ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันเกิดอลัชชีในคราบผ้าเหลืองเข้ามาอาศัยวงการพุทธศาสนาแสวงหาอำนาจผลประโยชน์มาแล้วมากมาย ซึ่งอลัชชีในคราบผ้าเหลืองหลายคนทำตัวเป็น 18 มงกุฎหลอกลวงคนทั้งประเทศให้งมงายจนโด่งดังอำพรางความชั่วร้ายของตัวเอง ซึ่งจากกรณีล่าสุดก็คือการที่มหาเถรสมาคม(มส.) ถูกตั้งคำถามจากพุทธศาสนิกชนจำนวนมากว่าปกป้องธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกายทั้งๆ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯมีบัญชาให้ธัมมชโย ปาราชิกพ้นความเป็นพระตั้งแต่เมื่อปี 2542 ฐานยักยอกเงินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวเกือบ 1,000 ล้านบาท และเผยแพร่ลัทธิที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
เบื้องหลังการปกป้องเจ้าสำนักธรรมกายของมหาเถรสมาคมถูกตั้งข้อสังเกตว่าซ่อนไว้ด้วยเบื้องหลังทั้งทางการเมืองและผลประโยชน์ภายใต้อิทธิพลของสำนักธรรมกายที่ส่อพฤติการณ์ต้องการยึดครองศาสนจักรและประเทศไว้ในมือ
วงการสงฆ์ช่วงหลายปีที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสังเกตว่าตกอยู่ภายใต้ผลประโยชน์และการครอบงำของสำนักธรรมกายที่พยายามเผยแพร่ลัทธิอันเลวร้ายซึ่งตรงกันข้ามกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยมุ่งแสวงหาอำนาจผลประโยชน์ในคราบผ้าเหลืองซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งทั้งต่อพระพุทธศาสนา และความมั่นคงของชาติ
ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกชนหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการสังคายนาและปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่เพื่อขจัดเหล่าอลัชชีที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อำนาจโดยอาศัยคราบผ้าเหลืองบังหน้า ทั้งนี้ควรจะมีการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับปัจจุบันซึ่งมีการแก้ไขในยุครัฐบาลระบอบทักษิณเรืองอำนาจซึ่งมีการลิดรอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์และราชประเพณีที่ปฏิบัติกันมาแต่โบราณกาลจากที่ พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับเดิมกำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช แต่กลับแก้ไขถ่ายโอนพระราชอำนาจโดยกำหนดให้ มส.เป็นผู้เสนอชื่อพระเถระผู้ใหญ่ที่มีสมณศักดิ์สูงสุดขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
นอกจากนี้ที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบันพบว่าพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายรูปประพฤติตนไม่อยู่ในพระธรรมวินัยมีการมัวเมาสั่งสมกิเลสแทนที่จะยึดพระธรรมวินัย อาทิ ลุ่มหลงในการแสวงหาอำนาจสมณศักดิ์และสะสมทรัพย์สินจำนวนมากและใช้ทรัพย์สินเพื่อปรนเปรอความสุขส่วนตัวโดยไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อวงการพุทธศาสนาหรือสังคมแม้แต่น้อย และที่เลวร้ายก็คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร่ำลือในเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายหรือใช้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนในการเลื่อนสมณศักดิ์ในหมู่พระเถระผู้ใหญ่
จากปรากฏการณ์การแสวงหาอำนาจผลประโยชน์ในวงการสงฆ์ทำให้มีข้อเรียกร้องว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่น่าจะมีระบบตรวจสอบวงการสงฆ์ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ โปร่งใส ป้องกันไม่ให้อลัชชีในคราบผ้าเหลืองเข้ามาอาศัยวงการพุทธศาสนาแสวงหาอำนาจผลประโยชน์
ทั้งนี้ควรมีการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสเริ่มจากพระเถระผู้ใหญ่ในมส.อันเป็นองค์กรสูงสุดของสงฆ์และวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ที่มาผลประโยชน์ที่แฝงอยู่ในวงการสงฆ์นั้นมีมูลค่ามหาศาล ดังนั้นพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งสมควรบริสุทธิ์โปร่งใสและละแล้วซึ่งกิเลสไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลังแอบแฝงก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ เว้นแต่อลัชชีในคราบผ้าเหลืองเท่านั้นที่จะโวยวายไม่ยอมถูกตรวจสอบ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี