เมื่อวันอังคารที่แล้วเขียนถึงเกมรุกแนวโลกล้อมไทยของใครบางคนที่กำลังรีแบรนด์ดิ้งตัวเองจากชื่อไทยๆ กระแดะไปใช้ชื่อโทนี่ จากนักโทษหนีคดีฟอกขาวให้กลายเป็นขวัญใจเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองก่อนตัวเองเกิดเป็นอย่างไร ใครที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองแล้วทิ้งขี้หลายกองให้ทำความสะอาดมาจนถึงทุกวันนี้ แถมหนี้ก้อนโตที่ยังต้องตามสะสางชดใช้ทุกปีและยังต้องตามชดใช้ไปอีก 12 ปี
พี่โทนี่อยากเป็นฮีโร่ของเด็กสามนิ้วพวกนี้ เพราะหลอกง่ายดีเชื่อทุกเรื่องทุกสิ่งในทวิตภพและวิกีพีเดีย ที่ถูกแก้ไขข้อความให้โน้มเอียงไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของคนกลุ่มหนึ่ง โดยลบข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ทิ้งจนหมดสิ้นเพราะใครจะแก้ไขวิกิพีเดียก็ได้ เด็กเหล่านี้คิดว่าตนรู้ดีทุกสิ่งในจักรวาลแถมไม่เชื่อผู้อาวุโสที่ผ่านเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หลายต่อหลายครั้ง เชิดชูจักรวาลทวิตภพว่าเป็นโลกจริงแห่งการเบิกเนตรทั้งที่เบิกเนตรนี่แปลแบบบ้านๆ ได้ว่า “แหกตา”
โทนี่รีแบรนด์ดิ้งตัวเองยังไม่พอ ลากเอาน้องสาวมารีแบรนด์ดิ้งด้วยการยัดหนังสือที่อ่านยากๆ ใส่มือ แล้วให้ถ่ายรูปโพสต์ออกสื่อให้ตายก็ไม่เชื่อว่า นางน้องสาวอ่านหนังสือแบบนี้ทั้งหมดนี้ผ่านแขนขาเครือข่ายหลายสาย แต่ที่อยู่เบื้องหลังคงไม่พ้นกลุ่มแคตาก่วยที่นอกจากจะเป็นมือตีนพีอาร์รีแบรนด์ดิ้งให้แล้ว ยังมีฝูงนักเขียนและสื่อมวลชนจากสำนักข่าวหลายแห่งเป็นมือตีนระดับรองลงไปอีก
นักเขียนและสื่อฝูงนี้เนี่ย แต่ก่อนเขียนคอลัมน์แย๊กๆไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ระยะหลังเห็นว่าร่ำรวยอู้ฟู่อย่างน่ามหัศจรรย์หันไปผลิตคอนเทนต์ป้อนเพจหมิ่นเพจใต้ดินตามใบสั่งจนล่ำซำ ทั้งที่ฐานะเดิมทางบ้านที่อีสานยังยากจนข้นแค้น บางคนก็หันไปเป็นพีอาร์ให้นักการเมืองสายทักษิฯ แป้บเดียวมีเงินเปิดร้านอาหารหรูหราทันใจนึกใครเป็นใครในแวดวงนักเขียนเห็นๆ กันอยู่โลกวงการนักเขียนไม่ได้กว้างอะไรนัก
อาทิตย์ก่อนเขียนเล่าถึงการใช้เน็ตไอดอลบินไปอเมริกาแล้วอวยไฟเซอร์สุดติ่งกระดิ่งแม้ว แต่เกมนี้ไม่ได้รบแค่ด้านเดียวหากกระหน่ำรบรุกกระหนาบทุกด้าน นอกจากใช้เนตไอดอลแล้วยังใช้คนที่มีอยู่ในมือ ซึ่งเป็นนักการเมืองขยายแนวรบออกไปอีก
เมื่อไม่นานมานี้ หมอทศพร เสรีรักษ์หมอที่ชอบไปป้วนเปี้ยนตามม็อบสามนิ้วและสายตรงพี่หน้าเขียงสับหมูโทนี่ผีไม่มีหลุม หมอแกนำกลุ่ม แหม..ไม่อยากจะเรียกว่ากลุ่มเพราะน้อยเท่าจิ๋มมด พานักศึกษาแพทย์และพยาบาล 4-5 คน ไปสถานทูตอเมริกา เพื่อขอร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ช่วยไอ้จดหมายที่ว่านี่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ฉบับภาษาไทยนี่ไม่เท่าไหร่แต่ภาษาอังกฤษที่จัดว่าสารเลวและบิดเบือนมากขอคัดบางท่อนในจดหมายฉบับภาษาไทยมาบางส่วน
“อเมริกาแสดงให้เห็นถึงความเป็นประเทศมหาอำนาจที่ให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนเป็นอันดับแรก และความมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขประเทศไทยถูกปกครองโดยรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลประชาธิปไตยเมื่อ 7 ปีก่อนซึ่งเป็นรัฐบาลที่ขาดประสิทธิภาพในการบริหาร เนื่องจากไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยโดยแท้จริง ทำให้ประชาชนชาวไทยได้รับความเดือดร้อนเป็นเท่าทวีคูณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาวะการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ในปัจจุบันยิ่งแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการบริหารงานของรัฐบาลชุดดังกล่าว
ปัจจุบัน มีประชาชนเพียงร้อยละ 2 จากจำนวนประชากรทั้งหมด 70ล้านคนที่สามารถเข้าถึงวัคชีน จากแผนการจัดการด้านสาธารณสุขของไทยภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน วัคซีนชนิดหนึ่งที่ตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะส่งมอบได้เมื่อไรจำนวนเท่าไร
สรุปสั้นๆ ว่าใจความที่หมอทศพรเขียนจดหมายถึงโจไบเดน คืออวยว่าอเมริกามีระบบจัดการดี ลดการแพร่ระบาดลงเพราะรัฐบาลเป็นประชาธิปไตย ไม่เหมือนผู้นำไทยที่เป็นเผด็จการจึงล้มเหลวเรื่องการป้องกันโรคระบาด
ทีนี้เรามาดูข้อเท็จจริงกัน การลุกลามของโควิดระบาดหนักในรัฐบาลทรัมป์ซึ่งมาจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกับรัฐบาลของโจ ไบเดนนี่คือข้อเท็จจริงล้วนๆ เลยนะ วันนี้คือวันที่ 14 มิถุนายน ประเทศที่ยอดป่วย-ตายสูงสุดก็ยังเป็นอเมริกายืนหนึ่งตั้งแต่เริ่มระบาดยันวันนี้ ยอดตัวเลขกลมๆ ป่วยสะสม 34ล้าน ตายหกแสนหนึ่งหมื่นห้าพันกว่า
หลายคนบอกว่าจำนวนประชากรของอเมริกากับไทยเทียบกันไม่ได้งั้นเทียบอัตราส่วนประชากรหนึ่งล้านคนก็แล้วกัน จะได้เห็นภาพชัดๆพลเมืองอเมริกันหนึ่งล้านคน อัตราส่วนทั้งอเมริกาเสียชีวิต 1850 ราย หากแยกรัฐอันดับ 1-5 ต่อพลเมืองหนึ่งล้านราย นิวยอร์กตาย 2763 รายแคลิฟอร์เนียตาย 1595 ราย ฟลอริด้าตาย 1721 ราย อิลลินอยส์ตาย 2001 ราย และเท็กซัสตาย 1792 ราย นี่คัดมาเฉพาะ 5 รัฐที่ยอดป่วยสูงสุดในขณะที่ประเทศไทยตาย 18 ราย ในช่งวที่ระบาดหนักตอนนี้หากย้อนไปก่อนหน้าการระบาดรอบสาม อัตราส่วนการตายอยู่ที่ 5รายต่อหนึ่งล้าน ทั้งหมดนี้ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
จะว่าไปไอ้จดหมายฉบับภาษาไทยยังไม่ร้ายเท่าจดหมายภาคภาษาอังกฤษบิดเบือน โจมตีประเทศตัวเองแถมใช้คำว่า เป็นจดหมายจากประชาชนไทยทั้งประเทศมีการอ้างว่า สถานการณ์ด้านวัคซีนในหลายประเทศไม่โชคดีเหมือนอเมริกา แล้วโยงไปว่าไทย อินเดีย และพม่าเป็นประเทศปลูกข้าวส่งออกแล้วโยงไปอีกว่าโควิดทำให้ไทยผลิตข้าวได้น้อยลง จึงต้องได้รับการแก้ไขให้ผลิตข้างป้อนโลกได้เหมือนเดิม ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับโควิดนะ เรื่องการปลูกข้าว อย่าบิดเบือน
จดหมายภาคอังกฤษมีการลากยาวไปด่าพม่าว่าอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง ต่อต้านรัฐบาลทหารที่เป็นเผด็จการ แล้ววกกลับมาที่ไทยว่าช่วยไทยด้วยจ้า เพราะนอกจากไทยจะปลูกข้าวป้อนโลกแล้วยังจับสัตว์น้ำเลี้ยงชาวโลกด้วย ประเด็นคือจำเป็นไหมว่าต้องโจมตีพม่าและอินเดียพร้อมกับการดูถูกประเทศตัวเองเพื่องอตัวกราบตีนอเมริกันขอวัคซีน
พล่ามไปหลายย่อหน้าจนมาถึงย่อหน้านี้ที่มุ่งโจมตีวัคซีนและโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ แปลคร่าวๆ มาดังนี้
“สถานการณ์วัคซีนในไทยเลวร้ายมากภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยรัฐบาลตัดสินใจผิดพลาดและขาดการบริหารจัดการที่เหมาะสม มีประชาชนเพียง 2% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนคุณภาพประสิทธิภาพวัคซีนมีปัญหา เช่นวัคซีนแอสตร้าซิเนก้าที่ผลิตในโรงงานที่เพิ่งเดินสายพานเร็วๆนี้ในประเทศไทย ขาดข้อมูลที่ชัดเจน Timelineวันส่งมอบและจำนวนที่แจกจ่าย”
อ่านไล่ไปจนจบสรุปตรงที่ก้มเลียตีนอเมริกาพลางอ้อนวอยขอวัคซีนเทพอย่างไฟเซอร์และโมเดอร์น่า คือตอนนี้นายกรัฐมนตรีลงนามสั่งไฟเซอร์ 20 ล้านโดส โมเดอร์น่าก็กำลังดำเนินการนำเข้ามารวมทั้งจอห์นสันแอนด์จอห์นสันด้วยไม่จำเป็นต้องไปกราบตีนขอทานใครก็ได้
แม้ว่าตอนนี้เราใช้วัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าซิเนก้าแต่อีกไม่นานจะมีซิโนฟาร์มเข้ามา โมเดอร์น่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสันไฟเซอร์ และสปุคนิควี ไหน..นับนิ้วให้ชื่นสะดือหน่อยว่ากี่ยี่ห้อแล้ว
ในขณะที่อเมริกายังยืนพื้นที่ 3 ยี่ห้อ และไต้หวันกรีดร้องโวยวายว่าไม่มีวัคซีนเลย
การใช้วัคซีนมาเล่นเกมการเมืองยังไม่หมดเท่านั้นยังมีอีกหลายแนวร่วมแนวรบ รวมทั้งกลุ่มโยกย้ายขายฝันให้เด็กรุ่นใหม่ไทยอยากไปใช้ชีวิตเมืองนอกเพราะคิดว่าหรูหราหมาเห่าและดีกว่าชีวิตในเมืองไทยโดยตีไข่ใส่ข่าวป่าวประกาศทางสื่อออนไลน์และสื่อหลักทุกด้านเรื่องนี้จะเขียนถึงวันอังคารหน้า
.....................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี