั้งแล้วครั้งเล่า รวมทั้งฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกทุกวัน จนเอาชนะอาการติดอ่างได้สำเร็จ โจเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรัฐเดลาแวร์ ก่อนไปจบปริญญาโทด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในนิวยอร์ก ที่นี่เองที่พบรักกับภรรยาคนแรก
จะว่าไปหน้าตาสมัยหนุ่มๆ หล่อเหลาเอาการ ตอนเรียนปีหนึ่งเจอสาวสวยระหว่างไปเที่ยวพักช่วงปิดภาคเรียนสปริงเบรค สาวน้อยนางนั้นชื่อ นีเลีย ฮันเตอร์ ตอนนั้นน่าจะเป็นรักแรกพบ ด้วยความที่หล่อเหลาแต่บ่จี๊ ตอนออกเดทกันหนที่สอง ลุงโจไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร สุดท้ายสาวเจ้าก็เป็นคนจ่ายด้วยวิธีการอันแสนน่ารัก คือแอบส่งเงินยี่สิบดอลลาร์ให้ลุงโจใต้โต๊ะ ทั้ง ๆ ที่จนกรอบแกรบอย่างนี้ ตอนแม่ของนีเลียถามว่าเรียนจบอยากเป็นอะไร ลุงโจตอบปั๊บทันทีว่าอยากเป็นประธานาธิบดี
ถึงตอนนั้นจบ แต่ก็ชนะใจสาว ทั้งที่ตอนแรกพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ชอบลุงโจแลย ครอบครัวฝ่ายหญิงหนุนพรรครีพับลิกันและเป็นเพรสไบทีเรียน ส่วนลุงโจหนุนเดโมแครตและเป็นคาธอลิค แต่ความรักชนะทุกสิ่งจนได้แต่งงานกัน มีลูกชายชื่อ “โบ” ปีต่อมาจึงมีลูกอีกคนชื่อ “ฮันเตอร์” ตามด้วยลูกสาวคนสุดท้องชื่อ “นาโอมิ” แต่ใครจะไปคิดว่าความสุขในชีวิตครอบครัวกับนีเลียนั้นแสนสั้น
หลังแต่งงานไม่กี่ปีก็เข้าสู่การเมือง ด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเขตนิวแคสเซิล ในรัฐเดลาแวร์ และขยับมาลงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐในเวลาต่อมา ตอนนั้นลุงโจอายุแค่ 29 ปีเอง นับเป็นวุฒิสมาชิกที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ท่ามกลางโชคดีมีโชคร้าย หลังได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก ภรรยาและลูกๆ ทั้ง 3 ประสบอุบัติเหตุ ภรรยาและลูกสาวเสียชีวิต ส่วนลูกชายอีก 2 คน คือ “โบ” และ “ฮันเตอร์” ถูกนำส่งโรงพยาบาลอาการสาหัส
ลุงโจต้องสาบานตนเข้ารับตำแหน่งข้างเตียงที่ “โบ” ลูกชายวัยสามขวบนอนป่วยอยู่ แม้ลูกจะป่วยก็ยังต้องทำงาน นั่งรถไฟเทียวไปเทียวมาระหว่างโรงพยาบาลในรัฐเดลาแวร์กับกรุงวอชิงตันดีซีหลายปีหลังสูญเสียภรรยาคนแรกและลูกสาว ลุงโจก็แต่งงานใหม่กับจิล เทรซี จาคอบส์ ครูสาวที่น้องชายนัดบอดให้ ทั้งคู่ออกเดทด้วยการไปดูหนังเรื่อง A Man and a Woman จากนั้นก็ตกลงคบหากัน แต่อย่าคิดว่าสาวน้อยวัย 24 ปีรายนี้จะตอบตกลงง่ายๆ ลุงโจต้องขอแต่งงานถึง 5 ครั้งกว่าเธอจะตอบตกลง ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่งชื่อ แอชลีย์ ไบเดน
การแต่งงานครั้งที่สองช่วยเยียวยาชีวิตที่ผ่านการสูญเสียของลุงโจ ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยจิลยืนเคียงข้าง โจ ในสนามการเมืองมาโดยตลอด คอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้สามี ขณะที่ชีวิตการงานของลุงโจพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบารัค โอบาม่า เลือกลุงโจเป็นรองประธานาธิบดี
อาจจะเป็นเพราะลุงโจเติบโตมาจากครอบครัวคาธอลิค เลยไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า มีเรื่องเล่าเม้ามอยกันว่า ทำเนียบขาวเคยมีการจัดเทศกาลเบียร์ ลุงโจเลยดื่ม “บัคเลอร์” ซึ่งเป็นเบียร์ปลอดแอลกฮอลล์ของไฮเนเก้น ถือไปคุยกับคนนั้นคนนี้เนียนไปเหมือนว่าดื่ม
งานอดิเรกที่ลุงโจชอบมากคืออเมริกันฟุตบอล สกี และซิ่งมอเตอร์ไซค์ อีกเรื่องที่ลุงโจโปรดปรานมากคือขับรถ และส่องรถ จนถึงขั้นตั้งค่าไว้ ให้มีการแจ้งเตือนจากนิตยสาร “คาร์แอนด์ไดรเวอร์” (Car and Driver) ให้ส่งไปยังมือถือของตนเลยทีเดียว ที่เริดกว่านั้นคือลุงโจมีรถรุ่นเก๋าที่พ่อให้เป็นของขวัญวันแต่งงานคือรถเชฟโรเลต รุ่น คอร์เวต สติงเรย์ รุ่นปี 1967 ซึ่งถือว่าเป็นรถรุ่นเก๋าแต่กิ๊บเก๋มากสำหรับคนชอบรถเก่า
นอกจากงานดิเรกทั้งหลายทั้งปวง ลุงโจชอบกินไอศกรีมสุดๆ ยิ่งตอนดูหนังเรื่องโปรด “แชริออตส์ ออฟ ไฟร์” (Chariot of Fire) แม้จะยังไม่ได้เดินเข้าไปสู่ทำเนียบขาวเต็มตัว แต่ลุงโจก็ให้คำมั่นว่าจะพาหมาที่ลุงแกรับเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์สัตว์ไปเลี้ยงในทำเนียบขาวด้วย เรื่องนี้ทำให้ได้ใจคนรักหมาอีกกระบุง เพราะตอนที่โอบาม่าเป็นประธานาธิบดีก็เลี้ยงหมาไว้สองตัว พอมาถึงทรัมป์ ตาลุงหัวดื้อไม่ยอมเลี้ยงอะไรเลย ขัดธรรมเนียมปฎิบัติของทำเนียบขาวอย่างแรง
เจ้าหมาโชคดีของลุงโจเป็นหมาอัลเซเชี่ยน ตัวแรกคือแชมป์ ตัวโตขนฟูและเริ่มแก่แล้ว ส่วนอีกตัว ลุงโจไปรับตัวมาจากสถานสงเคราะห์สัตว์ เพราะถูกทิ้ง เจ้าตัวนี้ชื่อเมเจอร์ หน้าตาท่าทางฉลาดและแสนซนไม่ใช่ย่อย
จากเด็กพูดติดอ่างจากครอบครัวยากจนมาสู่สมาชิกวุฒิสภา จากสามีที่สูญเสียคู่ชีวิตจนอยากฆ่าตัวตายมาเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุด วันนี้ประวัติศาสตร์อเมริกาได้จารึกชื่อ “โจ ไบเดน” ในฐานะประธานาธิบดีอเมริกาคนที่ 46
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี