สภาชุดนี้เหลือเวลาอยู่อีกตั้งนาน แต่พรรคการเมืองต่างๆ ต่างออกมาเคลื่อนไหวกันแล้ว เหมือนจมูกพวกเขาจะได้กลิ่นการยุบสภา หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า จะอยู่จนครบเทอม
การออกมาเคลื่อนไหวเสียตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะนี่คือการช่วงชิงอำนาจรัฐ ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านระบอบประชาธิปไตย ประชาชนที่จะออกไปใช้สิทธิใช้เสียงจะได้มีเวลาคิด มีเวลาไตร่ตรอง
ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ใครจะชิงกับใคร ?
ดูตามรูปการณ์แล้ว ตัวยืนก็น่าจะเป็น พลเอกประยุทธ์ ต่อไปอีก หาไม่แล้วก็คงจะไม่ทรมานสังขารพี่ใหญ่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ได้กรากกรำมาขนาดนี้ ควรจะได้พักผ่อน ส่วนคู่ชิงจะใครเสียอีกล่ะ นอกจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ผู้หมายมั่นปั้นมือมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งก่อน และเมื่อตระหนักดีว่า ไม่มีทางได้เป็นตัวจริง ก็โดดมาตั้งพรรคเสียเองดีกว่า จะได้ไม่เจ็บช้ำเหมือนคราวที่แล้ว ที่นายกรัฐมนตรีตัวจริงของทักษิณ อยู่ที่ ไทยรักษาชาติ
มีคนอื่นบ้างไหม ?
มีนายจุรินท์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะคะแนนเสียงที่พลเอก ประยุทธ์ ได้รับอยู่เมื่อก่อนนี้ เป็นคะแนนของประชาชนที่รักประชาธิปัตย์ แต่ต้องเลือกพรรคที่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เพราะเชื่อว่า พลเอกประยุทธ์สามารถต่อกรกับ ทักษิณ หรือสมุนรับใช้ทักษิณได้
มาถึงตอนนี้ นายจุรินทร์จะเป็นนายกก็ต้องแสดงให้เห็นว่า กร้าวแกร่งพอที่จะสู้กับทักษิณได้ โดยที่ไม่เคลิ้มไ ปกับคำว่า จะเอาเผด็จการ หรือ จะเอาประชาธิปไตยอย่างที่นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนก่อนเจอมา
นายอนุทิน ถ้ายังจะเล่นการเมืองต่อไป ก็คงจะเป็นคนที่รอร่วมรัฐบาล กับใครก็ตามที่ได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็คงจะเป็นที่พอใจทั้งนายอนุทิน และนายเนวิน ชิดชอบ
สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่เคยประสพความสำเร็จในการส่งนางสาวยิ่งลักษณ์ หาเสียงเพียง 49 วันก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้ เพราะ พรรคนี้เพิ่งเปิดตัว นางสาวแพทองธาร ลูกสาวคนเล็ก มาเป็นที่ปรึกษาพรรค
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หัวหงอกหัวดำที่ผ่านงานการเมืองมาอย่างโชกโชน ยาวนานในพรรคเพื่อไทยจะต้องยอมรับ เพราะที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยอมรับมาแล้ว
จะเพิ่มมาอีกสักคนจะเป็นไรไป
ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อถึงเวลา ทักษิณมันจะชี้ไปที่ใคร ลูกชาย หรือ ลูกสาว !
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ทักษิณ ไม่ห่วงลูกหรือ อยากให้ลูกต้องเจอปัญหาเช่นเดียวกับน้องสาว หรือ แม้กระทั่งตัวเองหรือ เพียงประกาศตัวออกมา ผู้คนก็ไปขุดเรื่องเก่าเมื่อครั้งที่เธอสอบเอนทรานซ์เข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แล้ว มีเหตุข้อสอบรั่วอย่างไร ไอ้คนที่รับผิดชอบต้องออกจากราชการอย่างไร ทักษิณแต่งตั้งให้มันเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีอย่างไร
เรื่องแค่นี้ไม่สะทกหรอกสำหรับทักษิณ หรือสำหรับคนที่เป็นทายาทของทักษิณ
หาไม่แล้วเธอคงไม่บอกความในใจออกมาหรอกในทันที่ที่รับตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคว่า พ่อต้องการกลับประเทศไทยอย่างยิ่ง
สมัยยิ่งลักษณ์ มันยังรู้จักกระมิดกระเมี้ยนว่า ไม่มาเล่นการเมืองเพื่อพี่ชาย หากแต่มาเล่นการเมืองเพื่อชาติ เพื่อบ้านเพื่อเมือง (ในขณะที่การกระทำของมันช่วยพี่มันตั้งแต่แรกโดยให้ไอ้ปึ้ง เจรจาเปิดทางให้เข้าญี่ปุ่น เข้าอเมริกา คาบพาสปอร์ตไปให้ที่ดูไบ และจบลงด้วยออกกฎหมายนิรโทษกรรม)
ลูกสาวทักษิณ ไม่กระมิดกระเมี้ยน แม้แต่น้อย ซึ่งแสดงว่า ได้คุยกับพ่อ ได้คุยกับแม่ คุยกับบรรดาที่ปรึกษาจนตกผลึกแล้ว
นี่เป็นเรื่องที่พลเอก ประยุทธ์ คุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ควรประมาท
อ้าวแล้ว พรรคก้าวไกล ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ล่ะ ?
โอย นั่นมันม้านอกสายตา !
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี