สถานการณ์โควิดในอเมริกาตอนนี้ดูเหมือนจะเบาบางลง แต่ดูเหมือนความประมาทมาเยือนมวลมหาอเมริกันเรียบร้อยแล้ว เพราะอัตราการฉีดวัคซีนไม่ได้คืบหน้าเลย ทั้งประเทศฉีดไปได้แค่ 37 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ประกาศปังดังลั่นว่า ให้ถอดหน้ากากกันได้แล้วจ้า เฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วทั้งสองเข็ม เอ้า..แบบนี้จะรู้ไหมน่ะว่าใครฉีดหรือไม่ฉีด
เล่นเอาพวกแอนตี้หน้ากากและแอนตี้วัคซีนไชโยโห่ร้อง เพราะแอบเนียนว่าตัวเองฉีดวัคซีนแล้ว ร้ายกว่านั้นห้างร้านต่างๆ อย่างวอลมาร์ทเริ่มผ่อนคลาย ด้วยการประกาศว่าต่อจากนี้ไปถ้าจะเข้าห้าง ไม่ต้องสวมหน้ากากก็ได้ เล่นเอาคนไทยในอเมริกาทำตาปริบๆ อย่างสยดสยอง
เรื่องนี้ขอยกไปเขียนถึงอังคารหน้า อาทิตย์ที่ผ่านมามีประเด็นน่าสนใจ แม้คนไทยในอเมริกาบางส่วนจะต่อต้านคนไทยที่บินมาฉีดวัคซีนฟรีแล้วบินกลับ แต่ดูเหมือนว่าบรรดาเน็ตไอดอลไทยพากันหิ้วกระเป๋ามาเอาวัคซีนฟรี ที่ไม่ได้ฟรีจริงแล้วเขียนรีวิวออกสื่อกันใหญ่โต สาวกมาอวยกันรัวๆ นั่งอ่านคอมเมนต์แล้วหลายคนพากันอวยอเมริกาแดนสวรรค์ อยากย้ายมาอยู่กันเป็นแถว เน็ตไอดอลพวกนี้มาที่นี่แค่ฉาบฉายและพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ไม่ยักมีใครพูดถึงการทำร้ายคนเอเซียในอเมริกากันบ้างเลย
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง สาวไทยในย่านเบย์แอเรียในซานฟรานซิสโกโดนทำร้ายร่างกายอีกแล้ว บอกเลยว่ามีคดีทำร้ายคนเอเซียในอเมริกาทุกวัน เคสที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เป็นสาวไทยที่กำลังจะนั่งรถสาย BART ไปทำงานร้านอาหารในไชน่าทาวน์ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ประสีประสาอะไร ตัวเธอเองค่อนข้างระวังตัว เพราะอ่านข่าวว่าคนเอเซียโดนทำร้ายในซานฟรานซิสโกบ่อยๆ เลยพยายามแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงเหมือนผู้ชาย ใส่กางเกงเอาผมยาวเข้าใต้หมวก และมีสเปรย์พริกไทยในกระเป๋า แต่ก็ยังไม่พ้นจากการถูกปล้นทำร้าย เธอไม่มีเวลาจะเอาสเปรย์ออกจากกระเป๋าด้วยซ้ำ เพราะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก คนที่ทำร้ายเธอเป็นอเมริกาผิวสี ลงมือกลางวันแสกๆบนถนนสายคนพลุกพล่าน จากนั้นก็ ชิงมือถือไป
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีคดีสะเทือนใจสำหรับคนไทยในอเมริกา คือ คุณลุงวิชา รัตนภักดี ออกมาเดินออกกำลังกายยามเช้าในละแวกบ้าน แต่วัยรุ่นผิวสีอายุ 19 ปีชื่ออองตวน วัตสัน วิ่งข้ามถนนพุ่งมาชนคุณวิชาสุดแรงด้วยการเอาหัวโหม่งชนอย่างแรงจนคุณวิชาล้มคว่ำจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นไม่นาน สาวไทยจูงหมาและแมวออกมาเดินเล่นในสวนแถวบ้านในนิวยอร์ก ถูกกลุ่มเม็กซิกันทำร้ายแบบไม่แคร์ว่าใครจะมอง ทั้งกระทืบทั้งกระชากสายจูงทั้งชกหน้า จนแมวของเธอตายจากการถูกทารุณ นี่คือที่มีการนำเสนอออกมาเป็นข่าว ส่วนที่ไม่ได้นำเสนอยังมีอีกมากมาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว หากแต่เกิดขึ้นถี่ๆ ในช่วงโควิดระบาดนี่เอง
กลุ่มสต็อป เอเอพีไอ เฮต เปิดเผยรายงานว่า ระหว่างเดือนมีนาคมปีที่แล้วถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเกือบ 70% บอกว่า เคยถูกล่วงละเมิดด้วยคำพูด และกว่า 10% เคยถูกทำร้ายร่างกาย
สถิติล่าสุดของคดีความเกลียดชังที่รวบรวมโดย FBI ของปี 2019 พบว่า มีจำนวนเหยื่อรวม 4,930 คนของคดี และจากทั้งหมดมีราว 4.4% เป็นคดีความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย เทียบกับ 48.5% ของคดีความเกลียดชังผิวสีแอฟริกันอเมริกัน และ 14.1% ต่อชาวละตินอเมริกัน
ส่วนรายงานล่าสุดของ STOP AAPI Hate หรือ องค์กรยุติความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และหมู่เกาะแปซิฟิก คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียในอเมริกาตกเป็นเป้าของการถูกคุกคาม หรือทำร้ายเนื่องจากความเกลียดชังด้านเชื้อชาติ หรือสีผิวมากกว่า 3,795 ครั้ง ภายในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
รัฐที่เกิดเหตุมากที่สุดถึง 45 เปอร์เซ็นต์ของกรณีทั้งหมด คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรัฐนี้มีประชากรชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอาศัยอยู่มากที่สุด และที่รองมา คือ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีรายงานการคุกคามถึง 14 เปอร์เซ็นต์
รายงานขององค์กร STOP AAPI Hate ระบุว่า การคุกคามด้านเชื้อชาตินั้นแบ่งออกเป็นสามลักษณะใหญ่ ๆ ได้ คือ การคุกคามด้วยคำพูด 68.1 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา คือ การแสดงความรังเกียจ 20.5 เปอร์เซ็นต์ และท้ายสุด คือ การทำร้ายร่างกาย ซึ่งคนเอเชียตกเป็นเหยื่อถึง 11.1 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเกิดคดีถี่ยิบขนาดนี้ รัฐบาลจะจัดการอย่างไร โดยเฉพาะรัฐบาลที่มีรองประธานาธิบดีเป็นคนเชื้อสายอินเดียอย่างกมลา แฮร์ริส
ล่าสุด สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายเพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น และได้ยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายต่อต้านการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19 Hate Crimes Act) ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐด้วยคะแนนเสียง 364 ต่อ 62 เสียง โดยสมาชิกผู้ลงคะแนนเสียงคัดค้านทั้งหมดเป็นสมาชิกจากพรรคริพับลิกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่สายริพับลิกันจะไม่เห็นด้วย
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะทำงานในกระทรวงยุติธรรม เพื่อเร่งการพิจารณาคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด โดยจะมอบงบประมาณให้รัฐต่าง ๆ จัดตั้งสายด่วนสำหรับการรายงานอาชญากรรมจากความเกลียดชัง และจัดการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันและทำความเข้าใจอาชญากรรมจากความเกลียดชัง รวมถึงกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางต้องร่วมมือกับองค์กรในท้องถิ่น เพื่อเผยแพร่ความตระหนักรู้เรื่องอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด
คนไทยและคนเอเซียในอเมริกาเริ่มกังวลต่อความปลอดภัยของตนเอง เพราะดูเหมือนว่าเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกเวลา โดยที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผู้คนรอบข้างค่อนข้างเมินเฉย ไม่ให้ความสนใจหรือเข้าไปช่วยเหลือ หลายคนเริ่มสั่งซื้อสเปรย์พริกไทย ที่ช็อตไฟฟ้าหรือแม้แต่ซื้อปืนสักกระบอกไว้ป้องกันตัว
บางทีเวลาเห็นใครบางคนฝันใฝ่ อยากย้ายมาอยู่อเมริกา เพราะมีความคิดว่าอเมริกาคือดินแดนเสรีภาพและเท่าเทียม ผู้คนมีความเสมอภาคกันเหมือนดินแดนในยูโทเปียแล้วอดไม่ได้จะยิ้นขื่นๆ เพราะในความเป็นจริงสวนทางกับความฝันของหลายคนอย่างสิ้นเชิง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี