จริงๆ ช่วงนี้มีสถานการณ์สำคัญมากมายเกิดขึ้นในอเมริกา ล่าสุดนี่เกิดการกราดยิงในห้างที่รัฐที่ผู้เขียนอาศัยอยู่นี่เอง ทั้งที่เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดการกราดยิงในรัฐเพื่อนบ้านอย่างอิลลินอยส์ไปแล้ว สงสัยรัฐอินเดียน่า กลัวน้อยหน้าเลยกราดยิงบ้างแต่หนนี้เกิดในห้างช่วงวันอาทิตย์ตอนบ่ายที่ใครๆ ก็ไปเดินห้างกัน สรุปว่าตายไป 3 อ้อ 4 หากรวมมือปืนด้วย บาดเจ็บ 2 รวมทั้งเด็กหญิงวัย 12 ปี สงสารจับใจที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
รายนี้ลากไรเฟิลมาเหมือนรายอื่น แต่ยังไม่ทันจะกราดยิงอีกรอบ ก็เจอกระสุนของประชาชนด้วยกันเองนี่แหละ รายนี้พกปืน
เหมือนกัน โดยมีใบขออนุญาตถูกต้อง พอเจอเหตุการณ์ตรงหน้าเลยควักปืนตัวเองยิงเปรี้ยงใส่มือปืนตายคาที่ เรื่องนี้เขียนถึงซ้ำซากจนเบื่อจะเขียน แต่ต้องนำมาบอกเล่าสู่กันฟังทุกทีที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก บรรดาสามนิ้วที่อยากโยกย้ายยังอยากจะมาอเมริกาไหม ถามจริง
พูดถึงกลุ่มสามนิ้วโหนประชาธิปไตยแล้ว จำเป็นต้องเขียนถึงเอกอัครราชทูตอเมริกันคนใหม่ที่กำลังจะเข้ามาประจำตำแหน่ง
ในไทย คือ โรเบิร์ต เอฟ โกเดค ดูจากถ้อยแถลงต่อกรรมาธิการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐฯ แล้วหน้ายายทูตคริสปี้ครีม
แสนเผือกรายเดิมเด้งออกมาทันที
โกเดคได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรไทย ภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ตอนนั้นดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานอาวุโส ฝ่ายกิจการอัฟกานิสถาน ณ สำนักงานกิจการประชากร ผู้ลี้ภัยและการโยกย้ายถิ่น ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการแอฟริกา และเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศเคนยา
พี่โรเบิร์ต บอกว่า จะสานต่อสายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ปี 1833 เรื่องนี้โอเคนะจ๊ะ แต่ประเด็นหลักในถ้อยแถลงที่ทำให้คนไทยขมวดคิ้วคือหมอนี่มาพร้อมท่าทีแบบสายเหยี่ยวเต็มที่ เพราะขนาดตัวยังมาไม่ถึงแต่จมูกยื่นทะลุไทยมาเรียบร้อยแล้ว เพราะประกาศจะให้ไทยปรับปรุงสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แบบนี้กลุ่มที่ชูป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” กับ “ยกเลิก 112” มีเฮแน่นอน
ที่เขียนแบบนี้เพราะมีเหตุ ในการแถลงต่อกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐ วุฒิสมาชิกสหรัฐตั้งกระทู้ถามโกเดคถึงม.112 หมอนี่ออกตัวก่อนเลยว่าอเมริกาเคารพสถาบันกษัตริย์ของไทย และเข้าใจความภักดีของคนไทยต่อสถาบัน ไม่จริง...อเมริกันไม่มีวันเข้าใจหรอก นี่กล้าพูดแบบคนที่อยู่อเมริกามา 20 ปีและแต่งงานกับคนอเมริกัน
จนทุกวันนี้ยังมีการนำเสนอข่าวที่ไม่จริงเกี่ยวกับสถาบันบ่อยๆ ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 9 สื่ออเมริกันนี่แหละที่สื่อว่าคนไทย
มองในหลวงเหมือนเทพเจ้า ซึ่งนั่นผิดความจริงมากมาย เพราะเรารักรัชกาลที่ 9 เหมือนพ่อผู้เป็นที่รัก ไม่ใช่เทพเจ้าที่แตะต้องและเอื้อมไม่ถึง
ถ้าทูตคนใหม่จบประโยคแค่นั้นก็เรื่องจบ แต่ไม่จบ เพราะมีประโยคตามมาว่า แม้จะเข้าใจความจงรักภักดีของคนไทยต่อสถาบันกษัตริย์ แต่...ไอ้นี่แหละ…ทำให้หลายคนแคลงใจ แต่...สิ่งสำคัญคือประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องหวาดกลัวการถูกจับกุม และตนจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
แหม..ดัดจริตจริงๆ นึกว่าชาวโลกลืมแล้วรึไง เคยมีกรณีหนุ่มมะกันเขียนบทกวี 16 บรรทัด บรรยายถึงการใช้ปืนสไนเปอร์ลอบยิงประธานาธิบดีโอบามาโพสต์บนเว็บไซต์แห่งหนึ่งเจอคุก 33 เดือน ขณะที่เด็กวัยรุ่นอังกฤษส่งอีเมลไปยังทำเนียบขาวตอนเมา เรียกประธานาธิบดีว่า “คะรวย” ถูกห้ามเดินทางเข้าอเมริกาตลอดชีวิต ช่วยตอบกรณีนี้หน่อยนะ ว่าที่ท่านทูต
ว่าที่ทูตยังกล้ากล่าวว่าจะช่วยเหลือประเทศไทยปรับปรุงสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงาน โถ..มองบ้านตัวเองบ้างนะ ว่าที่ท่านทูต ไอ้ที่เบียดเสียดกันตายในรถที่เท็กซัสเมื่อเดือนก่อนนี่ไม่ใช่การค้ามนุษย์เลยสินะ ลืมแล้วเหรอว่าคุกกวนตาโมที่ขึ้นชื่อเรื่องการทรมานนักโทษโหดสุดๆ เนี่ยของใครเอ่ย
ยิ่งพล่ามเรื่องผู้อพยพยิ่งตลกเป็นบ้า อย่ามาตีหน้าใสซื่อมีมนุษยธรรม ในขณะที่ประเทศตัวเองกระทำต่อผู้อพยพอย่างโหดร้ายยิ่งกว่าคนชาติอื่นเสียอีก ใครๆ ก็รู้ว่าอเมริกากับคิวบาเป็นไม้เบื่อไม้เมาไม่เผาผีกันมาหลายทศวรรษ ชาวคิวบาพยายามลอยเรือเพื่อลอบเข้าอเมริกาอยู่ตลอดเวลา แต่ลุงแซมผู้แสนดีพอเจอเรือเรฟูจีสัญชาติคิวบาปุ๊บเอาปืนจ่อกบาลแล้วถีบหัวเรือออกไปกลางทะเลอีกทันที อย่าคิดว่าลุงแซมจะรินโค้กเย็นๆ ยื่นให้พลางอ้าแขนรับอย่างเด็ดขาด กรณีนี้รวมถึงเม็กซิกันที่ตะโกนร้องอาร์มิโก้วิ่งโร่ข้ามชายแดนมาไม่ขาดสาย ถ้าลุงแซมจับได้ก็เตะโด่งออกไปทันที หรือหากมาจับได้ทีหลังก็เนรเทศแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นสมกับความเป็นผู้มีมนุษยธรรมสูงส่งโดยแท้
ไอ้คำสวยหรูอย่างประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชนเหล่านั้นลุงแซมใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันประเทศเล็กๆ ที่แข็งข้อไม่ยอมก้มลงจูบตีนแต่โดยดีสิทธิมนุษยชนที่ท่านว่าก็เพื่อเอาไว้
บีบคอบังคับให้ชาติอื่นทำตามที่อเมริกาต้องการ เพื่อผลประโยน์ของอเมริกาเท่านั้นแหละ
แต่ไอ้ที่หนักกว่านั้นคือบอกว่าจะให้เราลดการซื้อพลังงานจากพม่า เพื่อกดดันให้รัฐบาลทหารคืนประชาธิปไตย เดี๋ยวนะ..
แบบนี้เรียกว่า “เสือก” นะยู
พูดกันแบบบ้านๆ แบบคนไทยที่มองอะไรตรงไปตรงมาเรากับพม่าเป็นเพื่อนบ้านกัน แล้วมึง เอ๊ย ยูเป็นใครถึงได้กร่างมาบอกให้เราคบหาสมาคมอย่างไรกับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง มาในฐานะทูตไม่ใช่เหรอ ไม่ได้มาในฐานะผู้ปกครองแผ่นดินไทย ที่ถูกส่งมาควบคุมหัวเมืองที่ต้องคอยจิ้มก้องส่งส่วยให้อเมริกา แค่ก้าวขาจะมาเมืองไทยก็เหยียบหัวใจคนไทยแล้ว แบบนี้อยู่กันยากนะ อย่าเที่ยวยื่นจมูกมาวุ่นวายกับอธิปไตยของไทยและเพื่อนบ้านเลย
งานนี้ว่าที่ทูตจัดหนักแน่ เพราะย้ำชัดเจนว่าเรื่องพม่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่จะหารือกับทางการไทย สงสัยตั้งแต่บลิงเคนมาไทยแล้วว่าทำไมต้องขอพบกลุ่มพม่าในไทย ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง คิดดีๆ นะ ว่าที่ท่านทูตว่าเดินเกมแบบนี้ฉลาดแล้วหรือ
สองเดือนก่อนเห็นขู่อินเดียฟ่อๆ ไม่ใช่เหรอว่า อย่าไปซื้อของจากไอ้หมีขาวนะ แต่อาบังแคร์ซะที่ไหนล่ะ ตั้งแต่สงครามยูเครน อังเคิลแซมก็วุ่นวายกับการด่าชาตินั้นชาตินี้ที่ไม่ยอมคว่ำบาตรพี่หมีขาว หวยไปออกที่อินตะระเดียนะนายจ๋า อังเคิลแซมว่า ถ้ายูไม่ยอมคว่ำบาตรไอ้หมีขาว แถมยังซื้อน้ำมันเอยปุ๋ยเอยจากรัสเซีย ไอจะฟาดก้นนะเว้ย งุ่นง่านถึงขั้นต่อสายไปคุยกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย โดยบอกว่าการที่พี่บังซื้อน้ำมันจากพี่หมีไม่ได้เป็นผลดีอะไรต่ออินเดียเอง พี่บังฟังแล้วก็หงึกคอไปมา สวนกลับว่า ไม่ต้องมาสนใจประเทศไอเลยนะยู โน่นนนนน..ไปต่อรองในยุโรปดีกว่า แปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า อย่าเสือกนั่นแหละ เที่ยวกดดันบีบไข่ให้ชาติอื่นช่วยบีบคอพี่หมีรัสเซีย แต่โดนสวนกลับมาขนาดนี้ ยังมีอะไรให้ภาคภูมิใจเหรอ ลุงแซม
นี่ก็เหมือนกัน คงจะลากไทยให้กดดันรัฐบาลพม่า อ้างโน่นนี่ว่าเพราะเราซื้อก๊าซธรรมชาติจากบ่อก๊าซยานาดาและซอว์ติกาคิดเป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 80 ของปริมาณส่งออกทั้งหมดของพม่า เลยต้องส่งว่าที่ท่านทูตมาบีบคอไทยแบบเดียวที่เคยเห่าใส่อินเดียมาก่อนหน้าแล้วนั่นแหละ
จากนี้ไปพวกเราต้องช่วยกันทำหน้าที่ “หมาเฝ้าบ้าน” จับตาดูทูตรายนี้ สารภาพตรงๆ ว่าผู้เขียนเป็นสายเดโมแครต แม้จะเข้าใจกรอบนโนบายของเดโมแครตก็ตาม แต่คงยอมรับไม่ได้หากทูตอเมริกันสายเดโมแครตดำเนินนโยบายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเมืองไทย เหมือนเห็นเงาของยายทูตคริสปี้ครีม นางคริสตี้เคนนีย์ ที่เข้ามาจุ้นกับการเมืองไทยช่วงรัฐบาลโอบามาและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขึ้นมาทันที
เตือนตรงๆ ด้วยความรักสุดซึ้งอีกหนว่า “อย่าเสือก” ไม่งั้นคงได้เห็นดีกันอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี