อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่อเมริกันฉลองเทศกาลคริสต์มาส และชาวยิวฉลองฮานุกก้า นับเป็นอาทิตย์อันแสนเกียจคร้านสำหรับทุกคนที่นี่ เพราะไม่ค่อยมีแก่ใจทำงานมากนัก คงประมาณอาทิตย์ก่อนปีใหม่ในบ้านเรานี่แหละ
ทุกคนมักเฝ้ารอไวท์คริสต์มาสหรือหิมะโปรยสาย ปกคลุมให้ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวชวนฝันแต่ดูเหมือนปีนี้ทุกสิ่งไม่เป็นไปตามต้องการ นับตั้งแต่อากาศอุ่นขึ้นจนเกิดฝูงทอร์นาโดถล่มหกรัฐ คนตายเพียบจนป่านนี้ยังจัดงานศพกันอยู่ แต่คลื่นอากาศอุ่นยังคงปกคลุมทั่วตอนเหนือของประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะยังอุ่นต่อไปถึงคริสต์มาส เพราะฉะนั้นจะไม่มีไวท์คริสต์มาสแน่นอนปีนี้
แม้จะเป็นช่วงที่ใครๆ ต่างช้อปปิ้งและซื้ออาหารมาเตรียมทำมื้อใหญ่เฉลิมฉลอง แต่ดูหมือนว่าจะเงียบๆ เหงาๆ ชอบกล หลายบ้านไม่ประดับไฟเหมือนเช่นที่เคย คาดว่าเพราะค่าครองชีพที่พุ่งสูงลิ่วและหลายครอบครัวตกงานเลยอาจทำให้ปีนี้ไม่คึกคักสว่างไสวเท่าที่ควร
หลายคนเฝ้ารอข่าวดีก่อนคริสต์มาสปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าโชคไม่เข้าข้าง ปลายปีมีแต่ข่าวร้าย ยอดป่วยยอดตายพุ่งสูงขึ้นจนไอซียูไม่เหลือเตียงไว้รองรับคนไข้โรคอื่น นอกจากต้องเอาไปรักษาดูแลคนป่วยโควิด สถานการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ แม้กระทั่งในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง อย่างแถบอีสต์โคสต์ก็โดนจู่โจมหนัก ลากยาวมาถึงมิดเวสต์แถวบ้านผู้เขียนก็สาหัสพอกัน ส่วนมากเป็นสายพันธุ์เดลต้า ขณะที่โอมิครอนลุกลามไปทั่วแทบจะทุกรัฐแล้วเวลานี้
ประธานรัฐสภา แนนซี เพโลซี รวมถึงผู้นำเสียงข้างมากสภาสูงอย่าง ชัค ชูเมอร์ และผู้นำเสียงข้างน้อยสภาล่าง พรรครีพับลิกัน เควิน แม็คคาธี พร้อมกับสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆ ร่วมพิธีจุดเทียนไว้อาลัยให้เหยื่อโควิดในอเมริกาที่พุ่งทะลุแปดแสนกว่า เอาง่ายๆ เฉพาะแค่ตัวเลขผู้เสียชีวิตภายในปีนี้อยู่ที่ 450,000 คนเข้าไปแล้ว ส่วนมากอยู่ในกลุ่มไม่ยอมฉีดวัคซีน
หมอฟันธงว่าอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับการระบาดโควิดระลอกที่ 5 โดยมีศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่รัฐทางตอนเหนือที่หนาวจัด หมอเก่งแท้เนาะ สามารถแยกได้ว่าตอนนี้เป็นระลอกไหนได้ด้วย แต่สำหรับอเมริกันทั่วไปแยกไม่ได้หรอก เพราะทุกวันระบาดหนักไม่เว้นช่วงมาสองปีแล้ว
ยอดคนตายในอเมริกาเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากเพราะอเมริกันสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ทุกหนแห่งมีของแจกของแถม แต่กลับไม่ยอมไปฉีดวัคซีน นอกจากไม่ยอมฉีดวัคซีนแล้ว ยังไม่ยอมใส่หน้ากากและเว้นระยะห่างอีกด้วย ขอเล่าประสบการณ์ตรงเสริม เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เขียนไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เนื่องจากฉีดโมเดอร์นาครบสองโดสเกินแปดเดือน เลยเลือกเข็มกระตุ้นเป็นโมเดอร์นาอีกคือไม่มีตัวเลือกมากนัก ไม่เหมือนเหมือนไทยที่วัคซีนเต็มแขนแทบทุกยี่ห้อ
แม้ในเว็บไซต์จะบอกว่าให้เดินไปฉีดได้เลยแต่เอาเข้าจริงก็ต้องจองล่วงหน้า ตอนที่เดินเข้าไปในร้านขายยานั้น พนักงานในร้านไม่มีใครใส่หน้ากากแม้แต่คนเดียว แถมคนที่มารอฉีดต่อจากผู้เขียนเป็นฝรั่งที่ใส่หน้ากากผ้ายืดสีดำคาดไว้แค่ปาก แต่ไม่ปิดจมูก พูดเสียงดังกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ดูแล้วแอบหลอน
แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่พบผู้ป่วยโอมิครอนรายแรกในอเมริกา ดูทรงแล้วคงจะลามไปทั่ว เลยออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากในพื้นที่สาธารณะในร่ม โดยไม่สนใจว่าจะได้รับวัคซีนโควิดแล้วหรือยัง มีผลลากยาวไปถึงกลางเดือนมกราคมปีหน้า นอกจากแคลิฟอร์เนียแล้ว รัฐนิวยอร์กบังคับใช้การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะด้วยเช่นกัน โดยจะมีการบังคับใช้ไปถึงวันที่ 15 ม.ค แบบเดียวกับแคลิฟอร์เนียเพราะยอดป่วยในนิวยอร์กตอนนี้น่ากลัวมาก พุ่งสูงอย่างน่าตกใจทุกวัน
นาทีนี้อเมริกันอลหม่าน เพราะพลเมืองไม่ยอมทำตามและไม่ยอมให้ความร่วมมือ เพราะคนที่ดื้อแพ่งไม่ยอมไปฉีดเยอะมาก เลยต้องใช้ไม้แข็งด้วยการบังคับ อย่างมีการบังคับลูกจ้างพนักงานของรัฐบาลกลางให้ฉีดวัคซีน รวมถึงหมอ พยาบาลแนวหน้าในการป้องกันโรค ใครไม่ฉีดต้องออกจากงานแต่คนเหล่านี้ก็พร้อมใจกันลาออกจากงานหน้าตาเฉย
ล่าสุดทางกองทัพขยับ กระทรวงกลาโหมบังคับฉีดวัคซีนทหารทุกนายในเดือนสิงหาคม แต่ยังมีพวกที่ไม่ยอมไปฉีด สุดท้ายกองทัพอากาศ
ไล่ทหาร 27 นายออก โทษฐานไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด ไม่เฉพาะแต่กองทัพอากาศ แต่กองทัพเรือเอาด้วย เตรียมปลดประจำการทหารที่ปฏิเสธฉีดวัคซีนต้านโควิด สักพักก็คงถึงคิวกองทัพบกนั่นแหละ
โรงงานหรือบริษัทที่มีพนักงานเกินร้อยคน ต้องฉีดวัคซีนทุกราย หากใครไม่ฉีด จะให้ออกจากงานกูเกิ้ลให้พนักงานทุกคนแจ้งสถานะการฉีดวัคซีนและอัพโหลดเอกสารยืนยัน หรือส่งหลักฐานเพื่อขอรับการยกเว้นด้วยเหตุผลทางการแพทย์หรือศาสนา ภายในวันที่ 3 ธ.ค. หากพ้นจากวันดังกล่าวไปแล้วบริษัทจะเริ่มติดต่อไปยังพนักงานที่ไม่ได้ส่งเอกสารยืนยัน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ถ้าเจอว่าใครไม่ฉีดก็บ๊ายบาย
ขนาดบังคับกันทุกเม็ดแล้ว จนป่านนี้ยังทำยอดได้ไม่ถึงเป้า ไอ้ที่คุยว่าพลเมืองอเมริกันจะฉีดวัคซีนเกิน 70% นี่ราคาคุย เพราะทำไม่ได้ตามนั้นขณะที่บ้านเราเร่งฉีดวัคซีนและคนไทยทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี จนเราทำได้ตามเป้าอย่างน่าชื่นชม
ภาคข่าวอย่างซีเอ็นเอ็นผวาหนัก ออกคำสั่งปิดสำนักงานทุกแห่งหลังจากวิกฤตสถานการณ์ไวรัสโอมิครอนระบาดเพิ่มมากขึ้นในอเมริกา ทำให้พนักงานบริษัทในส่วนที่ไม่สำคัญไม่ต้องเข้าไปทำงานที่สำนักงาน ส่วนพนักงานที่จำเป็นต้องเข้ามาถูกกำหนดให้สวมหน้ากากตลอดเวลา
ส่วนวัคซีนเทพที่คนบางกลุ่มเชิดชูบูชานักหนา นาทีนี้ไม่เทพซะแล้ว อเมริกาอนุมัติวัคซีนแค่สามตัวคือไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์ จอห์นสัน ตอนนี้เริ่มไม่โอเคกับจอห์นสัน คณะที่ปรึกษาเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการฉีดวัคซีน(Advisory Committee on ImmunizationPractices) ของซีดีซี ลงมติเป็นเอกฉันท์ออกคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนที่ผลิตโดยโมเดอร์นา อิงค์ และไฟเซอร์/ไบออนเทค แทนวัคซีนของจอห์นสันแอนด์ จอห์นสัน คือ ให้ฉีดเฉพาะโมเดอร์นากับไฟเซอร์นั่นเอง
นั่นเพราะการพบเคสภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำมากกว่า 50 ราย ในอเมริกา หรือคิดเป็น 3.38 เคสต่อประชาชน 1 ล้านคน
ที่ฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในบรรดาเคสเหล่านั้น มีอย่างน้อย 9 ราย ที่เสียชีวิต คณะที่ปรึกษาของซีดีซียังระบุว่าวัคซีนของจอห์นสันแอนด์ จอห์นสัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดน้อยกว่าวัคซีนตัวอื่นอีก 2 ตัวที่ได้รับอนุมัติใช้
หากจะถามเหตุผลว่าทำไมอเมริกันไม่ยอมไปฉีด มาดูข่าวนี้กันก่อนแล้วจะถอนใจ คนแบบนี้มากมายไปหมด โผล่ขึ้นมาแสดงความไร้จิตสำนึกต่อส่วนรวม
ชายชาวฟลอริดารายหนึ่งถูกสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ไล่ลงจากเครื่องบินและขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้าม หลังสวมกางเกงชั้นในสตรี
“จีสตริง” สีแดง ปกปิดใบหน้าระหว่างอยู่บนเครื่องบินเพื่อประท้วงมาตรการบังคับสวมหน้ากากของรัฐบาลกลาง แล้วหมอนี่ไม่ได้ทำแค่หนเดียว แต่ทำมาแล้วหลายครั้งหลายหน และบอกว่าจะทำอีก
แม้ว่าจะผ่านวันคริสต์มาสแล้ว แต่ดูเหมือนว่าปีนี้จะไม่มีข่าวดีและเรื่องราวดีๆ ให้สบายใจได้เลย นอกจากกัดฟันฝ่าความทุกข์ทนไปอีกปี และไม่รู้ว่าความทุกข์จากโรคระบาดจะจบสิ้นเมื่อใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี