อเมริกาย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศหนาวโชยมาแผ่วๆ ทักทายผิวผู้คนในรัฐทางตอนเหนือของประเทศ แต่อเมริกันยังเป็นอเมริกัน ที่ไม่ว่าจะเข้าสู่ฤดูกาลไหน ก็ไม่เคยอดทนและทำตามใจชอบอย่างไม่คิดถึงสิทธิของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องโควิด ที่เกิดปัญหาเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนปีกลาย
ยอดคนป่วยโควิดในอเมริกาขณะที่เขียนคอลัมน์พุ่งไปที่ 43 ล้านกว่า อีกไม่นานก็แตะ 44 ล้าน ตายไปเจ็ดแสนกว่า นับว่ายอดผู้ตายสูงกว่ายอดคนตายจากสถานการณ์การระบาดไข้หวัดสเปนในระหว่างปี ค.ศ. 1918-1919 ตอนนั้นอเมริกันตายไปราว 675,000 คน น่าประหลาด ทั้งที่ตอนนี้เทคโนโลยีก้าวล้ำนำยุค แถมมีวัคซีนเต็มแขน แต่ดูหมือนว่าอเมริกันยังตายเป็นเบือ จนทำลายสถิติช่วงการระบาดใหญ่ของไข้หวัดสเปนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
ทั้งที่สถานการณ์ระบาดหนักไม่เว้นวรรค อเมริกันหาได้แคร์ใดๆ อาทิตย์ก่อนมีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งทำให้เห็นภาพสะท้อนในสังคมอเมริกัน ตอนนี้หลายรัฐมีมาตรการให้แสดงใบฉีดวัคซีน ก่อนเข้าไปนั่งรับประทานในร้าน นิวยอร์กบังคับสถานบริการ สถานบันเทิงและธุรกิจออกกำลังกาย ขอให้ลูกค้าแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนเสียก่อน แล้วถึงสามารถอนุญาตให้เข้าไปข้างในร้านได้ ธุรกิจไหนไม่ยอมปฏิบัติตาม จะถูกปรับ 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 33,000 บาท
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนเจ้าดังแห่งหนึ่งในนิวยอร์กก็ทำตามมาตรการนี้อย่างเคร่งครัด พนักงานต้อนรับหน้าร้านอขอให้ลูกค้าสามคนที่ต้องการจะเข้าไปใช้บริการในร้านแสดงบัตรฉีดวัคซีน แต่ปรากฎว่าลูกค้าที่มาไกลถึงเท็กซัสไม่พอใจ เลยรุมทำร้ายพนักงานร้านนั้นกลายเป็นเหตุตะลุมบอนใหญ่โตออกข่าวทั่วโลก
หลายคนสงสัยว่าอะไรเป็นเหตุให้เกิดการตุ้บตั้บกันขึ้น เลยมีการแฉผ่านโซเชียล โดยลูกค้าผิวสีทั้งสามอ้างว่า พนักงานต้อนรับเชื้อสายเอเซียพูดจาเหยียดผิวพวกนางก่อน เอ๊ะ..แต่แม่นางเอเซียนนั่นถูกชกรัวๆ แถมกระชากสร้อยคออีกต่างหาก โดนหนักแค่ไหน คิดดูแล้วกันว่าเธอถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในฐานะที่เป็นคนเอเซียในอเมริกา บอกเลยว่าพวกเราไม่มีอคติใดกับคนผิวสี เลยยิ่งแปลกที่มีการอ้างว่าสาวเอเซียรายนั้นเหยียดผิว แหม..จะไปเหยียดอะไรได้ล่ะในเมื่อคนเอเซียก็โดนฝรั่งเหยียดเหมือนกัน
ประเด็นคือลูกค้าผิวสีทั้งสามโชว์ใบฉีดวัคซีนปลอม พนักงานร้านเลยไม่ให้เข้าร้าน มีรายงานเปิดเผยว่าพนักงานต้อนรับหญิงกล่าวกับนักท่องเที่ยวผิวสีทั้งสามว่า
“พวกคุณทั้งสามเชิญออกไปจากภัตตาคารของดิฉันได้เลย”
ขณะที่ฝ่ายนักท่องเที่ยวผิวสีตอบกลับไปว่า
“นี่ไม่ใช่ภัตตาคารของคุณ คุณเป็นแค่พนักงานประจำร้านเท่านั้น กรุณาใช้คำพูดที่ให้เกียรติกับพวกดิฉันด้วย”
อ้าว..แล้วไหนล่ะคำเหยียดที่ว่า แล้วไม่ให้เกียรติตรงไหน เพราะพนักงานก็ทำงานตามหน้าที่ตามกฎหมายที่เขียนตัวโตเท่าหม้อแกงไว้หน้าร้าน สามสาวผิวสีอ้างว่าสาวเอเซียเหยียดด้วยการเรียกว่าว่า “นิโกร” สำหรับคนอเมริกันผิวสีแล้วถือเป็นคำไม่สุภาพและเหยียดผิว
ที่ฮากว่านั้นคือไอ้กลุ่มแบล็กไลฟ์แมทเทอร์แห่ออกมาประท้วงนอกภัตตาคารแห่งนั้นทันที เพื่อสนับสนุนกลุ่มนักท่องเที่ยวผิวสีจากรัฐเท็กซัส ต่างตะโกนต่อต้านร้าน โดยอ้างว่าร้านนี้เป็นพวกกีดกันสีผิว
เดี๋ยวนะ..นี่ลอกคำ ผกามาเลยรึเปล่า บทพูดเป๊ะมากจริงๆ แต่เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นก่อนสถานการณ์ที่คำ ผกาไปเหยียดร้านน้ำพริกนิตยาด้วยแฮชแทค #น้ำพริกนิตยาไล่ควายแดง ..สรุปว่าใครลอกใครหรือเกิดจากความ................ในใจตัวเอง (ที่เว้นไว้ให้ทุกคนเติมคำในช่องว่างได้ตามใจชอบ)
ท้าวความให้เผื่อใครที่ไม่ได้ตามข่าวในเมืองไทย เรื่องมีอยู่ว่า แขก คำผกากับโรซี่ พี่สาวจอห์นวิญญูไปสัมภาษณ์คุณป้าเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยา สองพิธีกรเข้าไปในร้านแล้วไลฟ์สด คุณป้าบอกอย่างสุภาพว่าขอดูรายการก่อน แล้วจะติดต่อกลับไป ซึ่งสองนางพูดเสียงสูงว่าไม่เป็นไร คุณป้าพูดอย่างคนใจดีว่า หนูอยากทานอะไร หยิบได้เลยนะคะ นางกลับบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ หนูมีตังค์ซื้อกินเอง แล้วออกมาพูดเองเออเองว่า เพราะแขกเป็นคนเสื้อแดง ป้าเลยไม่ให้สัมภาษณ์ เดี๋ยวนะ..ป้าแกยังไม่ได้พูดอะไรถึงคนเสื้อแดงซักคำ ยังไม่จบแค่นี้ นางมายืนเต้นแร้งเต้นกาบ๊ายบายหน้าร้าน แล้วแหกปากบอกกล้องว่า
“ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงนะคะ ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตยนะคะ”
นี่หล่อนพูดเองทั้งหมดเลยนะ ที่ทุเรศกว่านั้นคือไปปั่นแฮชแทค #น้ำพริกนิตยาไล่ควายแดง ป้าไม่ได้พูดคำว่าคนเสื้อแดง ฝ่ายประชาธิปไตย หรือควายแดงอะไรเลย ผลคือฝ่ายสามนิ้วฝ่ายเสื้อแดงแบนร้านน้ำพริกนิตยา นี่ก็เหมือนกัน พอสาวนางผิวสีถูกห้ามไม่ให้เข้า เลยปราดเข้าไปตุ้บตั้บพนักงาน พอดีเห็นพนักงานเป็นเอเซียเลยโยนขี้ให้เลยว่าถูกเหยียด พอมาดูคลิปแล้ว ไม่เจอว่ามีการเหยียดผิวอะไรเลยแม้แต่น้อย แล้วกลุ่มผิวดำก็กรูมาประท้วงด่าร้านนี้รัวๆ
จริงๆแล้วอยากชวนกลุ่มแบล็กไลฟ์แมทเทอร์ไปประท้วงเหตการณ์นี้ดีกว่ามั้ย เจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (US border guard) ควบม้า หวดแส้ฟาดขวับๆ อย่างไร้เมตตาใส่ผู้อพยพชาวเฮติที่ลักลอบข้ามพรมแดนเข้ามาตั้งแคมป์อยู่ริมแม่น้ำในรัฐเท็กซัส นั่นก็คนผิวดำชัดๆ เลย ทำไมไม่ไปเรียกร้องให้บ้างล่ะ
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้อีก เพราะเรื่องนี้เคยเกิดมาก่อน เมื่อยุคที่ยังใช้แรงงานทาสผิวดำในรัฐทางใต้ จะมีนายทาสหรือคนที่นายทาสจ้างคอยควบคุมดูแลทาส ด้วยการขี่ม้าแล้วใช้แส้ไล่ฟาดแบบนี้ ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้อีกในยุคปัจจุบัน แนะนำให้กลุ่มแบล็กไลฟ์แมทเทอร์ไปประท้วงเถอะ จะมาประท้วงร้านอาหารที่ทำตามกฎระเบียบเพื่อควบคุมโรคระบาดเพื่ออะไร..เห็นแล้วถึงกับถอนใจในความ “ศรีวิไล” ของพลเมืองอเมริกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี